มองสองเหตุการณ์ใหญ่จากหลายมิติ | บ้านเขาเมืองเรา

การสู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชาและภาวะน้ำท่วมหาดใหญ่พร้อมทั้งบริเวณใกล้เคียง เป็นเหตุการณ์ใหญ่ที่ทำให้ชาวไทยสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมาก ท่ามกลางความสูญเสียนี้มีสิ่งหนึ่งซึ่งปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัดอีกครั้ง
นั่นคือ น้ำใจของคนไทย ซึ่งจะไม่ทิ้งกันในยามที่ชาติ หรือชุมชนเผชิญกับความเสียหายร้ายแรง
อย่างไรก็ดี เหตุการณ์ทั้งสองนี้อาจมองได้จากหลายมิติ ทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ มิติแรก ได้แก่ ชาวไทยจะไม่ยอมให้ใครรังแกแม้จะต้องเสียชีวิต เลือดเนื้อ หยาดเหงื่อและสินทรัพย์จำนวนมากเพื่อปกป้องแผ่นดิน ประวัติศาสตร์ชาติไทยจากสมัยกรุงสุโขทัยถึงในปัจจุบันยืนยันจุดยืนนี้อีกครั้ง
ไทยกับกัมพูชาไม่น่าจะรบกันเพราะเป็นทั้งเพื่อนบ้านและมีฐานทางวัฒนธรรมคล้ายกัน แต่ต้องรบกันเพราะความไม่ชัดเจนของเขตแดนอันเป็นผลที่ฝรั่งเศสทิ้งไว้เมื่อออกจากถิ่นนี้ไป หลังยึดครองพื้นที่ของกัมพูชาและบางจังหวัดของไทยจากสมัยฝรั่งเข้ามาล่าอาณานิคม
ฝรั่งไม่ได้ทิ้งปัญหาในแนวเดียวกันไว้เฉพาะตรงเขตแดนที่ทำให้ไทยกับกัมพูชารบกันเท่านั้น หากยังทิ้งไว้ในหลายส่วนของโลกอีกด้วย เช่น ในย่านตะวันออกกลางหลังฝรั่งจากทางฝั่งตะวันตกของยุโรปขับไล่อาณาจักรออตโตมันออกไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 หากเราเข้าไปดูแผนที่ของประเทศในย่านนั้นจะเห็นว่า เขตแดนระหว่างหลายประเทศขีดเป็นเส้นตรง
การขีดเส้นตรงเช่นนั้นทำได้ไม่ยากเนื่องจากพื้นที่เป็นทะเลทรายกว้างใหญ่ที่ไม่มีภูเขาและสายน้ำตามธรรมชาติที่อาจใช้เป็นเขตแดนได้ แต่ในหลาย ๆ แห่งเส้นตรงสร้างข้อพิพาทได้เนื่องจากลากผ่ากลางของพื้นที่ซึ่งเป็นของเผ่าต่าง ๆ มาก่อน เผ่าเหล่านั้น อาจมีบ้านเรือนอยู่ในประเทศหนึ่ง แต่บ่อน้ำซึ่งสำคัญอย่างยิ่งในภาวะทะเลทรายอยู่ในอีกประเทศหนึ่ง เผ่าที่ถูกแบ่งเช่นนี้มักมีปัญหากับประเทศเพื่อนบ้าน
เหตุการณ์ที่ 2 ภาวะน้ำท่วมใหญ่ทางภาคใต้ของไทยอาจมองได้ว่าเป็นเหตุการณ์ปกติซึ่งนาน ๆ จะเกิด แต่ครั้งนี้มีความรุนแรงมากกว่าปกติและประเทศเพื่อนบ้านก็ได้รับผลกระทบหนักเช่นกัน จึงมีผู้มองว่าน่าจะเป็นหนึ่งในผลกระทบของภาวะโลกร้อนที่ทำให้พายุฝนแรงขึ้นและเกิดบ่อยขึ้น
อย่างไรก็ดี ในช่วงนี้มีผู้มองว่าต้นเหตุและปัญหาของภาวะโลกร้อน ที่นักวิทยาศาสตร์สรุปกันโดยทั่วไปนั้นไม่ตรงกับความเป็นจริงนำโดยรัฐบาลอเมริกันชุดปัจจุบัน การต่อต้านของรัฐบาลอเมริกันเป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ความล้มเหลวของการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยเรื่องภูมิอากาศ (COP30) เมื่อไม่นานมานี้ที่บราซิล
หลังจากการประชุมนั้นแล้ว มีรายงาน 2 ชิ้นที่ชาวโลกโดยทั่วไปควรจะใส่ใจและพยายามหาทางหนีทีไล่ไว้ให้พร้อม ชิ้นแรกได้แก่ รายงานของอาจารย์มหาวิทยาลัยในออสเตรเลียซึ่งสรุปว่า โลกน่าจะร้อนขึ้นเกินกว่า 1.5 องศาเซลเซียสแล้ว นั่น
หมายความว่าปัญหาจากภาวะโลกร้อนจะรุนแรงขึ้นแน่นอนและเวลาที่ชาวโลกจะป้องกันมิให้โลกร้อนเพิ่มขึ้นจนถึงระดับที่ทำให้สิ่งมีชีวิตจำนวนมากอยู่ยากเหลือน้อยลงไปอีก รายงานนี้ยังมีผู้แย้ง แต่ภาวะน้ำท่วมภาคใต้และปรากฏการณ์อื่น ๆ ทั่วโลกน่าจะชี้ให้เห็นว่าเรามีเวลาน้อยลงจริง
รายงานอีกชิ้นหนึ่งเป็นของนักวิทยาศาสตร์ชาวสวิสซึ่งศึกษาการละลายของธารน้ำแข็ง เขาสรุปว่าแม้ชาวโลกจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามที่ได้ตกลงกันไว้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว โลกจะร้อนขึ้นถึง 2.7 องศาเซลเซียส ทำให้ธารน้ำแข็งทั่วโลกละลายหายไปเพิ่มขึ้นอีก แม้เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องการละลายนั้นจะทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นอีกเท่าไร แต่น่าจะเป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วไปแล้วว่า การเพิ่มขึ้นเช่นนั้นจะสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
สองเหตุการณ์ที่อ้างถึงนี้จะมีอะไรเกิดตามมาอีกเราคงพอคาดเดาได้ ในวาระการมาถึงของปี 2569 ผมหวังว่าชาวไทยจะไม่ต้องสูญเสียดังที่เสียมาแล้วในปีนี้ และถ้ามันเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ น้ำใจของคนไทยจะยังคงเดิม นอกจากนั้น ผมยังหวังว่าการเลือกตั้งใหญ่ที่จะมาถึงจะนำมาซึ่งการใช้ระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริงและผู้อ่านทุกท่านจะผ่านปี 2569 ไปได้อย่างราบรื่น







