องค์กรมุสลิมแถลงการณ์ช่วยเหลือชาวโรฮิงญา

องค์กรมุสลิมแถลงการณ์ช่วยเหลือชาวโรฮิงญา 3ประเด็น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำ จ.สงขลา ด.ร.วิสุทธิ์ บินล่าเต๊ะ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงาน สำนักจุฬาราชมนตรี นายซากี พิทักษ์คุมพล เลขานุการจุฬาราชมนตรี นายอับดาลรอหมานกาเหย็ม เลขานุการคณกรรมการอิสลามประจำจ.สงขลา พร้อมด้วยตัวแทนสำนักงานคณะกรรมการอิสลามใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ร่วมกันออกแถลงการณ์สำนักจุฬาราชมนตรี และ องค์กรมุสลิม กรณีผู้ลี้ภัยชาวมุสลิมโรฮิงยา โดยกรณีการหลบหนีภัยการสู้รบในประเทศพม่าของชาวโรฮิงยาเข้ามาสู่ประเทศไทย จำนวนกว่า 800 คน กระทั่งถูกจับกุมและควบคุมตัวอยู่ในสถานีตำรวจหลายแห่งในจังหวัดสงขลา ตั้งแต่วันที่ 14 ม.ค. ที่ผ่านมา
โดยแถลงการณ์ระบุ สำนักจุฬาราชมนตรี คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการอิสลาม 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีจุดยืนต่อกรณีดังกล่าวและข้อเรียกร้องต่อฝ่ายต่างๆ รวม 3 ข้อ
คือ 1. ประชาชนไทยโดยรวม ขอให้เห็นใจต่อผู้ที่เผชิญกับเหตุการณ์อันเลวร้าย ซึ่งทำให้สูญเสียชีวิตของผู้เป็นที่รัก ทรัพย์สิน ตลอดจนศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ จนไม่อาจทนอยู่ในแผ่นดินที่เกิดได้ จึงต้องหลบหนีมาอาศัยแผ่นดินไทยเป็นที่หลบลี้หนีภัย และขอให้พี่น้องชาวไทยและมุสลิมทั่วประเทศไทย โปรดแสดงไมตรีจิตร และภารดรภาพให้เป็นที่ประจักษ์ด้วยการร่วมบริจาคเงิน และอาหาร เพื่อการยังชีพของพี่น้องผู้ตกทุกข์ได้ยากเหล่านี้ ซึ่งอาจต้องพักพิงอาศัยในแผ่นดินไทยไปอีกระยะหนึ่ง
ทั้งนี้ สำนักจุฬาราชมนตรีได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา จะเป็นศูนย์กลางการรับบริจาคจากทุกภาคส่วน และกระจายความช่วยเหลือไปยังทุกสถานที่ที่มีการควบคุมตัวผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงยาเอาไว้ โดยประสานงานกับหน่วยงานหรือองค์กรที่ช่วยดำเนินการช่วยเหลืออยู่ก่อนแล้วอย่างใกล้ชิด
2. รัฐบาลไทยขอให้คำนึกถึงมนุษยธรรมและช่วยบรรเทาความทุกข์เข็ญที่ผู้ลี้ภัยเหล่านี้ประสบโดยอำนวยการให้พวกเขาสามารถลี้ภัยในประเทศไทยได้ตามความเหมาะสม ไม่ส่งตัวคนเหล่านี้กลับไปยังประเทศพม่าตราบใดที่สถานการณ์ยังไม่กลับคืนสู่ภาวะปกติ และอาจส่งตัวคนเหล่านี้ไปยังประเทศที่สามตามความสมัครใจของผู้ลี้ภัยเอง
ในส่วนของสถานที่พักพิงชั่วคราวสำหรับผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงยานี้ หากไม่เป็นการขัดต่อกฎหมายบ้านเมือง และกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ องค์กรที่ร่างแถลงการณ์ทั้งหมดยินดีให้ใช้มัสยิดกลางจังหวัดสงขลา เป็นสถานที่พักพิงแก่ชาวโรฮิงยาที่ไม่มีคดีอาญาติดตัว จนกว่าจะสามารถจัดหาสถานที่ที่เหมาะสม ข้อเสนอนี้เป้นไปเพื่อบรรเทาภาระที่หนักหน่วงของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และแก้ปัญหาความแออัดของสถานที่ควบคุม รวมทั้งเพื่อความสะดวกในการส่งความช่วยเหลือต่างๆ
3. ประเทศโลกมุสลิม และองค์กรระหว่างประเทศ หน่วยงานขององค์การสหประชาชาติ ที่ทำงาน ด้านสิทธิมนุษยชน ขอให้ประสานงานกับประเทศที่สามเพื่อจัดหาที่ลี้ภัย พร้อมทั้งเพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลพม่าให้ยอมรับความเป็นพลเมืองพม่าของชาวโรฮิงยาและปฏิบัติต่อชาวโรฮิงยาเฉกเช่นชาติพันธุ์อื่น







