อัยการแจงไม่มีอำนาจนำพยานคดีฆ่า'อัลรูไวลี่'

"โกวิท"ยันไม่มีอำนาจพิเศษพาพยานปากสำคัญคดีอุ้มฆ่านักธุรกิจซาอุหนี ย้ำขอศาลส่งประเด็นสืบพยานที่ยูเออีเพื่อความเป็นธรรม
นายโกวิท ศรีไพโรจน์ อัยการผู้เชี่ยวชาญฝ่ายคดีพิเศษ 1 ผู้รับผิดชอบคดีอุ้มฆ่านายโมฮัมเหม็ด อัลรูไวลี่ นักธุรกิจชาว ซาอุดิอาระเบีย กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม อดีตจเรตำรวจแห่งชาติ จำเลยคดีนี้ กล่าวหาอัยการฝ่ายกิจการต่างประเทศสนับสนุนให้พา พ.ต.ท. สุวิชชัย แก้วผลึก พยานโจทก์ที่รอสืบพยาน ให้ไปอยู่ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์(ยูเออี.) ซึ่งพยานดังกล่าวก็ถูกออกศาลจังหวัดมีนบุรีออกหมายจับคดีฆ่าผู้อื่นที่ตัดสินจำคุกตลอดชีวิตไปแล้ว ว่า อัยการไม่มีอำนาจพิเศษใดที่จะดำเนินการอย่างนั้นได้ เชื่อว่าพล.ต.ท.สมคิด คงไปได้หลักฐานการปลอมแปลงเอกสารปี 2554 ของ พ.ต.ท.สุวิชชัย จึงตั้งประเด็นว่าพยานเคยอยู่ประเทศไทยและอาจยังอยู่ จึงไม่ควรนำไปสืบต่างประเทศ แต่ที่อัยการแถลงขออนุญาตศาลอาญาให้ส่งประเด็นไปสืบ พ.ต.ท.สุวิชชัยที่ยูเออี.นั้น เพราะได้รับการยืนยันจากทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ว่าสามารถประสานงานกับ พ.ต.ท.สุวิชชัยมาเป็นพยานในคดีนี้ได้ ศาลเองก็มองในเรื่องนี้ว่า ควรเปิดโอกาสให้นำพิสูจน์พยานปากนี้ ส่วนพยานจะเชื่อถือได้หรือไม่ศาลจะเป็นผู้วินิจฉัยเอง
เมื่อถามว่า อัยการทราบหรือไม่ว่า พ.ต.ท.สุวิชชัย มีหมายจับของศาลจังหวัดมีนบุรี นายโกวิท กล่าวว่า ทราบเรื่องแล้ว แต่การติดตามจับกุม พ.ต.ท.สุวิชชัย เป็นเรื่องของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ซึ่งตนทราบมาว่าดีเอสไอติดต่อกับพยานได้ แต่พ.ต.ท.สุวิชชัย แจ้งความประสงค์ว่าจะเบิกความในต่างประเทศเท่านั้น และการสืบพยานครั้งนี้อัยการเองก็ไม่ได้มีอำนาจไปซักถามพยานต่อหน้า แต่ใช้วิธีตั้งคำถามส่งไปประมาณ 10 กว่าข้อเท่านั้น ซึ่งพล.ต.ท.สมคิดก็มีสิทธิที่จะตามไปซักค้านได้
ขณะที่นายรุจ เขื่อนสุวรรณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 กล่าวว่า เรื่องที่พล.ต.ท.สมคิด กล่าวหาอัยการต่างประเทศมีส่วนเกี่ยวข้องกับการพาตัวพยานในคดีนี้หนีไปต่างประเทศ นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุดมีความเป็นห่วงและได้เรียกตนเข้าไปสอบถาม ซึ่งตนรายงานว่าอัยการที่ทำคดีนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนเรื่องการทำคดีเราเชื่อว่าเราทำถูกทางแล้ว และทางการซาอุฯก็มีทีท่าเชื่อมั่นในการดำเนินคดีของเรามากขึ้นกว่าในสมัยก่อน ซึ่งการที่เราสร้างความยุติธรรมก็จะทำให้ความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศกลับมาดีขึ้นโดยอัยการจะทำอย่างเต็มที่
ด้านนายวินัย ดำรงค์มงคลกุล อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ที่ผ่านมายังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ จึงยังไม่ได้เรียกอัยการที่รับผิดชอบคดีมาสอบถาม แต่หน้าที่ของอัยการต่างประเทศ มีหน้าที่แค่ติดต่อเรื่องสืบพยานในต่างประเทศเท่านั้น ไม่น่าจะไปเกี่ยวข้องกับการพาตัวพยานออกนอกประเทศ ขณะที่การดูแลพยานเป็นเรื่องของดีเอสไอ




