‘59ตั๋วผู้แทน’ ปักษ์ใต้ กระแส‘ฟ้า-ส้ม’vsกระสุน‘น้ำเงิน-เขียว’

เดิมพัน‘59ตั๋วผู้แทน’ ปักษ์ใต้ไม่หมู กระแส‘ฟ้า-ส้ม’vsกระสุน‘น้ำเงิน-เขียว’ กว่าจะรู้ผลแพ้ชนะ จะได้เห็นอีกหลายฉากหลายตอนของบรรดาพรรคการเมืองเหล่านี้ ที่สู้กันดุเดือดแน่นอน!
KEY
POINTS
- การเลือกตั้งในภาคใต้ครั้งนี้มี ส.ส. เป็นเดิมพัน 59 ที่นั่ง เพิ่มขึ้นจากเดิม ทำให้เป็นสมรภูมิที่แข่งขันกันดุเดือด
- พรรคประชาธิปัตย์ ('ฟ้า') ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลับมาเป็นหัวหน้าพรรค ถูกมองว่าเป็น "พรรคกระแส" ที่หวังใช้ความนิยมที่กลับมาเป็นอันดับหนึ่งในโพล เพื่อทวงคืนพื้นที่หลังสูญเสียที่นั่งในภาคใต้มาตลอดในการเลือกตั้งสองครั้งล่าสุด
- พรรคภูมิใจไทย ถูกขนานนามว่าเป็น "พรรคกระสุน" ที่ใช้พลังดูด ส.ส. จากพรรคอื่นเข้ามาเสริมทัพ โดยตั้งเป้าหมายไว้ที่ 30 ที่นั่งในภาคใต้
- พรรคกล้าธรรม ('เขียว') กลายเป็นอีกหนึ่งพรรคที่ใช้ "กระสุน" หรือทรัพยากรสูง โดยได้นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และอดีต ส.ส. หลายคนในสังกัดเข้ามาร่วม ทำให้มีฐานที่แข็งแกร่งขึ้น
- พรรคก้าวไกล ('ส้ม') เป็นคู่แข่งสำคัญที่ใช้ "กระแส" ความนิยมเข้าสู้ โดยในการเลือกตั้งครั้งก่อนสามารถกวาดคะแนนบัญชีรายชื่อได้มากในหลายจังหวัดและชนะยกจังหวัดภูเก็ต ถือเป็นตัวแปรที่พรรคอื่นประมาทไม่ได้
ศึกเลือกตั้งระดับชาติที่กำลังจะชี้ชะตากันในวันที่ 8 ก.พ.2569 “สมรภูมิภาคใต้” ถือเป็นอีกหนึ่งสนามวัดพลังของบรรดาพรรคการเมือง
หากยึดตามประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เรื่องจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และเขตเลือกตั้งของแต่ละจังหวัดจะพึงมี เผยแพร่เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา
สมรภูมิภาคใต้รอบนี้จะมี “ตั๋วผู้แทน” เพิ่มจาก 54 เป็น “59 ใบ” แบ่งเป็น นครศรีธรรมราช และสงขลา มีสส.จังหวัดละ 9 คน สุราษฎร์ธานี 7 คน นราธิวาส และปัตตานี จังหวัดละ 5 คน ตรัง 4 คน กระบี่ ชุมพร พัทลุง ภูเก็ต ยะลา จังหวัดละ 3 คน พังงา และสตูล จังหวัดละ 2 คน และระนอง 1 คน
สแกนสมรภูมิปักษ์ใต้ “พรรคประชาธิปัตย์” ล่าสุดเพิ่งเปิดตัว3แคนดิเดตนายกฯ กำลังเป็น “พรรคกระแส” เห็นชัดถึงผลสำรวจ “นิด้าโพล” เมื่อเปิดเผยเมื่อวันที่ 30 พ.ย.2568 เรื่อง“กระแสการเมืองภาคใต้” ที่พบว่า
ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ และ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรค มีคะแนนนิยมมาเป็นอันดับหนึ่ง มารอบนี้ถือเดิมพัน ท่ามกลาง“วิกฤติ”และ“โอกาส” ในการกอบกู้คะแนนนิยมกลับคืนมา
ย้อนกลับไปตั้งแต่ ปี 2554 มี“อภิสิทธิ์”เป็นหัวหน้าพรรค ปชป.มีสส.115 ที่นั่ง จำนวนนี้มีในส่วนของภาคใต้ 50 ที่นั่งจาก 53 ที่นั่ง
ถัดมาในการเลือกตัั้งปี 2562 ปชป.เจอพิษการเมืองที่ถูกแช่แข็งเป็นเวลานาน บวกไวรัลเลือก“ความสงบจบที่ลุง” เบียดชิงพื้นที่ในขั้วอนุรักษนิยม จำนวนสส.ปชป.ลดลงเกือบครึ่ง อยู่ที่ 53 ที่นั่ง จำนวนนี้มีสส.ภาคใต้ 22 ที่นั่งจาก 50 ที่นั่ง จากที่เคยเป็นหัวขบวนอนุรักษนิยม แปรสภาพเป็นเพียงพรรคร่วมรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพรรคพลังประชารัฐ
นำมาสู่การประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคของ “อภิสิทธิ์” ในท้ายที่สุด ขณะที่การเลือกตั้งครั้งล่าสุด เมื่อช่วงต้นปี 2566 ปชป.เปลี่ยนตัวผู้นำมาเป็น“จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์”
ท่ามกลางพรรคการเมืองที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด ส่งผลให้สส.ปชป.ลดฮวบ เหลือ 25 ที่นั่ง ไม่ต่างจาก สส.ภาคใต้ ที่ลดลงเหลือเพียง 17 คน จาก 54
แน่นอนว่า การคัมแบ็กหัวหน้าพรรคในรอบ 6 ปีของ “เดอะมาร์ค” อภิสิทธิ์ ไม่เพียงแต่จะถือเดิมพันภายใต้โจทย์พลิกฟื้นเรตติ้ง “ค่ายพระแม่ธรณี” ให้คืนกลับมาแต่เพียงเท่านั้น
แต่ยังหมายรวมไปถึงการนำพา “ประชาธิปัตย์” กลับมาผงาดใน“สมการการเมือง” โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ สมรภูมิเมืองหลวง และสมรภูมิภาคใต้ ซึ่งเป็จุดยุทธศาสตร์เดิมของพรรคสีฟ้า ให้คืนกลับมาเช่นเดียวกัน
พรรคภูมิใจไทย ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็น “พรรคกระสุน” เห็นชัดถึงการโชว์พลังภูมิใจดูด เปิดตัวซุ้มการเมืองบ้านใหญ่ ตามเป้าหมาย “คีย์แมนน้ำเงิน”อย่าง“พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รองนายกฯ และรมว.คมนาคม ในฐานะแม่ทัพภาคใต้ค่ายภูมิใจไทย ตั้งเป้าหมายไว้ที่ “30 สส.”
