'เท้ง' ลั่น ปชน.ไม่มีนโยบายแก้ ม.112 ถ้ารับได้พร้อมร่วมรัฐบาล

'ณัฐพงษ์' ลั่นผู้สมัคร สส.กทม.ส้ม คัดมาเข้มข้นปลอด 'สีเทา' ยพรรคไม่มีนโยบายแก้ ม.112 ซัด 'อนุทิน' บิดเบือนหวังผลการเมือง เผยถ้าพรรคอื่นรับเงื่อนไขได้ พร้อมร่วมรัฐบาล
KEY
POINTS
- พรรคประชาชน (ปชน.) ประกาศจุดยืนชัดเจนว่าไม่มีนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
- ปชน. พร้อมที่จะร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคการเมืองอื่น หากยอมรับเงื่อนไขของพรรคได้
- เงื่อนไขสำคัญในการร่วมรัฐบาลคือ คณะรัฐมนตรีต้องไม่มีบุคคลที่มาจากธุรกิจสีเทาหรือมีประวัติด่างพร้อย
- มองว่าการที่พรรคอื่นนำประเด็น ม.112 มาเป็นข้ออ้าง เป็นเพียงวาทกรรมทางการเมืองเพื่อชิงความได้เปรียบ
เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2568 ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานครไทย-ญี่ปุ่น (ดินแดง) นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หน้าพรรคประชาชน (ปชน.) เปิดเผยภายหลังพาผู้สมัคร สส.กทม.พรรค ปชน. มาสมัครรับเลือกตั้ง ว่ามีกำลังใจเต็มเปี่ยมในการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ และประกาศที่ทำให้พื้นที่ทางการเมืองของกรุงเทพมหานคร เป็นสีสีส้มทั้ง 33 เขต ในการเลือกตั้งครั้งหน้า เปิดเผยว่านโยบายหาเสียงของพรรคที่เปิดในเว็บไซต์ได้รับการตอบรับจากประชาชน พร้อมเชิญชวนให้ประชาชนส่งต่อความสุขผ่าน นโยบายหาเสียงพระประชาชน ขณะเดียวกันพรรคจะได้รู้ว่านโยบายใดเป็นที่ชื่นชอบ ของประชาชนมากที่สุด ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ร่วมกันในช่วงปีใหม่
นายณัฐพงษ์ กล่าว เราเน้นย้ำนโยบายที่จะใช้ในการหาเสียง 1. ขจัดเรื่องสีเทาจากประเทศ จะทำให้ไทยมีนิติรัฐนิติธรรมที่ดี 2.เศรษฐกิจปากท้อง ทำค่าแรงปรับฐานที่เป็นธรรม แก้ปัญหาค่าของชีพและกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ สวัสดิการถ้วนหน้า ตั้งแต่เกิด-โต-แก่-เชิงตะกอน เพิ่มเบี้ยดูแลผู้คนทุกช่วงวัย โจทย์แรกอุดรูรั่วเศรษฐกิจของไทย
ส่วนกลยุทธ์ในการหาเสียงกอบโกยคะแนนนิยมจากประชาชนหนึ่งเดียวของพรรคประชาชนคือ “ เอาหลังอิงพ่อแม่พี่น้องประชาชน” เสนอนโยบายที่ดีที่สุด ผู้สมัคร สส. ที่ดีที่สุด ทีมบริหารที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่เชื่อมั่นว่าจะทำให้พรรคประชาชน ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ซึ่งเป้าหมายในการจัดตั้งรัฐบาลประชาชน
“คือต้องได้คะแนนเสียงมากที่สุด ที่เราจะมั่นใจได้ว่า ไม่ถูกพรรคการเมืองอันดับสอง อันดับสาม หรือพรรคอื่น ไปรวมขั้วจัดตั้งรัฐบาล แข่งกับรัฐบาลอันดับหนึ่ง โดยใช้ข้ออ้างทางการเมืองที่ ไม่เป็นจริง ถ้าได้ติดตามฟังคำสัมภาษณ์ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยจริง ๆ ก็รู้ว่าเป็นการผลิตวาทกรรมทางการเมืองที่บิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะพรรคประชาชนไม่มีนโยบายในการแก้ไขมาตรา 112 แล้ว เพราะฉะนั้นเราไม่ได้สนใจ เป้าหมายในใจเรามีเราเชื่อมั่นว่าได้เป็นรัฐบาลแน่นอน แต่เป้าหมายที่ใหญ่กว่านั้นนอกจากเรื่องคะแนนเสียงคือการตั้งรัฐบาลประชาชน เป็นภารกิจตัดสินอนาคตของประเทศ เพื่อทำให้ไทยไม่เทา ไทยเท่ากันและไทยทันโลก“ นายณัฐพงษ์ กล่าว
