ยื่น กกต.สอบเส้นเงิน 'บุญฤทธิ์' พันคดีฟอกเงิน ถึง ปชน.หรือไม่

ยื่น กกต.สอบเส้นเงิน 'บุญฤทธิ์' พันคดีฟอกเงิน ถึง ปชน.หรือไม่

ไม่พลาด! 'ศรีสุวรรณ' ยื่น กกต.สอบ 'พรรคประชาชน' ปม'บุญฤทธิ์' ถูกจับคดีฟอกเงินจากเครือข่ายยาเสพติดกว่า 2 หมื่นล้าน มีเส้นเงินถึงพรรคหรือไม่

KEY

POINTS

  • นายศรีสุวรรณ จรรยา ยื่นเรื่องต่อ กกต. ให้ตรวจสอบพรรคประชาชน (ปชน.) กรณีที่นายบุญฤทธิ์ เรารุ่งโรจน์ อดีตผู้สมัคร สส. ของพรรค ถูกจับกุมในคดีฟอกเงินเครือข่ายยาเสพติด
  • เรียกร้องให้สอบสวนเส้นทางการเงินของนายบุญฤทธิ์ ว่ามีการบริจาคเงินให้กับพรรคประชาชนหรือไม่ ซึ่งอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายพรรคการเมือง
  • หาก กกต. ตรวจสอบพบว่าพรรครับเงินบริจาคที่ผิดกฎหมายจริง อาจเป็นเหตุให้นำไปสู่การเสนอเพื่อยุบพรรคการเมืองได้

เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2568 นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้ยื่นคำร้องแจ้งเบาะแสแก่คณะกรรมการการเลือกตั้งและนายทะเบียนพรรคการ เมือง  เพื่อขอให้ไต่สวนสอบสวนพรรคประชาชน กรณีที่ปรากฎเป็นการทั่วไปต่อการที่นายบุญฤทธิ์ เรารุ่งโรจน์ อดีตผู้สมัคร สส.กทม.เขต 33 (บางกอกน้อย–บางกอกน้อย) ในนามพรรคประชาชนถูกตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) เข้าจับกุมในปฏิบัติการ Black Mirror TKP

โดยถูกกล่าวหาว่าพัวพันคดีฟอกเงินเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติ มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท อันถือได้ว่าเป็นการบ่อนทำลายความมั่นคง-เศรษฐกิจของชาติหรือราชการแผ่นดิน หรือเป็นการส่งเสริมสนับสนุนการคุกคามต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน อันเป็นข้อห้ามตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 หรือไม่ ทั้งนี้ การค้ายาเสพติดและการฟอกเงิน เป็นเรื่องใหญ่ที่กระทบต่อความมั่นคง ความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของสังคมไทย

การที่พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะพรรคการเมืองต้นสังกัดของนายบุญฤทธิ์ เรารุ่งโรจน์ จะปฏิเสธความรับผิดชอบต่อข้อกล่าวหาที่มีผลมาจากการกระทำตามกรณีที่เกิดขึ้นมิได้ เนื่องจากเป็นถึงสมาชิกและผู้สมัคร สส.ของพรรคที่ถูกคณะกรรมการบริหารพรรคมีมติให้เป็นผู้สมัคร สส.ในนามพรรคประชาชนไปแล้ว (แม้จะลาออกจากสมาชิกพรรคแล้วก็ตาม) ย่อมต้องผ่านการตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ จริยธรรมและกลั่นกรองคุณสมบัติมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ซึ่งนายบุญฤทธิ์ถูก บช.ปส.เปิดเผยว่า  มีชื่อเป็นกรรมการบริษัทที่ไขว้กันไปมาหลายบริษัทและมีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับเครือข่ายยาเสพติดที่ถูก บก.ปส.จับกุมก่อนหน้านี้  ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ ตรวจสอบได้ในฐานข้อมูลหน่วยงานรัฐ ไม่ใช่เป็นแค่ข่าวในโซเชียลเท่านั้น

ดังนั้น สังคมได้ตั้งคำถามอย่างตรงไปตรงมาคือพรรคประชาชนปล่อยให้บุคคลที่มีการกระทำหรือมีพฤติการณ์อันเป็นความเสี่ยงระดับนี้  ผ่านการคัดเลือกจนเป็นว่าที่ผู้แทนประชาชนได้อย่างไร การที่พรรคอ้างว่าได้ "ขับออก" และ “เปลี่ยนตัวผู้สมัคร” หลังจากตำรวจบุกจับแล้วนั้น นี่ไม่ใช่จริยธรรม แต่คือการ ตัดตอนเพื่อเอาตัวรอดใช่หรือไม่  และการขับออกเพราะกลัวความเสี่ยงต่อการถูกยุบพรรคใช่หรือไม่ ทั้งๆที่เหตุที่เกิดบุคคลดังกล่าวยังเป็นสมาชิกพรรค และพรรคยังส่งไปมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วย สส.ไปเป็นที่ปรึกษากรรมาธิการอีกหลายคณะ  ซึ่งถือได้ว่าหากมีความผิด ก็เป็นความผิดที่สำเร็จไปแล้ว การขับออก หรือให้ลาออก และเปลี่ยนตัวผู้สมัครฯ ไม่อาจหลุดพ้นไปจากเงื้อมมือของกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ได้

ด้วยเหตุดังกล่าว องค์การรักชาติ รักแผ่นดิน จึงนำความมาร้องเรียนและชี้เบาะแสให้นายทะเบียนพรรคการเมืองและ กกต.ได้ทำการไต่สวนและสอบสวนตรวจสอบการกระทำในกรณีดังกล่าว โดยเฉพาะเส้นทางเงินของนายบุญฤทธิ์ว่ามีการบริจาคให้พรรคประชาชนด้วยหรือไม่ เพราะอาจเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 44 และหรือมาตรา 45 ของ พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 หรือไม่ หากตรวจพบเป็นไปตามเบาะแสนี้แล้ว อาจนำไปสู่การเสนอเรื่องเพื่อยุบพรรคการเมืองที่ฝ่าฝืนมาตราดังกล่าวได้ ตามมาตรา 92(3) ของกฎหมายดังกล่าวต่อไป