‘ไทย’ โวย ‘กัมพูชา’ ใช้โดรนยั่วยุ ละเมิดอธิปไตยทางอากาศ

ไทย ยัน โดรนกัมพูชา ละเมิดอธิปไตยทางอากาศ ยื่นประท้วง-ส่งหลักฐานให้AOT ยันไทยได้พื้นที่มากกว่าที่ตั้งเป้า ไว้ใช้ต่อรองในอนาคต เผยมีเพียงจุดเล็กๆที่ยึดไม่ได้ใช้เป็น Buffer Zone ป้องกันความปลอดภัย ยอมรับทำ“กัมพูชา“สิ้นสภาพไม่ได้ตั้งแต่ต้น ยกเว้นประกาศสงคราม
ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ได้เผยแพร่คำชี้แจงใน ลักษณะ“ถาม-ตอบ: QA“ ในประเด็นที่มีการวิพากษ์วิจารณ์หรือตั้งคำถาม เช่น คำถามที่ว่า ทำไมต้องหยุดยิงในเวลานี้โดยศูนย์แถลงข่าวฯชี้แจงว่าการหยุดยิงครั้งนี้เกิดขึ้นในจังหวะที่เหมาะสม ไทยได้พื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญคืนมาแล้ว หากเกิดการปะทะอีก ฝ่ายไทยจะอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบกว่าเดิม และลดโอกาสเกิดการรบครั้งใหม่ลงอย่างมาก
“ครั้งนี้เราได้พื้นที่คืนจำนวนมาก และเป็นพื้นที่สำคัญทางยุทธศาสตร์ ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นคงและความได้เปรียบให้ไทยในระยะต่อไป พร้อมยอมรับว่ามีบางจุดที่ยังไม่ได้คืน แต่ส่วนใหญ่เป็นจุดเล็กๆ ที่มีผลทางยุทธวิธีจำกัด แม้จะเป็นแผ่นดินไทย แต่ในทางทหาร การฝืนรบต่ออาจไม่คุ้มค่าและเสี่ยงเสียพื้นที่อื่นเพิ่ม ไม่ได้คืนรอบนี้ ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีโอกาสในอนาคต”
ส่วนที่มีคำถามว่าทำไมบางพื้นที่ถึงบอกว่าไทยได้กำไรนั้น ศูนย์แถลงข่าวฯ ตอบว่า เพราะไทยได้พื้นที่มากกว่าที่ตั้งเป้าไว้ และหลายจุดทำหน้าที่เป็น Buffer Zone ช่วยเพิ่มความปลอดภัย และยังเป็นแต้มต่อในการเจรจาในอนาคต
"ไทยรบมานานกว่า 3 สัปดาห์ ซึ่งถือว่านานในมาตรฐานสากล หากยืดเยื้อ โลกอาจเข้ามากำหนดเงื่อนไขแทนไทย เช่น มติ UNSC ซึ่งเราควบคุมได้น้อยกว่า การหยุดตอนนี้ทำให้ไทยยังคุมเกมผ่านกลไก GBC ได้เอง ถือเป็นความสำเร็จทางการทูตแม้การที่ UNSC ยังไม่ออกมติ และให้ทั้งสองฝ่ายไปคุยกันเอง เป็นโอกาสที่ไทยยังควบคุมสถานการณ์ได้ หากรบต่อจนเกิดรอบสาม อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ระดับนานาชาติ"
สำหรับคำถามที่ว่า ทำไมไม่ทำให้กัมพูชาสิ้นสภาพไปเลยนั้น ศูนย์แถลงข่าว ระบุว่า เป้าหมายนี้ไม่สามารถทำได้ตั้งแต่ต้น เว้นแต่ต้องประกาศสงคราม ซึ่งมีต้นทุนสูงมากและผลลัพธ์อาจไม่คุ้มค่าจึงไม่ควรใช้เป้าหมายที่เกินจริงเป็นเหตุผลลากประเทศเข้าสู่สงครามต่อ
พร้อมย้ำว่า เป็นการตัดสินใจหยุดยิงมาจากระดับนโยบายชาติ คือมติของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นไปตามหลักสากลที่กองทัพอยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือน และมีผลผูกพันทางกฎหมาย ส่วนความไม่พอใจต่อการสั่งหยุดยิงนั้น สามารถ วิจารณ์ ได้ตามสิทธิ์ทแต่ไม่ควรโยนความผิดให้บุคคลหรือหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง เพราะเป็นการตัดสินใจระดับชาติ
สำหรับกรณีการตรวจพบโดรนบินล้ำเขตน่านฟ้าไทยนั้น ศูนย์แถลงข่าวฯ ระบุว่า การหยุดยิงตามถ้อยแถลงร่วม มีวัตถุประสงค์เพื่อลดความตึงเครียดและนำไปสู่สันติภาพในอนาคต ซึ่งการบินโดรนล้ำเขต ถือเป็นละเมิดอธิปไตยทางอากาศ แม้ไม่ใช้การโจมตีโดยตรงก็ทำให้เกิดการหวาดระแวง และยั่วยุระหว่างกันได้จึงเป็นการกระทำที่ ไม่สอดคล้องกับถ้อยแถลงร่วม
“เข้าข่ายการละเมิดอธิปไตยทางอากาศ ซึ่งจำเป็นต้องบันทึกและดำเนินการรายงานผ่านกลไก AOT รวมถึงช่องทางอื่นที่เหมาะสมตามหลักสากล ซึ่งการทำหนังสือประท้วงเป็นกระบวนการทางการทูตตามหลักสากล เพื่อบันทึกข้อเท็จจริงอย่างเป็นทางการ รักษาสิทธิอธิปไตยของประเทศ ป้องกันไม่ให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนหรือการกระทำซ้ำไม่ใช่การยั่วยุหรือยกระดับสถานการณ์“