เมื่อถามว่าการประกาศตั้งรัฐบาล แข่งกับพรรคภูมิใจไทย จะเป็นการมัดตัวเองไปหรือไม่เพราะยังไม่รู้จำนวน สส. ที่จะมา นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เงื่อนไขในการจัดตั้งรัฐบาลเราไม่ได้เป็นคนตั้ง ก่อนหน้านี้ถ้าสังเกตจะให้สัมภาษณ์ตนแค่พูดสื่อสารอย่างชัดเจนว่าจะไม่ให้สส.ของพรรคประชาชนไปโหวตนายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ในเรื่องเงื่อนไขการจัดตั้งรัฐบาล ถ้าพรรคอื่น ๆ สามารถรับเงื่อนไขของเราได้ อย่างเช่น ไม่มีรัฐมนตรีสีเทามาร่วมรัฐบาล ถ้ามีประวัติด่างพร้อย นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นตนบอกให้เปลี่ยนตัวรัฐมนตรีก็ต้องเปลี่ยน
"ถ้ายอมรับเรื่องของเราได้ก็สามารถเป็นรัฐบาล ที่ทำงานรับใช้ประชาชนได้ แต่ถ้ายอมรับเงื่อนไขไม่ได้ หรือบิดเบือนข้อมูลและมาตั้งเงื่อนไขโดยนำ ม.112 มาอ้าง เห็นได้ชัดว่าเป็นการสร้างเงื่อนไขทางการเมืองเพื่อที่จะช่วงชิงจังหวะอะไรหรือไม่ ถ้าเป็นแบบนี้หนีไม่พ้นการเลือกตั้งครั้งหน้าประชาชนจะต้องเลือกระหว่างรัฐบาลประชาชนกับรัฐบาลอนุทิน ว่าจะเอารัฐบาลแบบไหนที่ประเทศไทยจะไม่เท่า พัฒนาไปข้างหน้าได้กว่านี้" นายณัฐพงษ์ กล่าว
เมื่อถามว่าหลังจากนี้วางแผนการหาเสียงไว้อย่างไรบ้างนั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า จะใช้ทุกวันทุกวินาทีให้คุ้มค่าที่สุด เรามีแผนที่จะให้แกนนำของพรรคได้ลงพื้นที่หาเสียงครบทั้ง 400 เขตทั่วประเทศ แล้วจะมีการเปิดทีมบริหารในวันที่ 10 มกราคมนี้ และในช่วงท้ายจะมีเวทีปราศรัยใหญ่ก่อนวันเข้าคูหา
นายณัฐพงษ์ ยังยืนยันว่า ให้สัมภาษณ์ว่ามั่นใจเต็มเปี่ยม เชื่อมั่นผู้สมัครทุกคน คัดสรรอย่างเข้มข้น ไม่มีใครที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายทุนเทา อาชญากรข้ามชาติ การเลือกตั้งวันที่ 8 ก.พ. เป็นภารกิจตัดสินอนาคต ที่เราต้องขจัดเรื่องสีเทาออกจากประเทศ ทำให้สังคมไทยเกิดความเท่าเทียมกัน และทันโลก โดยในกทม. ครั้งนี้ มั่นใจอย่างเต็มที่ 33 เขต กทม.เราจะหาเสียงอย่างเต็มที่ให้ได้รับความไว้วางใจ และเป็นสีส้มทั้งกรุงเทพฯแน่นอน แต่เราก็ไม่ประมาท
นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องความมั่นคง ใหม่ ๆ นอกจากความมั่นคงชายแดน ยังมีภัยมั่นคงไซเบอร์ การจัดการภัยพิบัติ ที่ผ่านมาเราอาจจะคุ้นชินกับภัยพิบัติที่เกิดขึ้นทุกๆปี แต่ไม่มีน้ำท่วมครั้งไหนที่ จะทำให้เกิดความสูญเสีย และผู้เสียชีวิตเป็นร้อยคน เเบบที่เกิดเหตุน้ำท่วมภาคใต้ มีปัญหาเศรษฐกิจรั้งท้ายอาเซียน ด้วยปัญหาทางการเมืองทีต่อเนื่องมานาน ตอนนี้สังคมไทย ก็ขาดความเท่าเทียมกัน เป็นต้น ทุกอย่างเป็นภารกิจที่เราพร้อมจะเข้าไปบริหารประเทศ โดยทีมบริหารมืออาชีพ วันที่ 11 ม.ค.69 เราพร้อมจะเปิดทีมบริหารมืออาชีพตัวจริง ที่ไม่ได้มาจากมุ้งใหญ่ ทุนใหญ่ ทุนเทา ทีมบริหารมืออาชีพของเราไม่ได้มีหน้าที่ตอบเเทนใคร เป็นเงื่อนไขสำคัญที่พรรคปชน.จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของประชาชน







