ผู้สมัคร สส.เพื่อไทย เปิดคลิปเอาผิดถูกทำลายป้ายหาเสียง

ผู้สมัคร สส.เพื่อไทย เขตบางกะปิ เข้าแจ้งความ ถูกทำลายป้ายหาเสียง เปิดกล้องวงจรปิดพบกลุ่มบุคคลทำลายป้าย ขณะที่ผู้สมัคร เขตบางนา ถูกเขียนเบอร์46 ทำสับสนบนป้ายหาเสียง
เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2568 นายพงศกร รัตนเรืองวัฒนา ผู้สมัคร สส.กทม. เขต 14 บางกะปิ-วังทองหลาง (แขวงคลองเจ้าคุณสิงห์) เบอร์ 2 พรรคเพื่อไทย (พท.) เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลาดพร้าว ว่า ป้ายหาเสียงของตนได้ถูกทำลายบริเวณปากซอยนวมินทร์ 21 แขวงคลองจั่นเขตบางกะปิ ซึ่งมีความผิดตามกฎหมายอาญา ฐานทำให้เสียทรัพย์ ตามมาตรา 358 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ นายพงศกร กล่าวว่า ตนเป็นผู้เสียหายจึงรีบเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยขอเรียกร้องความเป็นธรรม และความถูกต้อง ซึ่งการกระทำดังกล่าว ได้สร้างความเสียหาย เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และไร้มารยาททางการเมือง ถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่สร้างสรรค์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุบริเวณปากซอยนวมินทร์ 21 แขวงคลองจั่นเขตบางกะปิ พร้อมทั้งตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิด พบว่า เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2568 เวลา 00.19 น. มีกลุ่มบุคคลจำนวน 4 คน ลงจากรถกระบะสีขาวได้ลงมือกระชากและทำลายป้ายของนายพงศกร พรรค พท. จนเสียหาย และนำป้ายของพรรคดังกล่าวมาติดทับที่เสาไฟฟ้าแทนที่ป้ายหาเสียงของนายพงศกร
โดยคลิปวงจรปิด นายพงศกร ได้โพสต์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว
ขณะที่ศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย เขตบางนา - พระโขนง นายกวีวงศ์ อยู่วิจิตร ผู้สมัคร สส.กทม. พรรคเพื่อไทย เขตบางนา - พระโขนง เบอร์ 11 เปิดเผยว่า ตนพบการกระทำที่ไม่เหมาะสม โดยมีการเขียนหมายเลขผู้สมัครหรือหมายเลขพรรคการเมืองอื่นลงบนแผ่นป้ายหาเสียงของตนในหลายจุดของพื้นที่ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความสับสนแก่ประชาชนและสังคมโดยรวมได้
นายกวีวงศ์ ระบุว่า ในเบื้องต้นได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ เพื่อขอตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด บริเวณที่พบการกระทำดังกล่าว เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่าเป็นการกระทำของผู้ใดหรือผู้ไม่ประสงค์ดีรายใด พร้อมทั้งจะพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุในลักษณะนี้ซ้ำอีก
นายกวีวงศ์ กล่าวว่า การเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย เป็นกระบวนการสำคัญในการได้มาซึ่งผู้แทนของประชาชน โดยยึดหลัก “หนึ่งสิทธิ์ หนึ่งเสียง” เพื่อให้ประชาชนสามารถตัดสินใจเลือกผู้แทนจากข้อมูลที่ถูกต้อง ชัดเจน และเป็นธรรม
การกระทำดังกล่าวไม่เพียงสร้างความสับสนต่อผู้พบเห็น แต่ยังเป็นสิ่งที่ไม่สมควรเกิดขึ้นในสังคมประชาธิปไตย ซึ่งควรแข่งขันกันด้วยนโยบาย แนวคิด และการทำงานเพื่อประชาชน มากกว่าการใช้วิธีการที่บิดเบือนหรือสร้างความเข้าใจคลาดเคลื่อน จึงขอวอนผู้ที่เกี่ยวข้องให้ยุติการกระทำดังกล่าว และร่วมกันรักษาบรรยากาศการเลือกตั้งให้เป็นไปอย่างสุจริต โปร่งใส และสร้างสรรค์ เพื่อไม่เพิ่มความขัดแย้งให้กับสังคม ซึ่งในปัจจุบันก็เผชิญกับปัญหามากพออยู่แล้ว







