อ่านใจ‘อภิสิทธิ์’ 4 ชอยส์ ปชป. จับ‘ส้ม-น้ำเงิน’ ชิงตั้งรัฐบาล

อ่านใจ‘อภิสิทธิ์’ 4 ชอยส์ ปชป. จับ‘ส้ม-น้ำเงิน’ ชิงตั้งรัฐบาล

การกลับมาของ “อภิสิทธิ์” ในรอบนี้ยังถือเดิมพันสูงลิบ ไปถึงการนำพา “ประชาธิปัตย์” ซึ่งในอดีตเคยเป็นหัวขบวนฝ่ายอนุรักษนิยม กลับมาผงาดใน“สมการการเมือง”

KEY

POINTS

  • ชอยส์แรกคือสูตร “ฟ้า-น้ำเงิน” ที่พรรคประชาธิปัตย์จะจับมือกับพรรคภูมิใจไทยเพื่อชิงจัดตั้งรัฐบาล โดยมีเงื่อนไขว่าต้องไม่มีพรรคกล้าธรรมร่วมรัฐบาลด้วย
  • ชอยส์ที่สองคือสูตร “ฟ้า-ส้ม” โดยประชาธิปัตย์อาจจับมือกับพรรคประชาชน หากพรรคประชาชนไม่มีนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อีกต่อไป
  • ชอยส์ที่สามคือพรรคประชาธิปัตย์ต้องได้จำนวน สส. มากพอที่จะสามารถเป็นแกนนำและชิงเกมจัดตั้งรัฐบาลได้ด้วยตนเอง
  • ชอยส์ที่สี่คือการเป็น “ฝ่ายค้าน” หากพรรคประชาธิปัตย์ไม่สามารถชิงความได้เปรียบในการจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ

การคัมแบ็ก หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในรอบ 6 ปีของ “เดอะ มาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นับแต่ลาออก หลังการเลือกตั้งปี 2562 ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์มีมติร่วมรัฐบาลพรรคพลังประชารัฐ สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี 

ไม่เพียงแต่จะสะท้อนภาพการปลุก “ดีเอ็นเอสีฟ้า” ภายใต้เดิมพันพลิกฟื้นเรตติ้ง “ค่ายพระแม่ธรณี” พรรคการเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยให้คืนกลับมาเท่านั้น

แต่การกลับมาของ “อภิสิทธิ์” ในรอบนี้ยังถือเดิมพันสูงลิบ ไปถึงการนำพา “ประชาธิปัตย์” ซึ่งในอดีตเคยเป็นหัวขบวนฝ่ายอนุรักษนิยม กลับมาผงาดใน“สมการการเมือง” ไม่ใช่ “พรรคอะไหล่” ที่ต้องรอพรรคแกนนำเป็นฝ่ายเลือกเหมือนการเลือกตั้ง 2 ครั้งล่าสุด

จังหวะก้าวย่าง “พรรคสีฟ้า”  ที่ชูแคมเปญ“ไทยหายจน ไม่ทนทุนเทา” หรือแม้แต่ท่าทีของ “อภิสิทธิ์” ที่ประกาศกร้าว​ถึงเงื่อนไขการเลือกตั้งครั้งนี้ต้องการพลิกให้บ้านเมืองมีความสุจริต หลักการร่วมและตั้งรัฐบาลของประชาธิปัตย์ เชิงบวกคือต้องมั่นใจว่าผลักดันนโยบายเราได้ เชิงลบคือนโยบายใดไม่ตรงกับจุดยืนเรา สร้างความแตกแยก เราปฏิเสธ 

“เราไม่สามารถร่วมรัฐบาลกับพรรคกล้าธรรม ไม่เอาเด็ดขาด” สิ่งที่อภิสิทธิ์ประกาศกร้าวบนเวทีดีเบตพรรคการเมือง ทำให้มีการคาดคะเนล่วงหน้าไปถึงถึงสูตรจับขั้วทางการเมืองของ “ค่ายสีฟ้า” หลังเลือกตั้ง 

 