แน่นอนว่าท่ามกลางสถานการณ์ “มหาอุทกภัย” หาดใหญ่ เมื่อช่วงเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้คะแนนนิยมพรรคน้ำเงินไหลไปกับกระแสน้ำ
จุดนี้ย่อมกลายเป็นโจทย์ใหญ่ของพรรค ที่นอกจากการโชว์พลังภูมิใจดูดแล้ว ยังต้องใช้กำลังภายในอีกเท่าตัวในการพลิกฟื้นเรตติ้งกลับคืนมา
ล่าสุดจึงเห็นท่าทีจาก “โกเกี๊ยะ” พูดถึงเหตุการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ที่ส่งผลกระทบกับพรรคภูมิใจไทยว่า หากบอกว่าไม่ส่งผลกระทบคงเป็นไปไม่ได้ แต่ยอมรับเรื่องภัยธรรมชาติ ต้องรับสภาพ ซึ่งนายกฯได้สั่งการเร่งรัด โดยได้รับการเยียวยาไปแล้วกว่า 97% ซึ่งมีเพียงบางส่วนที่ติดขัด โดยจะพยามให้จบก่อนสิ้นปีนี้
สแกนที่นั่งสส.สีน้ำเงิน รอบที่ผ่านมา ภูมิใจไทยมี สส.ปักษ์ใต้ ประกอบด้วย นครศรีธรรมราช2คน (แพ้เลือกตั้งซ่อม 1 คนเหลือ 1 คน) บวกสส.ย้ายพรรค 2 คน พัทลุง ปัจจุบันย้ายมาพรรคภูมิใจไทย 1 คน สุราษฎร์ธานี สส.ภูมิใจไทยเดิม 1 คน ย้ายมาจากพรรครวมไทยสร้างชาติ 4 คน
จ.สงขลา ภูมิใจไทยมี สส.เดิม 1 คน ย้ายมาจากประชาธิปัตย์ 2 คน มาจากรวมไทยสร้างชาติ 1 คน จ.กระบี่ ภูมิใจไทยชนะยกจังหวัด จ.ตรัง สส. 4 คน จาก 3 พรรค ปัจจุบันย้ายไปสังกัดภูมิใจไทย3คน
จ.พังงา ภูมิใจไทยมีสส.เดิม 1 คน และย้ายมาจากพลังประชารัฐ 1 คน จ.ระนองมี สส.1 คน ภูมิใจไทยครองที่นั่ง จ.สตูล มีสส.2คน ภูมิใจไทยชนะยกจังหวัด จ.นราธิวาส ภูมิใจไทยมี สส.1 คน
ไม่ต่างจาก“พรรคกล้าธรรม” ท่ามกลางหมุดหมายตอกเสาเข็มสีเขียว ในสมรภูมิปักษ์ใต้ หลังผนึกกำลัง “เฉลิมชัย ศรีอ่อน”อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้มากบารมีเมืองสามอ่าว จากเดิมมีสส.ภาคใต้ 3 คน เวลานี้มีสส.เพิ่มขึ้น แบ่งเป็นสายเฉลิมชัย 4 คน คือ ยุทธการ รัตนมาศ อดีต สส.นครศรีธรรมราช ที่แยกทางกับ “แทน” ชัยชนะ เดชเดโช แม่ทัพเมืองคอน ค่ายสีฟ้า พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ อดีต สส.สงขลา “แบลัน” ยูนัยดี วาบา อดีต สส.ปัตตานี สุพัชรี ธรรมเพชร อดีต สส.พัทลุง
รวมถึงสาย “เดชอิศม์ ขาวทอง” และ “มาดามน้ำหอม”สุภาพร กำเนิดผล ภรรยา ที่เตรียมวางมือและส่งลูกชายลงแทน
ประมาทไม่ได้คือ “พรรคส้ม” ซึ่งรอบที่ผ่านมา กวาดแต้มปาร์ตี้ลิสต์ แบบมีนัยสำคัญในหลายจังหวัด แถม 3 ที่นั่ง สส.ภูเก็ต ก็ยังปักธงยกจังหวัด มารอบนี้อาจยังเป็นคู่แข่งสำคัญที่พรรคการเมืองในขั้วอนุรักษนิยมประมาทไม่ได้เช่นเดียวกัน
ไหนจะ “พรรคประชาชาติ” ซึ่งถูกวางเป็นสาขาพรรคเพื่อไทย ล็อกเป้าไปที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
เชื่อได้เลยว่า กว่าจะรู้ผลแพ้ชนะ จะได้เห็นอีกหลายฉากหลายตอนของบรรดาพรรคการเมืองเหล่านี้ ที่สู้กันดุเดือดแน่นอน!







