'พล.อ.ณัฐพล' แถลงไทยบรรลุเงื่อนไข 3 ข้อ 'กัมพูชา' ประกาศหยุดยิงก่อน

'พล.อ.ณัฐพล' แถลงไทยบรรลุเงื่อนไข 3 ข้อ 'กัมพูชา' ประกาศหยุดยิงก่อน

'พล.อ.ณัฐพล' แถลงไทยบรรลุเงื่อนไข 3 ข้อ 'กัมพูชา' ประกาศหยุดยิงก่อน ย้ำ มีผล 12.00 น. ห้ามเคลื่อนกำลัง ยั่วยุ เฝ้าระวัง 72 ชม. ผุดสายด่วน รมว.กห.-ผบ.ทสส. 2 ชาติ ลั่นทหารไทยไม่สูญเสียเปล่า

ที่โรงแรมชาเทรียม จันทบุรี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม แถลงข่าวภายหลังการลงนามข้อตกลง การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา (GBC) ว่า ตลอดช่วงเวลาการปะทะตามแนวชายแดนที่ผ่านมารัฐบาลและกองทัพได้ปฏิบัติหน้าที่ภายใต้หลักการที่ชัดเจนและไม่เคยเปลี่ยนแปลง คือการปกป้องอธิปไตยความปลอดภัยของประชาชนและเกียรติภูมิของประเทศชาติ 

โดยขอเรียนอย่างตรงไปตรงมาว่าสถานการณ์ครั้งนี้เริ่มต้นจากการใช้อาวุธของกัมพูชา ซึ่งส่งผล ให้กําลังพลของเราได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต กองทัพจึงจําเป็นต้องตอบโต้ภายใต้สิทธิ์ในการป้องกันตนเองตามกฎหมายระหว่างประเทศและภายใต้หลักการทางทหารสากลอย่างเคร่งครัด 
 

ทั้งนี้การพิจารณาหยุดยิงนั้นไทยได้กําหนดเงื่อนไขที่ชัดเจน 3 ประการ เพื่อให้เกิดความสงบอย่างแท้จริงยั่งยืนดังนี้ 

1. ต้องมีการประกาศหยุดยิงอย่างเป็นทางการและจริงใจ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาได้ประกาศไว้ในที่ประชุมรมว.ต่างประเทศอาเซียนว่าจะหยุดยิงตั้งแต่ 22 ธ.ค. เวลา 22.00 น.โดยไม่มีเงื่อนไข แต่ฝ่ายไทยพิจารณาแล้วเห็นว่าการหยุดยิงที่จะเกิดความยั่งยืนต้องเกิดทั้งสองฝ่ายได้มาพูดคุยกันอย่างจริงใจจึงเป็นที่มาของการประชุมจีบีซี ในครั้งนี้และจัดทําแถลงการณ์ร่วม ระหว่างไทย-กัมพูชาเพื่อเป็นหลักการสําคัญในการแก้ไขปัญหาระหว่างสองประเทศแบบทวิภาคีอย่างแท้จริง
 

2.การหยุดยิงต้องเกิดขึ้นจริงและต่อเนื่องดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงร่วมกําหนดมาตรการสําคัญ ได้แก่ ให้ทั้งสองฝ่ายหยุดยิงตั้งแต่เวลา 12.00 น.ของวันนี้(27ธ.ค.) และประเด็นที่สําคัญที่สุดให้ทั้งสองฝ่ายยังคงกําลังทหารในพื้นที่ระดับปัจจุบัน โดยต้องไม่มีการเคลื่อนย้ายหรือเสริมกําลังเพิ่มเติมเข้าหากัน และไม่มีการโจมตีหรือยั่วยุซ้ํา 

โดยให้ติดตามเฝ้าสังเกตการณ์การ หยุดยิง 72 ชั่วโมง เพื่อยืนยันว่าการหยุดยิงเกิดขึ้นจริงและมีความต่อเนื่องก็ต่อเมื่อสถานการณ์สงบลงประชาชนจะสามารถกลับเข้าสู่ที่พักอาศัยได้อย่างปลอดภัยจากนั้นจะมีการปล่อยตัวทหารกัมพูชาทั้ง18นาย ทั้งนี้เป็นไปตามหลักสากลที่กําหนดให้ปล่อยตัวเมื่อสิ้นสุดความเป็นปรปักษ์

นอกจากรายงานผลการปฏิบัติการทางทหารกองทัพสามารถควบคุมภูมิประเทศสำคัญที่กระทบต่อประชาชนตามที่กำหนดไว้แล้ว การเสียสละเลือดเนื้อและชีวิตของทหารไทยหลายนายในครั้งนี้จะต้องไม่สูญเปล่า แต่ขณะเดียวกันเราต้องคำนึงปัจจัยระดับยุทธศาสตร์ด้านอื่นๆ เช่น ด้านเศรษฐกิจ ภาพลักษณ์ และความชอบธรรมของประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศที่สำคัญอย่างยิ่งในฐานะที่ตนเป็นผู้บังคับบัญชาที่ตระหนักอยู่เสมอ คือชีวิตและเลือดเนื้อของทหารที่ต้องเสียสละเพื่อพิทักษ์ไว้อธิปไตยของชาติ แต่ในฐานะที่ตนเคยเป็นทหารมาก่อน ย่อมรู้ดีว่าทหารทุกนายถือว่าการปกป้องประเทศชาติเป็นหน้าที่และเป็นเกียรติสูงสุด แม้จะต้องเสียสละเลือดเนื้อและชีวิต