อ่านใจ‘อภิสิทธิ์’ 4 ชอยส์ ปชป. จับ‘ส้ม-น้ำเงิน’ ชิงตั้งรัฐบาล

ถอดรหัสอ่านใจ “หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์” และ “นายกรัฐมนตรี” คนที่ 27 ของประเทศไทย ในเมื่อตั้ง 2 เงื่อนไข มี “ประชาธิปัตย์” ต้องไม่มี “กล้าธรรม” หรือมี “ประชาธิปัตย์” ต้องไม่มี “เพื่อไทย” ที่ดำเนินการเมืองบนเส้นขนาน เป็นปฏิปักษ์การเมืองชนิดที่เรียกว่าเป็นน้ำกับน้ำมันกันมาอย่างช้านาน

วิเคราะห์“4 ชอยส์” ความเป็นไปได้

ชอยส์แรก สูตร “ฟ้า-น้ำเงิน”  คือ “ประชาธิปัตย์”  จับมือ “ภูมิใจไทย”  ตามสมการ “พรรคน้ำเงิน” ต้องได้เสียงแตะ 100 หรือเกิน 100 เพื่อชิงเกมจัดตั้งรัฐบาล 

ทว่า สูตรนี้ยังมีเงื่อนไขคือ ต้องไม่มี “พรรคกล้าธรรม” ซึ่งเวลานี้ยังคงสถานะเป็น “พรรคร่วมรัฐบาล“ ภูมิใจไทย ท่ามกลางสัญญาณ “รัฐพันลึก” ที่ดูเหมือนจะถูกเซ็ตสูตรจัดตั้งรัฐบาลไว้ล่วงหน้าแล้ว 

เป็นเช่นนี้ต้องจับตาเสียงที่ปชป.จะได้ในการเลือกตั้งครั้งนี้ จะเพียงพอ ชนิด“หล่อเลือกได้” เพื่อบีบให้ “ภูมิใจไทย” เขี่ย “กล้าธรรม” ออกจากสมการได้หรือไม่

อ่านใจ‘อภิสิทธิ์’ 4 ชอยส์ ปชป. จับ‘ส้ม-น้ำเงิน’ ชิงตั้งรัฐบาล

 

 

ชอยส์สอง สูตร “ฟ้า-ส้ม”  คือ “ประชาธิปัตย์” ที่พยายามโชว์ เป็นพรรคกระแส จับมือ “ประชาชน” ที่เป็นพรรคกระแสเช่นเดียวกัน ภายใต้เงื่อนไขไม่มีประเด็นแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112  

จับอาการ “อภิสิทธิ์” ที่แม้จะพูดถึงสูตร “ฟ้า” จับ “ส้ม” ว่า  มีความพยายามตีความ หรือยัดเยียดสูตรนี้ ส่วนตัวยังห่วงเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 แต่หากจับอาการดีๆ ก็ใช่ว่าจะปฏิเสธสูตรนี้เสียทีเดียว 

อย่าลืมว่า กรณีนี้มีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งวินิจฉัยว่า การกระทำของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล  และพรรคก้าวไกล จากการหาเสียงนโยบายแก้ไข มาตรา 112 เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 

และมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องทั้งสอง เลิกการกระทำ เลิกการแสดงความความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น เพื่อให้มีการยกเลิก มาตรา 112 อีกทั้งไม่ให้มีการแก้ไข มาตรา 112 ด้วยวิธีการที่ไม่ใช่วิธีการทางกระบวนการนิติบัญญัติโดยชอบ ที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตด้วย

แน่นอนว่า คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ดูเหมือนจะ “ปิดประตูตาย” พรรคประชาชน ที่แปรสภาพมาจากพรรคก้าวไกลไม่สามารถใช้ประเด็นการแก้ไขมาตรา 112 เป็นตัวชูโรงได้อีกต่อไป  

ขณะที่ท่าทีของ "เท้ง" ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หน้าพรรคประชาชนล่าสุดที่พูดชัดว่า "พรรคประชาชนไม่มีนโยบายในการแก้ไขมาตรา 112 แล้ว" 

เป็นเช่นนี้ก็กลายเป็นว่าเมื่อไม่มีประเด็นแก้ไขมาตรา112 เป็นเงื่อนไขอีกต่อไป ทำไปทำมาอาจกลายเป็น “กุญแจ” ปลดล็อกเงื่อนไขการจับมือกันทางการเมืองภายใต้สูตร “ส้ม” ผสม “ฟ้า” ในอนาคตเป็นได้เป็นได้

