'หัวหน้า ปชน.' กลับลำไม่ปิดทางจับมือ ‘ภูมิใจไทย’ ขีดเส้นตายห้ามมี รมต. สีเทา

'หัวหน้า ปชน.' ไม่ปิดทางจับมือ ‘ภูมิใจไทย’ ขีดเส้นตายห้ามมีรัฐมนตรีสีเทา ย้ำ แก้ ม.112 ไม่มีในนโยบาย บอกคำวินิจฉัยศาลรธน.ไม่ให้ใช้ ม.112 หาเสียง ’อนุทิน-อภิสิทธิ์‘ จบได้แล้ว
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะ แคนดิเดตนายกฯพรรคประชาชน ลำดับที่ 1 นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ลำดับที่ 2 และนายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร รองหัวหน้าพรรค ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ลำดับที่ 3 นำทีม ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เข้าสมัครรับเลือกตั้งที่โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ แจ้งวัฒนะ
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตอนนี้ยิ่งมีความมั่นใจขึ้นทุกวัน เพราะ สส.บัญชีรายชื่อมาจากหลายแวดวง เมื่อเปรียบเทียบที่มาผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เราไม่ได้มาจากโควตาของมุ้งการเมือง หากมองพรรคการเมืองอื่นๆ บางพรรคอาจจะมีการย้ายพรรคไปรวมกันบ้าง มีการแบ่งโควตากันบ้าง
"ยืนยันว่าผู้สมัครบัญชีรายชื่อพรรคประชาชน เราไม่ได้แบ่งโควตากันแบบนั้น เพราะประเมินผ่านความรู้ความสามารถ ส่วน สส.บัญชีรายชื่อตั้งเป้าสูงสุดที่จะทำให้พรรคประชาชนมีความเข้มแข็งมากพอในการจัดตั้งรัฐบาล และไม่ถูกฉีกสัญญาอีกต่อไป"
เมื่อถามว่ากดดันหรือไม่ นายณัฐพงษ์ ยอมรับว่า ไม่ได้มีความกดดัน ตั้งแต่อนาคตใหม่ ก้าวไกล จนถึงพรรคประชาชน ถูกหลายหลายคนวิเคราะห์ แต่ทำได้มากกว่าเป้าที่ได้รับการวิเคราะห์มาโดยเสมอ ครั้งนี้มีความมั่นใจเป็นอย่างมากว่า เราจะได้คะแนนเสียงมากขึ้นแน่นอน เราไม่เคยดูถูกคะแนนเสียงของประชาชน ไม่มีพรรคการเมืองใดที่เป็นเจ้าของประชาชนตลอดไป แม้ตนเองและเพื่อนๆ มีความมั่นใจขนาดไหน แต่จากวันนี้เป็นหน้าที่ของเราที่ลงไปพบปะประชาชนให้มากที่สุด
ส่วน มาตรา 112 ไม่มีในนโยบายพรรค อนาคตจะเปิดทางหรือจับมือกับ พรรคภูมิใจไทย หรือไม่ หาก ปชน.เป็นพรรคอันดับหนึ่ง นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า นายอนุทินยอมรับเงื่อนไขของพรรคประชาชนได้หรือไม่ เพราะที่ผ่านมา นายอนุทินได้มีการตั้งเงื่อนไขและบิดเบือนคำพูดของตนบนเวทีดีเบต
“เรื่องนี้เป็นประเด็นที่เราควรจะจบได้แล้ว เพราะคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญออกมาแล้วว่าไม่ให้ใช้ ม.112 ในการหาเสียง นายอนุทิน และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ควรนำมาใช้ในการหาเสียงต่อไป”
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า หากเราเป็นพรรคอันดับ 1 หรืออันดับ 2 ก็อยู่ที่เขาจะรับเงื่อนไขเราได้หรือไม่ เราตั้งเงื่อนไขไว้ว่า ตัวรัฐมนตรีหากมีส่วนพัวพันกับเรื่องสีเทา ไม่ว่าจะเป็นยาเสพติด บ่อนการพนันออนไลน์ผิดกฎหมาย หรือเครือข่ายสแกมเมอร์ เรายกหลักการที่ว่า มาตรฐานทางด้านการเมืองต้องสูงกว่ามาตรฐานด้านกฎหมาย ไม่จำเป็นต้องรอหลักฐานหรือรอคดีถึงที่สิ้นสุด คนที่อยู่ในอำนาจควรแสดงความรับผิดรับผิดชอบ
อย่างไรก็ตาม พรรคประชาชน ยังยึดในเงื่อนไขเดิมที่ได้ประกาศไปแล้วคือ จะไม่มี สส.พรรคประชาชนคนไหน โหวตให้แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคภูมิใจไทย
เมื่อถามว่า หากเข้าสภาฯ แล้ว สามารถยืนยันได้หรือไม่ว่า จะไม่มีการผลักดันแก้มาตรา 112 นายณัฐพงษ์ กล่าวว่าในเมื่อไม่เป็นนโยบายในการหาเสียง ก็จะไม่เป็นนโยบายของรัฐบาลที่จะแถลงต่อรัฐสภา
ส่วนในอนาคตจะมีการผลักดันหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า การที่สังคมตกผลึกร่วมกันว่าจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร ขึ้นอยู่กับเสียงสนับสนุนของพรรคประชาชน เชื่อว่าประชาชนที่จะเข้าคูหาให้ประชาชนในวันที่ 8 ก.พ.นี้ เรารู้ดีว่าจุดยืนของพรรคประชาชนคืออะไร ซึ่งได้สื่อสารไปหลายครั้งในสภาฯ ขณะที่ การนิรโทษกรรม มาตรา 112 จุดประสงค์ของการนิรโทษ จะต้องนิรโทษกรรมให้กับคนทุกกลุ่ม เพราะไม่เช่นนั้นจะไม่เกิดความเป็นธรรม สังคมก็จะเจริญก้าวหน้าต่อไม่ได้
สำหรับ แคนดิเดตนายกฯ 3 คน จะเป็นบัญชีรายชื่อใน 3 อันดับแรก ซึ่งทุกอันดับใน 100 คน มีเซอร์ไพรส์แน่นอน บางส่วนจะเป็นทีมบริหารอยู่ในบัญชีรายชื่อ และทีมบริหารบางส่วนไม่ได้อยู่ในบัญชีรายชื่อ ทั้งนี้หากเป็นรัฐบาลแล้ว แคนดิเดตและทีมบริหารจะลาออกจาก สส.เป็นสปิริตของผู้แทนที่มาจากพรรคประชาชน เราต้องการเปิดให้สภาฯ มีตัวเลือกและมีคนทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติอย่างเต็มที่ เราคิดเรื่องนี้ไว้แล้วว่า จะมีการลาออกเพื่อขยับบัญชีรายชื่อให้เพื่อนๆ ขึ้นมาทำหน้าที่ในสภาฯ ได้อย่างเต็มที่มากยิ่งขึ้น
เมื่อถามว่า การที่พรรคประชาชนไปกาในช่องเห็นชอบให้แก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกิจกรรมของทาง iLaw หลายฝ่ายกังวลว่าอาจทำให้ผิดกฎหมายและไม่สามารถไปต่อได้ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า พรรคการเมืองทุกพรรคควรจะต้องรณรงค์ได้ ไม่ว่าจะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ กับคำถามประชามติอย่างใดอย่างหนึ่งก็ตาม จริง ๆ กฎหมายประชาติได้บอกไว้ว่า การรณรงค์สามารถทำได้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเมื่อวานที่มีความกังวลอยู่คือ การแสดงความเห็นที่ออกมาจากทาง กกต. เรื่องนี้ืเมื่อวานที่ตนตัดสินใจกาไปในฐานะส่วนตัว คืออยากยืนยันในจุดนี้และให้ กกต.มาให้ความชัดเจน อยากให้สื่อมวลชนไปถาม กกต. ด้วยว่า ทำไมถึงออกมาให้ความเห็นแบบนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
ส่วนความกังวลเกี่ยวกับคดี 44 สส. นายณัฐพงษ์ ระบุว่า เราได้บริหารความเสี่ยงไว้หมดแล้ว นอกจากคดี 44 สส.ยังมีคดีอื่นๆ ที่ผู้สมัคร สส.แบ่งเขตอาจจะเคยมีการแสดงความเห็น และถูกกระบวนการนิติสงคราม ซึ่งเราได้มีการย้ายบางคนมาลงสมัครในบัญชีรายชื่อแล้ว หากมีอุบัติเหตุทางการเมือง บัญชีรายชื่อสามารถลาออกเพื่อขยับขึ้นมาได้ อยากให้ความมั่นใจต่อประชาชน ไม่ต้องกังวล ส่วนนี้เราได้บริหารจัดการความเสี่ยงไว้หมดแล้ว หากพรรคประชาชนเราได้คะแนนเสียงมากที่สุด เราสามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคประชาชนได้แน่นอน







