คุม'กำนันเป๊าะ' ส่งศาลคดีฆ่า'กำนันยูร'

คุม'กำนันเป๊าะ' ส่งศาลคดีฆ่า'กำนันยูร'

คอมมานโด คุม"กำนันเป๊าะ" ส่งศาลรายงานตัวคดีฎีกาฆ่า"กำนันยูร"และทุจริตจัดซื้อที่ดินสาธารณะต.เขาไม้แก้ว คุก30ปี4เดือน

วานนี้(30ม.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษกเมื่อเวลา 14.40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจคอมมานโด กองปราบปราม พร้อมอาวุธปืนเล็กอัตโนมัติ ควบคุมตัวนายสมชาย หรือ"กำนันเป๊าะ" คุณปลื้ม อายุ 76 ปี หรือ นายกิม แซ่ตั้ง (ชื่อใหม่ตามซองยา) ผู้ต้องคำพิพากษาศาลฎีกา คดีจ้างวานฆ่านายประยูร สิทธิโชติ หรือ"กำนันยูร" อดีตกำนันตำบลท่าเสม็ด จ.ชลบุรี มาส่งศาล ตามที่ถูกออกหมายจับ ภายหลังศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก 30 ปี 4 เดือน

โดยการควบคุมตัวดังกล่าว มีรถวิทยุฉลามบกนับสิบคัน ขับประกบคุ้มกันขณะที่กำนันเป๊าะถูกเจ้าหน้าตำรวจคอมมานโด นั่งประกบมาในรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ซึ่งมีขบวนสื่อมวลชนจำนวนมากติดตามมาทำข่าวซึ่งสร้างความโกลาหลพอสมควร เมื่อมาถึงเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวกำนันเป๊าะ ไปยังห้องคุมขังใต้ถุนศาลอาญา

ขณะที่เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. นายวิทยา คุณปลื้ม นายกอบจ.ชลบุรี บุตรชายคนที่ 2 พร้อมด้วยญาติ และผู้ติดตามจาก จ.ชลบุรี ประมาณ 10 คน เดินทางมายังศาลอาญา เพื่อพบบิดาภายหลังทราบข่าวการจับกุม โดยนายวิทยาได้ใช้เวลาประมาณ 5 นาที ติดตามสอบถามอาการของกำนันเป๊าะ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เนื่องจากกำนันเป๊าะมีอาการป่วยหลายโรค ซึ่งนายวิทยา ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ โดยระบุเพียงว่า"ไม่พร้อม"

กระทั่งเวลา 15.15 น. ที่ห้องเวรชี้ ศาลได้ออกนั่งบัลลังก์เพื่อสอบถามกำนันเป๊าะ ว่า เป็นบุคคล คนเดียวกับนายสมชาย คุณปลื้ม จำเลยที่1 คดีจ้าง วาน ฆ่า กำนันยูร หรือไม่ ซึ่งกำนันเป๊าะ ให้การยอมรับว่าเป็นบุคคลเดียวกันจริง จากนั้นศาลจึงได้ออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จึงได้นำตัวกำนันเป๊าะไปพิมพ์ลายนิ้วมือไว้ โดยเมื่อเวลา 15.30 น. เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัวกำนันเป๊าะ ขึ้นรถตู้ของกรมราชทัณฑ์ เพื่อส่งตัวคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยมีหน่วยปฏิบัติการพิเศษของกรมราชทัณฑ์ที่พกอาวุธปืนยาวอัตโนมัติ ติดตามไปยังเรือนจำด้วยเพื่อป้องกันเหตุ

สำหรับกำนันเป๊าะนั้น ถูกฟ้องดำเนินคดีอาญา ซึ่งศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว รวม 2 คดี คือ คดีจ้างวานฆ่านายประยูร สิทธิโชติ หรือกำนันยูร อดีตกำนันตำบลท่าเสม็ด จังหวัดชลบุรี ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสมชาย คุณปลื้ม หรือกำนันเป๊าะ ปัจจุบันอายุ 76 ปี อดีตนายกเทศมนตรีตำบลแสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี และนายภาสกร หอมหวล หรือ ส.ท.เหี่ยว อายุ 45 ปี สมาชิกสภาเทศบาลเมืองแสนสุข ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-2 ต่อศาลอาญา ในคดีดำหมายเลข ด.1988/2546 ในความผิดฐานร่วมกันก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดด้วยการใช้ จ้างวาน ให้ฆ่าผู้อื่น โดยไตร่ตรองไว้ก่อน

โดยคดีฆ่ากำนันยูร อัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 8 ก.ค.46 ระบุว่า เมื่อระหว่างเดือน ต.ค.- 9 มี.ค.46 จำเลยที่ 1-2 ร่วมกันใช้จ้างวาน ให้นายธนาวุฒิ หรือติ เกิดเกียรติกุล กับพวกวางแผนจัดการสังหารนายประยูร สิทธิโชติ หรือกำนันยูร อดีตกำนันตำบลท่าเสม็ด จังหวัดชลบุรี โดยเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน จ้างวานในราคา 3 ล้านบาท โดยนายธนาวุฒิ กับพวก ตกลงรับงานฆ่านายประยูร จากนั้นนายธนาวุฒิ ได้วางแผนดักฆ่านายประยูร หลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ ต่อมาวันที่ 9 มี.ค.46 นายประยูร ถูกคนร้ายที่ยังไม่ปรากฏชัดว่าเป็นใครยิงเสียชีวิตในงานแต่งงานที่ร้านไพรเวชค้าวัสดุ หลังจากนั้นวันที่ 17 และ 24 เม.ย.46 จำเลยที่ 1 -2 ได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน พร้อมให้การปฏิเสธ เหตุเกิดที่ ต.แสนสุข อ.เมืองชลบุรี ซึ่งศาลอาญา มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.47 ให้จำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 25 ปี และให้นับโทษกำนันเป๊าะ จำเลยที่ 1 ต่อจากโทษคดีแดงหมายเลข 843/2548 ของศาลจังหวัดชลบุรี คดีทุจริตจัดซื้อที่ดินสาธารณะ ต.เขาไม้แก้ว จ.ชลบุรี เพื่อสร้างบ่อกำจัดขยะด้วยอีก 5ปี 4 เดือน รวมจำคุกกำนันเป๊าะ ทั้งสิ้น 30 ปี 4 เดือน ขณะที่ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 12 ต.ค.48 พิพากษายืน

และศาลฎีกามีคำตัดสินเมื่อวันที่ 12 มี.ค.55 ซึ่งได้มีการอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย เนื่องจากกำนันเป๊าะ และพวกมีพฤติกรรมหลบหนีไม่มาศาลเพื่อฟังคำพิพากษาศาลฎีกามาแล้วหลายครั้ง ขณะที่ศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ และศาลชั้นต้น ให้จำคุก กำนันเป๊าะ และลูกน้อง คนละ 25 ปี แต่เมื่อนับโทษกำนันเป๊าะ รวมคดีแดงหมายเลข 843/2548 ของศาลจังหวัดชลบุรี คดีทุจริตจัดซื้อที่ดินสาธารณะ ต.เขาไม้แก้ว จ.ชลบุรี เพื่อสร้างบ่อกำจัดขยะด้วยรวมจำคุกกำนันเป๊าะ ทั้งสิ้น 30 ปี 4 เดือน ขณะที่เมื่อกำนันเป๊าะ และพวกหลบหนี ศาลอาญาจึงมีคำสั่งให้ออกหมายจับตัวมารับโทษต่อไป และให้ปรับ บุตรสาว กำนันเป๊าะ ซึ่งเป็นนายประกันด้วย จำนวน 15 ล้านบาท

ทั้งนี้สำหรับคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าว เห็นว่า นายธนาวุฒิ หรือติ เกิดเกียรติกุล , นายพสิษฐ์ หรือคิด แตงตุ้มรุ่งโรจน์ และนายธนาพล หรือเจี๊ยบ บุญศรีอุทัย พยานโจทก์ทั้ง 3 ปาก เบิกความสอดคล้องกันในสาระสำคัญ ทั้งวันเวลา สถานที่ และบุคคลที่เกี่ยวพัน เริ่มตั้งแต่เหตุการณ์ที่นายธนาวุฒิและนายธนาพล ได้รับการติดต่อจากจำเลยที่ 1 ให้ไปฆ่านายประยูร เนื่องจากจำเลยที่ 1 ไม่พอใจเรื่องที่พ.ต.ท.ไชยันต์ วิชัยดิษฐ์ ลูกน้องคนสนิทถูกนายเลิศชาย บุตรชายของนายประยุทธ น้องชายนายประยูร ที่ถูกพ.ต.ท.ไชยันต์ อุ้มฆ่ามายิงแก้แค้น ซึ่งจำเลยที่ 1 เกรงว่านายประยูร กับนายเลิศชาย จะจ้างคนมายิงเอาคืน จึงว่าจ้างนายธนาวุฒิ กับพวกเป็นเงิน 3 ล้านบาท ชิงวางแผนฆ่าผู้ตายเสียก่อน ครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 ต.ค.45 ในงานพิธีเปิดอู่ซ่อมรถของนายพสิษฐ์ ครั้งที่ 2 เมื่อ พ.ย.45 ขณะนายประยูร พร้อมคณะเดินทางไปทอดกฐินที่จังหวัดสระบุรี ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.45 ในงานปีใหม่ที่ตำบลเสม็ด

โดยนายธนาวุฒิ ติดต่อให้ จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา และส.อ.สมชาย บุนนาค เป็นผู้ลงมือ ครั้งที่ 4 วันที่ 16 ม.ค.46 ที่มหาวิทยาลัยบูรพา ทั้งนี้การวางแผนฆ่านายประยูร ทั้ง 4 ครั้งไม่สำเร็จ เนื่องจากนายประยูร ระมัดระวังตัว กระทั่งเมื่อวันที่ 9 มี.ค.46 นายธนาวุฒิกับพวกเตรียมวางแผนฆ่านายประยูร อีกครั้งในงานแต่งงานที่ร้านไพรเวชค้าวัสดุ แต่ปรากฏว่าจ.ส.อ.ประดิษฐ์ คนใกล้ชิดจำเลยที่ 1 แจ้งว่า จำเลยที่ 1 สั่งระงับแผนฆ่า เนื่องจากมีข่าวรั่วไหล ทั้งนี้บันทึกคำให้การของนายธนาวุฒิและนายพสิษฐ์ ปรากฏว่าเคยให้การไว้หลายครั้ง และยืนยันมาตลอดว่าจำเลยทั้งสองเป็นผู้ใช้จ้างวานฆ่าผู้ตาย รายละเอียด ส่วนใหญ่ตรงกับคำเบิกความในชั้นศาล ประกอบกับพยานทั้งสองยังได้นำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพ รายละเอียดดังกล่าวเป็นความลับรู้กันเฉพาะพยานทั้งสองเท่านั้น อีกทั้งโจทก์ยังได้นำ จ.ส.อ.ปัญญา และ ส.อ.สมชาย มาเบิกความสนับสนุน ทำให้คำเบิกความของพยานทั้งสองมีน้ำหนักมากขึ้น เห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ดังกล่าวมีน้ำหนักมั่นคงรับฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองทำผิดตามฟ้อง ที่ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยพิพากษายืน

ส่วนคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินสาธารณะ ต.เขาไม้แก้ว จ.ชลบุรี จำนวน 140 ไร่ มูลค่ากว่า 93 ล้านบาทเศษ โดยซื้อที่ดินเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าในราคาไร่ละ 50,000 บาท นำไปขายให้กับเทศบาลเมืองพัทยา สูงถึงไร่ละ 668,000 บาท อันเป็นการทุจริต เพื่อสร้างบ่อกำจัดขยะนั้น พนักงานอัยการจังหวัดชลบุรี เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง กำนันเป๊าะ , นายศิวดลหรือ"ดำ" สุคนธสิทธิ์ นักธุรกิจชื่อดัง , นายวินัย สมทรัพย์ , นายวิริยะ บุลกุล อดีตนิติกรระดับ 6 เมืองพัทยา และนายประเสริฐ ภู่พงษ์ อดีตเจ้าพนัก งานที่ดิน จ.ชลบุรี เป็นจำเลยที่ 1- 5 ต่อศาลจังหวัดชลบุรีในคดีหมายเลขดำ 2295/2540 เมื่อวันที่ 16 ก.ค.40

ศาลจังหวัดชลบุรี มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 มี.ค.46 ให้จำคุกกำนันเป๊าะ จำเลยที่ 1 , นายศิวดล จำเลยที่ 2 และ นายวินัย จำเลยที่ 3 ฐานสนับสนุนให้เจ้าพนักงานใช้อำนาจในทางทุจริต คนละ 3 ปี 4 เดือน และฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือเอกสารราชการ อีกคนละ 2 ปี รวมจำคุกกำนันเป๊าะ กับพวกคนละ 5 ปี 4 เดือน และให้ยึดเช็คเงินสดของกลาง 6.8 ล้านบาท ส่วนนายวิริยะ จำเลยที่ 4 ถูกจำคุก 5 ปี ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยให้ยกฟ้องนายประเสริฐ จำเลยที่ 5

ต่อมาศาลอุทธรณ์ มีคำตัดสินเมื่อวันที่ 11 พ.ค.47 โดยในส่วนของกำนันเป๊าะนั้น พิพากษายืนจำคุก 5 ปี 4 เดือน
ขณะที่ศาลฎีกา ได้อ่านคำพิพากษาลับหลังกำนันเป๊าะ เช่นเดียวกับคดีฆ่ากำนันยูร เมื่อวันที่ 10 พ.ค.49 เนื่องจากกำนันเป๊าะหลบหนี ซึ่งฎีกา พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

นอกจากนี้ กำนันเป๊าะ ยังถูกอัยการ ยื่นฟ้องคดีแพ่งเพื่อให้ทรัพย์สินของกำนันเป๊าะ , นางยุพิน หรือ"สติล" คุณปลื้ม ภรรยากำนันเป๊าะ , นายวิทยา คุณปลื้ม และนางจิราภรณ์ คุณปลื้ม บุตรชายและบุตรสาว รวม 29 รายการ มูลค่า 30,136,418.05 บาท ให้ตกเป็นของแผ่นดินด้วย ภายหลังศาลฎีกามีคำพิพากษาจำคุกคดีทุจริตซื้อที่ดินในเขตป่าสงวน ต.เขาไม้แก้ว
ศาลแพ่งมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 52 ให้ทรัพย์สินที่เป็นสมุดบัญชีของกำนันเป๊าะ 1 บัญชี จำนวน 3 แสนบาทเศษ , สมุดบัญชีนางยุพิน ภรรยา 9 บัญชี ประมาณ 10 ล้านบาทเศษ และสมุดบัญชีนายวิทยา จำนวน 3,000 บาทเศษ รวมทั้งสิ้น 11 บัญชี ประมาณ 11 ล้านบาทเศษ ที่ได้มาจากการกระทำความผิด ตกเป็นของแผ่นดิน ส่วนทรัพย์สินเป็นสมุดบัญชีของ น.ส.จิราภรณ์ บุตรสาว จำนวน 18 บัญชี ประมาณ 20 ล้านบาทเศษนั้น ศาลแพ่งเห็นว่าเป็นบัญชีเงินฝากเพื่อรับดอกเบี้ยธนาคารตามปกติ ไม่มีหลักฐานว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการทำความผิด จึงมีคำสั่งคืนให้น.ส.จิราภรณ์