อ่านใจ‘อภิสิทธิ์’ 4 ชอยส์ ปชป. จับ‘ส้ม-น้ำเงิน’ ชิงตั้งรัฐบาล

ชอยส์ที่สาม พรรคประชาธิปัตย์ต้องได้จำนวนสส.ในระดับที่สามารถ “ชิงเกม” จัดตั้งรัฐบาลเองได้

ชอยส์นี้จริงอยู่แม้ในบางพื้นที่โดยเฉพาะภาคใต้ จะดูเหมือนเรตติ้งทั้งตัว “อภิสิทธิ์” และ “พรรคประชาธิปัตย์” กราฟกำลังหันหัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

ทว่าต้องยอมรับเช่นกันว่า บริบทการเมืองเวลานี้ ต่างจากในอดีตมากพอสมควร สูตรนี้ ปชป.จะมี “2 โจทย์หิน” ทั้งการยึดคืน“ขุมกำลังเดิม” คือ สมรภูมิเมืองหลวง และสมรภูมิภาคใต้ ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญกลับมาให้ได้ ใกล้เคียงปี 2554 ซึ่งเวลานั้นเป็นการขับเคี่ยวเลือกข้างอย่างชัดเจน ระหว่าง 2 พรรคใหญ่ คือ “ประชาธิปัตย์” และ “เพื่อไทย” 

ขณะที่อีกหนึ่งโจทย์ยากคือ ปชป.จะต้องขยายฐาน “เจาะไข่แดง”พื้นที่อื่นๆ ที่เหลือ เพื่อตุน “ตั๋วผู้แทน” เผื่อเหลือเผื่อขาดในสมการการเมืองรอบหน้าให้ได้ 

ชอยส์ที่สี่ ประชาธิปัตย์ เป็น “ฝ่ายค้าน” หากถึงที่สุดไม่สามารถชิงเกมใน“ขั้วรัฐบาล”ได้

ต้องไม่ลืมว่า ปชป.เองก็มีบทเรียน ทั้งในการเลือกตั้งปี 2562 ตัวเลขลดฮวบ เหลือเพียง 53 ที่นั่ง นำมาสู่การตัดสินใจทางการเมืองของ “ค่ายสีฟ้า” ที่เวลานั้นดุลอำนาจถูกแบ่งออกเป็นก๊กเป็นเหล่าอย่างชัดเจน  

“กลุ่มอภิสิทธิ์” ที่เคยประกาศตัวไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ประกาศตัวเป็นฝ่ายค้านอิสระ ขณะที่อีกกลุ่มหยิบยกเหตุผลการประกาศท่าทีของ“อภิสิทธิ์” ว่าเป็นเพียงความเห็นส่วนตัว ไม่ใช่มติพรรค 

ก่อนที่ต่อมา ประชาธิปัตย์จะมีมติร่วมรัฐบาลพรรคพลังประชารัฐ พร้อมสนับสนุน“พล.อ.ประยุทธ์” เป็นนายกรัฐมนตรี จนนำมาสู่การลาออกจากตำแหน่ง “หัวหน้าพรรค”ของ “อภิสิทธิ์” และสายตรง รวมถึงกลุ่มนิวเดม  หรือแม้แต่การเลือกตั้งปี 2566 ที่ช่วงแรกพรรคประชาธิปัตย์ จะตกขบวนร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทย 

ทว่าหลังการรวบอำนาจเบ็ดเสร็จภายในค่ายพระแม่ธรณี ของกลุ่ม “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” อดีตหัวหน้าพรรค นำมาสู่การลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ของ“อภิสิทธิ์” ในฐานะแคนดิเดตหัวหน้าพรรคเวลานั้น ถอยฉากการเมืองไปอยู่ในโหมดวิชาการ ก่อนที่ภายหลังประชาธิปัตย์จะมีมติร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยในท้ายที่สุด

ฉะนั้น ด้วยบริบทที่ว่า “ทุกอย่างในทางการเมือง ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้” ต้องจับตาภายใต้โจทย์ใหญ่ของทั้ง “อภิสิทธิ์” และ“พรรคประชาธิปัตย์” ในสมการการเมืองรอบนี้ 

กว่าจะถึงวันจริง อาจมี “สูตรใหม่” ที่นอกเหนือจาก 4 สูตรข้างต้น ถูกปล่อยออกมาหลังจากนี้