กองทัพแจงภาพรวมชายแดนไทย-กัมพูชา ย้ำปกป้องอธิปไตย ควบคู่เจรจา

กองทัพแจงภาพรวมชายแดนไทย-กัมพูชา ย้ำปกป้องอธิปไตย ควบคู่เจรจา

กองทัพ ชี้แจงภาพรวมสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ย้ำเดินหน้าปกป้องอธิปไตย ควบคู่การเจรจา เพื่อความสงบของประชาชน

KEY

POINTS

  • กองทัพยืนยันใช้แนวทางคู่ขนานในการปกป้องอธิปไตยอย่างเต็มที่ ควบคู่ไปกับการเจรจาทางการทูตเพื่อลดความสูญเสีย
  • ไทยมีหลักฐานชี้ชัดถึงความพยายามละเมิดของกัมพูชา เช่น การพบทุ่นระเบิดและโดรน โดยจะดำเนินการผ่านกลไกสากล
  • การเจรจาและหยุดยิงเป็นเครื่องมือลดความขัดแย้ง ไม่ใช่การอ่อนข้อ โดยกองทัพยังคงตรึงกำลังเฝ้าระวังและพร้อมตอบโต้หากถูกยั่วยุ

เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2568 ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ระบุว่า ภาพรวมกระแสสังคมไทยยังเป็นไปในทิศทางบวก ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อมั่นในบทบาทของทหารและการดูแลของรัฐบาล โดยเฉพาะการเสียสละของกำลังพล และพลังสนับสนุนจากภาคประชาชน อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลต่อความจริงใจของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งรัฐรับฟังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

สำหรับกรณีการพบทุ่นระเบิดสังหารและสมุดระบุพิกัดวางระเบิด กองทัพยืนยันว่า หลักฐานที่ตรวจพบชี้ชัดถึงความพยายามทำร้ายทหารไทย เข้าข่ายละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และอนุสัญญาออตตาวา โดยไทยได้รวบรวมข้อมูลอย่างเป็นระบบ และดำเนินการผ่านกลไกสากลตามมาตรฐานที่เหมาะสม

ส่วนการพบโดรนจำนวนมากตามแนวชายแดน ถือเป็นประเด็นความมั่นคงที่ฝ่ายไทยให้ความสำคัญสูงสุด กองทัพได้ประเมินสถานการณ์และใช้มาตรการที่จำเป็น ได้สัดส่วน และยึดความปลอดภัยของประชาชนเป็นศูนย์กลาง

ต่อข้อกังวลของประชาชนบางส่วนที่มองว่ารัฐ “อ่อนข้อ” ให้กัมพูชา กองทัพชี้แจงว่า การเจรจาและการหยุดยิงเป็นเครื่องมือเพื่อลดความสูญเสีย ไม่ใช่การยอมจำนน ไทยยังคงตรึงกำลัง เฝ้าระวัง และพร้อมปกป้องอธิปไตยตลอด 24 ชั่วโมง โดยมิติการทูตและการทหารเดินไปพร้อมกันอย่างสมดุล

ในประเด็นบทบาทของจีนนั้นทกองทัพ ระบุว่า จีนสนับสนุนแถลงการณ์ร่วมของ GBC ในฐานะประเทศที่ส่งเสริมเสถียรภาพของภูมิภาค ไทยรับฟังทุกข้อเสนอ แต่การตัดสินใจยึดผลประโยชน์ชาติ ความโปร่งใส และอธิปไตยของไทยเป็นหลัก

หากครบกำหนด 72 ชั่วโมงการหยุดยิง ฝ่ายไทยจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีการยั่วยุหรือละเมิดข้อตกลง ไทยมีสิทธิและความพร้อมในการปกป้องตนเองตามกฎหมายระหว่างประเทศ ขณะเดียวกันยังเปิดโอกาสให้กระบวนการเจรจาเดินหน้าต่อ เพื่อคืนความสงบสุขตามแนวชายแดน และความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ

กรณีที่กัมพูชานัดประชุม JBC อย่างเร่งด่วน สะท้อนว่ากลไกทวิภาคียังทำงาน ไทยพร้อมเข้าร่วมภายใต้เงื่อนไขที่ไม่กระทบอธิปไตย ยึดหลักความสมัครใจ ความเท่าเทียม และความปลอดภัยในพื้นที่

ต่อคำแถลงของฝ่ายกัมพูชาที่ปฏิเสธข้อกล่าวหาของไทยนั่น กองทัพ ย้ำว่า ไทยยึดข้อเท็จจริงและหลักฐาน ไม่โต้ตอบด้วยอารมณ์ การสื่อสารมุ่งสร้างความน่าเชื่อถือในเวทีสากล และเปิดกว้างต่อการตรวจสอบที่เป็นธรรม

ขณะที่ท่าทีจากนานาชาติ เช่น สหรัฐฯ ถูกมองว่าเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อการลดความตึงเครียด ไทยยินดีต่อการสนับสนุนสันติภาพ แต่การตัดสินใจทุกอย่างยังคงตั้งอยู่บนอธิปไตย และผลประโยชน์ของประชาชนไทยเป็นที่ตั้ง