สำหรับกลไกที่จะนำไปสู่การปฏิบัติจริงและการตรวจสอบการปฏิบัติ ได้แก่คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียนหรือ AOT  ซึ่งเป็นกลไกตามความร่วมมือของอาเซียนในการรักษาความมั่นคงของภูมิภาค และสำนักงานประสานงานชายแดนของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งเป็นกลไกระดับพื้นที่ 

ขณะเดียวกันในระดับนโยบายจะมีการสื่อสารโดยตรงผ่านสายด่วนระหว่าง รมว.กลาโหมและผู้บัญชาการทหารสูงสุด(ผบ.ทสส.)ของทั้ง 2 ฝ่ายในกรณีจำเป็น ผู้แทนระดับสูงทั้ง 2 ฝ่ายจะลงพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกัน 

นอกจากนี้ยังได้กำหนดให้ทีมสื่อสารทั้ง 2 ประเทศทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อปกป้องข่าวบิดเบือนและให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ประชาชน ซึ่งต้องยอมรับว่าข่าวบิดเบือนข่าวปลอมและข่าวยั่วยุที่เกิดขึ้นทั้ง 2 ฝ่ายทำให้แก้ไขปัญหาในทุกระดับมีความยาก ขึ้นมาโดยตลอด

3.มีเจตนาตั้งใจสุจริตในการแก้ไขปัญหาทุ่นระเบิด ซึ่งเป็นประเด็นด้านมนุษยธรรมที่รัฐบาลให้ความสำคัญมาโดยตลอด ดังนั้นทั้ง 2 ฝ่ายจึงเห็นพ้องในแนวทางลดความตึงเครียดและกำหนดกลไกปฏิบัติที่ชัดเจนผ่านคณะทำงานร่วมด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมหรือ JTCF เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีระบบปลอดภัยโปร่งใส ทั้งนี้ขอย้ำว่าจะต้องเก็บกู้ทุ่นระเบิดให้แล้วเสร็จ ทำให้พื้นที่มีความปลอดภัยก่อนที่จะมีการสำรวจและจัดทำหลักเขตในระยะต่อไป 

นอกจากเงื่อนไข 3 ประการที่จะทำให้การหยุดยิงเกิดขึ้นได้จริงและต่อเนื่องแล้ว ข้อตกลงฉบับนี้ยังคงรักษาสาระสำคัญตามข้อตกลงทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชาคือการปฏิบัติตามอนุสัญญาออตตาวา การป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ อาชญากรรมไซเบอร์ และการค้ามนุษย์ ซึ่งจะต้องมีการดําเนินการต่อเนื่องต่อไป

พล.อ.ณัฐพล กล่าวย้ําว่า สําหรับประชาชนชาวไทยเข้าใจถึงความรู้สึกโกรธเจ็บปวดและห่วงใยชาติบ้านเมือง รัฐบาลไม่เคยมองข้ามเสียงเหล่านี้ และไม่ได้ประมาทบทเรียนจากความสูญเสียที่ผ่านมา ขอแสดงความเคารพอย่างสูงสุดต่อกําลังพลทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความกล้าหาญ อดทนเสียสละ 

รวมถึงครอบครัวของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต การสูญเสียของท่านไม่ได้เป็นเพียงตัวเลขในรายงาน แต่เป็นรับผิดชอบโดยตรงของรัฐบาลที่จะดูแลเรื่องสิทธิสวัสดิการ เยียวยา การดูแลผู้บาดเจ็บและครอบครัวในระยะยาว รวมถึงการพิจารณาดูแลกําลังพลหลังการรบด้วยความจริงจังต่อเนื่องและเร่งด่วน 

"ขอยืนยันต่อประชาชนและกําลังพลทุกนายว่า การหยุดยิงในครั้งนี้ เปิดโอกาสให้ใช้วิธีแก้ปัญหาโดยสันติวิธีในเวทีทางการทูตเพื่อกลับเข้ามาสู่การแก้ไขปัญหาร่วมกันอีกครั้ง รัฐบาลและกองทัพจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตัดสินใจทุกขั้นตอนบนข้อเท็จจริง โดยยึดถืออธิปไตยศักดิ์ศรีของชาติ ความปลอดภัย และการใช้ชีวิตปกติของประชาชน ขอบคุณทหารทุกนายและประชาชนชาวไทยที่ยืนหยัดเคียงข้างประเทศชาติและกองทัพไทยด้วยความเข้าใจและเข้มแข็งในช่วงเวลาสําคัญของประเทศชาตินี้"