กกต.คุมเข้มหาเสียงโซเชียล ถ้าใส่ร้าย โทษหนักกว่าหมิ่นประมาท

กกต.คุมเข้มหาเสียงโซเชียล ถ้าใส่ร้าย โทษหนักกว่าหมิ่นประมาท

กกต.พร้อมแล้ว รับสมัคร สส.ปาร์ตี้ลิสต์-แคนดิเดตนายกฯพรุ่งนี้ 'แสวง' ลั่นคุมเข้มหาเสียงในโซเชียลมีเดีย ถ้าเจอใส่ร้ายโทษหนักกว่าหมิ่นประมาท

KEY

POINTS

  • กกต. ประกาศจะตรวจสอบการหาเสียงทางโซเชียลมีเดียอย่างเข้มข้น โดยมีศูนย์ตรวจสอบการหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อป้องกันการใส่ร้ายป้ายสี
  • กกต. มีอำนาจสั่งลบข้อความที่เข้าข่ายใส่ร้ายได้ทันทีโดยไม่ต้องรอผู้เสียหายร้องเรียน และจะดำเนินคดีกับผู้โพสต์ โดยได้ร่วมมือกับแพลตฟอร์มอย่าง TikTok, Facebook และ LINE
  • การใส่ร้ายผู้สมัครมีโทษหนักกว่าคดีหมิ่นประมาททั่วไป โดยมีโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี

เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. นายณรงค์ กลั่นวารินทร์ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พร้อมด้วยนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ตรวจเยี่ยม และสังเกตการณ์การเตรียมการรับสมัคร สส. แบบบัญชีรายชื่อ และบุคคลที่พรรคการเมืองเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ณ ห้องประชุมวายุภักษ์ 2-4 ชั้น 4 โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ ถ.แจ้งวัฒนะ กทม.

ทั้งนี้ ขั้นตอนการรับสมัครจะแบ่งออกเป็น 5 จุด

จุดที่ 1 ตรวจเช็คเอกสาร

จุดที่ 2 จับสลากหมายเลข พรรคการเมืองสำหรับใช้หาเสียงและลงคะแนน

จุดที่ 3 ชำระเงินค่าธรรมเนียมการสมัคร 

จุดที่ 4 ออกใบรับสมัคร 

จุดที่ 5 ตรวจรับเอกสารนโยบายการหาเสียงเลือกตั้งของพรรคการเมือง

นายแสวง ให้สัมภาษณ์ภายหลังการซักซ้อมว่า ภาพรวมวันแรกของการเปิดรับสมัครผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส.แบบแบ่งเขตทั่วประเทศ ทั้ง 400 เขตไม่มีเหตุผิดปกติอะไร ส่วนการเตรียมความพร้อมการรับสมัคร สส.แบบบัญชีรายชื่อ ในวันที่ 28 ธ.ค. สำนักงาน กกต. ได้เตรียม ทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่ที่จะรับสมัคร และพรรคการเมือง โดยมีการซักซ้อมว่า ขั้นตอนเอกสารที่จะใช้สมัครมีอะไรบ้าง ซึ่งบางพรรคการเมืองทยอยส่งมาให้ กกต. ตรวจสอบไปบ้างแล้ว และจะมีการตรวจสอบเอกสารที่ใช้ประกอบในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้จนเสร็จ โดยจะตรวจเฉพาะพรรคการเมืองที่มาลงทะเบียนก่อนเวลา 08.30 น. ถ้ามีเอกสารครบถ้วนก็จะให้มาจับสลากได้ ทั้งนี้คิดว่าภาคเช้าคงใช้เวลาไม่นาน และการรับสมัครคงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย 

เมื่อถามว่ามีการนำบทเรียนของการรับสมัครครั้งที่แล้วมาแก้ไขปัญหาอย่างไรหรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า ในรอบที่แล้วมีความไม่เรียบร้อยบางส่วน ในเรื่องของการให้เบอร์ผู้สมัครทำให้การรับสมัครล่าช้า พรรคเสียเวลาในการที่จะนำเบอร์ไปหาเสียง ครั้งนี้จึงได้มีการแก้ไขในจุดนี้แล้ว หมายความว่าถ้าเราตรวจสอบ พรรคที่มีเอกสารครบถ้วนแล้ว และมาจับสลากถ้าจับได้เบอร์อะไรก็จะใช้เบอร์นั้นหาเสียง 

นายแสวง กล่าวอีกว่า ตอนนี้เข้าสู่โหมดการเลือกตั้งแบบเต็มตัวและมีการออกเสียงประชามติควบคู่ไปด้วยการที่จะทำให้การเลือกตั้งเรียบร้อย ไม่ได้อยู่ที่กกต. เท่านั้นแต่อยู่ที่ผู้สมัคร ผู้สนับสนุนด้วย มีการใส่ร้ายทางโซเชียลมีเดียซึ่งผิดกฎหมาย และกกต. จะเข้มงวดขึ้น เรามีศูนย์ตรวจสอบการหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ ดังนั้นจึงย้ำว่าจะมีการตรวจสอบอย่างเข้มข้นไม่ว่าจะเป็นผู้สมัคร ผู้สนับสนุนหรือประชาชนจะไปใส่ร้ายไม่ได้

อำนาจของ กกต. ตรงนี้คือสามารถลบข้อความที่ใส่ร้ายเหล่านั้นได้เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกพรรคการเมือง ให้ความเป็นธรรมกับผู้สมัครทุกพรรคการเมืองไม่ให้ถูกใส่ร้ายโดยไม่ต้องรอให้มีผู้มาร้องเรียน หรือผู้สมัครที่เห็นว่าเสียหายจากการนี้ก็สามารถมายื่นต่อ กกต. ได้ ในส่วนของ กกต. ก็จะตรวจสอบในแต่ละวัน ถ้าโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ว่ามีการใส่ร้าย เราจะดำเนินการ คือ 1.การคุ้มครองผู้สมัครด้วยกันลบข้อความนั้นออก 2.ตามหาว่าใครเป็นคนทำ เป็นคนโพสต์ จะมีความผิดต้องดำเนินคดี โดยขณะนี้ กกต. ได้มีการขอความร่วมมือไปยัง TikTok Facebook LINE มาทำความตกลงร่วมกันว่าเราจะดำเนินการเรื่องนี้ออกมาให้เกิดประสิทธิภาพอย่างไร เพื่อทำให้การแข่งขันเป็นธรรม เป็นไปด้วยความเรียบร้อย 

“อยากฝากถึงประชาชนจะโพสต์อะไร ที่เป็นการผิดกฎหมายมีโทษทั้งจำทั้งปรับ ขอให้ระมัดระวัง ตามมาตรา 73(5) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. 2561 มีโทษตามมาตรา 159 ต้องระหว่างโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งถึง 10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000 ถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับและให้ศาล สั่งเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง ของผู้นั้นกำหนด 20 ปี ดังนั้น โทษหนักกว่าการหมิ่นประมาท” นายแสวง กล่าว

เมื่อถามถึงเรื่องการทำประชามติ หากประชาชนไม่ได้ไปใช้สิทธิ์ออกเสียง จะทำให้เสียสิทธิ์เหมือนการไม่ไปลงคะแนนเลือกตั้งหรือไม่ เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า ทั้งตามกฎหมายเลือกตั้งและกฎหมายออกเสียงประชามติ ถ้าไม่ไปใช้สิทธิ์ก็จะเสียสิทธิ์ทั้งสองกฏหมาย เพียงแต่เงื่อนไขในการไปแจ้งเหตุแตกต่างกันเล็กน้อย โดยกรณีการไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง สส. สามารถแจ้งเหตุการณ์ไม่ไปใช้สิทธิ์ได้ ก่อน 7 และหลัง 7วันหลังการเลือกตั้ง ส่วนการออกเสียงประชามติ หลังมีการประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์แล้วสามารถแจ้งเหตุได้เลย และเมื่อถึงวันออกเสียงหากไม่ไปก็ยังมีเวลา 7 วัน ในการแจ้งเหตุ