'อภิสิทธิ์'นำว่าที่ผู้สมัคร สส.กทม.33เขต บวงสรวงศาลหลักเมือง

'อภิสิทธิ์'นำว่าที่ผู้สมัคร สส.กทม.33เขต บวงสรวงศาลหลักเมือง

'อภิสิทธิ์'นำว่าที่ผู้สมัคร สส. กทม.33เขต บวงสรวงศาลหลักเมือง ก่อนยื่นสมัครพรุ่งนี้ พร้อมการันตี 3 แคนดิเดตนายกฯ "มาร์ค-อ้อ-กรณ์" อุดมการณ์เดียวกัน

ที่ศาลหลักเมือง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค นางการดี เลียวไพโรจน์ รองหัวหน้าพรรค นายสกลธี ภัททิยกุล รองหัวหน้าพรรค ดูแลพื้นที่กทม. นายองอาจคล้ามไพบูลย์ ที่ปรึกษาผู้อำนวยศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง นำ ว่าที่ผู้สมัคร สส. กทม. ทั้ง 33 เขต เข้าสักการะและบวงสรวงองค์เจ้าพ่อศาลหลักเมือง ก่อนการสมัครเข้ารับการเลือกตั้ง เป็นสส.แบบแบ่งเขต ในพื้นที่กทม. วันพรุ่งนี้ (27 ธ.ค.) เพื่อความเป็นสิริมงคล และสร้างขวัญกำลังใจ

หลังเสร็จสิ้นพิธีสักการะ นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ยืนยันต่อการประกาศชื่อผู้ที่พรรคจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี จำนวน 3 รายชื่อ  คือ นายอภิสิทธิ์ นายกรณ์ และนางการดี ว่าทั้ง3คนไม่ใช่มาเป็นผู้อาสาเป็นนายกฯ ที่ต่างคนต่างมา แต่มีที่มาเหมือนกันคือ ความคิด ตั้งใจ วิสัยทัศน์ และเคยทำงานร่วมกันมา ในสถานะและโอกาสต่าง ดังนั้นมั่นใจว่าแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคประชาธิปัตย์มองอนาคตของประเทศที่อยากเห็น ตรงกัน ดังนั้นการทำงาน ของทั้ง 3คน มีลักษณะกลมกลืน อีกทั้งได้คุยนโยบายที่ใช้รณรงค์หาเสียงมากับมือ 'อภิสิทธิ์'นำว่าที่ผู้สมัคร สส.กทม.33เขต บวงสรวงศาลหลักเมือง

“เราไม่เปรียบเทียบแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคการเมืองอื่น แต่อธิบายให้เห็นว่าการคัดเลือกแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ทั้ง 3คน อยากให้ประชาชนมั่นใจว่ากลมกลืน ยึดมั่นใจอุดมการณ์และวิสัยทัศน์เดียวกัน” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

เมื่อถามว่าประเมินแล้วกระแสดีหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จากที่ได้พบปะประชาชนต่างๆ มีกระแสตอบรับดี เชื่อว่าประชาชนต้องใช้เวลาประมาณ 40 วันที่เหลือเปรียบเทียบตัดสินใจ ซึ่งการเลือกตั้งเป็นสิ่งที่สำคัญไม่อยากให้ประเทศไทยติดล่มสภาพเศรษฐกิจสังคมที่ผ่านมา ดังนั้น อยากให้ประชาชนพิจารณาให้ถี่ถ้วน เพราะมีโอกาสสำคัญให้ประเทศพ้นจากภาวะปัญหา ประเทศเดินหน้า ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี สังคมสงบบสุข และทำให้ประเทศไทยผงาดบนสังคมโลกได้

“จากปัญหาที่พบว่าประชาชนเหนื่อยท้อกับอะไร และเขาต้องทน แต่วันนี้เป็นโอกาสหลุดพ้นสภาพนั้น พรรคประชาธิปัตย์เปิดประเด็นไทยหายจน ไม่ได้หมายถึงจนเงินเท่านั้น แต่จะทยอยเปิดนโยบายที่เป็นคำตอบแก้จนแต่ละด้านเป็นอย่างไง ซึ่งแคนดิเดตนายกฯ 3 คนที่ประกาศชื่อนั้น มีความชัดเจนไม่ใช่ประกาศลอยๆ

โดยจะระบุเป้าหมายที่ชี้วัดที่ประเมินเราได้หากมีโอกาสทำงาน เช่น  4ปี เศรษฐกิจไทยโต  5%  ลดหนี้สินของประชาชนจากเดิมที่มียอดหนี้ 80-90% ให้เหลือ 60% โดยทั้งหมดทำได้โดยการเมืองสุจริต หมายความว่าประเทศไทยไม่ถูกจัดอันดับในลำดับดัชนีความโปร่งใสที่107 แต่ต้องกลับมาติดอันดับในสมัยที่พวกเราทำงาน คือลำดับที่ 80” นายอภิสิทธิ์ กล่าว