จุดกระแสไม่เอา ‘กล้าธรรม’ - 'ประชาธิปัตย์' หวังพลิกขั้วการเมือง?

จุดกระแสไม่เอา ‘กล้าธรรม’ - 'ประชาธิปัตย์' หวังพลิกขั้วการเมือง?

การที่ "อภิสิทธิ์" ประกาศตัดสัมพันธ์ "พรรคกล้าธรรม" ด้วยเหตุ "ธรรมนัส พรหมเผ่า" เปื้อนคราบ "เทา" นัยหนึ่งคือ ปลุกกระแสการเมืองสุจริต อีกนัยอาจหวังไกลถึงขั้นพลิกขั้ว

KEY

POINTS

  • พรรคประชาธิปัตย์ นำโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศจุดยืนชัดเจนว่าจะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคกล้าธรรม เพื่อสร้างแรงกดดันทางการเมือง
  • การประกาศดังกล่าวอาจทำให้พรรคประชาธิปัตย์เสี่ยงต่อการเป็นฝ่ายค้าน เนื่องจากพรรคกล้าธรรมถูกมองว่าเป็นตัวแปรสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาล
  • ยุทธศาสตร์นี้อาจมีเป้าหมายเพื่อเปลี่ยนสมการการเมือง โดยพยายามโดดเดี่ยวพรรคกล้าธรรม และสกัดกั้นไม่ให้เข้าร่วมรัฐบาลผสม

 

 

 

 

คำประกาศของ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ บนเวทีดีเบต ทางไทยรัฐทีวี เมื่อ 23 ธ.ค.68 ว่า “ไม่สามารถอยู่ร่วมรัฐบาลเดียวกับพรรคกล้าธรรมได้” กลายเป็นแรงสั่นสะเทือนทางการเมือง ก่อนเวทีเลือกตั้งจะเริ่มอย่างเป็นทางการ

รวมถึงถูกลิสต์ให้เป็น ประเด็นนำในสังคมเวลานี้ ที่หันไปตั้งคำถามกับพรรคการเมืองที่อาสาเข้ามารับใช้คนไทย กับพรรคแรกที่ถูกตั้งคำถามถึงจุดยืนนี้ คือ “พรรคประชาชน” ที่ชูธงนำ “มีเรา ไม่มีเทา”

โดยเฉพาะในห้วงการตรวจสอบ ภายใต้กรรมาธิการ “พรรคประชาชน” นำโดย “รังสิมันต์ โรม” อดีตประธานกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร รุกไล่อย่างหนัก ขันนอต “รัฐบาล” ให้เร่งปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ-แก๊งสแกมเมอร์-แก๊งคอลเซนเตอร์

และไล่บี้ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ให้ชี้แจงกรณีปรากฏภาพถ่ายใกล้ชิดกับ “ตัวการใหญ่ของเครือข่ายสแกมเมอร์” ว่า มีความสนิทสนม รู้เห็นเป็นใจหรือไม่

จุดกระแสไม่เอา ‘กล้าธรรม’ - 'ประชาธิปัตย์' หวังพลิกขั้วการเมือง?

รวมไปถึงลูกพรรคกล้าธรรม อย่าง “ชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว” อดีต สส.สงขลา ที่ถูก “ลูกพรรคสีส้ม” นำมาแขวนบนโซเชียล หลังถูก “ปปง.” อายัดทรัพย์สิน เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินที่โยงกับเว็บพนันออนไลน์ พร้อมตั้งคำถามถึงคุณสมบัติที่เหมาะสมกับการได้เข้ามาเป็น “ผู้แทนปวงชน” หรือไม่

ทำให้ “พรรคสีส้ม” ถือว่า “ปัญหาสแกมเมอร์-ทุนเทา” เป็นเรื่องใหญ่หลวง ที่ประชาชนเดือดร้อน และลามมาถึงการฮุบอำนาจฝ่ายบริหารเพื่อพิทักษ์ประโยชน์ของ “พวกทุนเทา”

ดังนั้น เมื่อ “อภิสิทธิ์” นักการเมืองเก๋าเกม เลือกเป็นผู้นำที่ประกาศจุดยืนการเมืองชัดเจน และถูกรับรองให้เป็นมติพรรคประชาธิปัตย์ จึงกลายเป็นตัวเปรียบเทียบว่า สิ่งที่ “พรรคประชาชน” ทำมาตั้งแต่ก่อนยุบสภา มาจนถึงไร้อำนาจตรวจสอบในสภาฯ ความเป็นรูปธรรมคืออะไร 

ถ้าหาก “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้าพรรคประชาชน หรือแกนนำคนอื่นๆ เลือกไม่ตอบ หรือปฏิบัติไม่ชัดเจน อาจถูกตั้งคำถามตัวโตๆ และดีไม่ดี กระแสความเชื่อมั่น ที่นำไปสู่ความเชื่อมือ อาจถูกลดทอนลงได้

เช่นเดียวกันกับพรรคการเมืองอื่นๆ ในเกมเลือกตั้ง ที่เลือกประกาศ “ไม่เอาทุนเทา” มาเป็นวาระนำที่ชัดเจนในสนามชิงเก้าอี้ หากไม่เล่นตามหมากที่ “อภิสิทธิ์” ปูทางไว้ อาจมีผลกระทบไม่น้อยต่อความเชื่อใจของประชาชน

จุดกระแสไม่เอา ‘กล้าธรรม’ - 'ประชาธิปัตย์' หวังพลิกขั้วการเมือง?

อย่างไรก็ดี ในมุมที่ “หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์” เลือกไม่จับมือ “พรรคกล้าธรรม” ทั้งที่ในสมการการเมือง เป็นที่รู้กันว่า นอกจาก 3 พรรคการเมือง คือ “พรรคประชาชน-พรรคเพื่อไทย-พรรคภูมิใจไทย” ช่วงชิงการนำเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลรอบหน้าแล้ว ยังมี “พรรคกล้าธรรม” เป็นตัวแปรสำคัญในกระดานการเมือง

เพราะไม่ว่าสีใดจะมาเป็นอันดับหนึ่ง หรืออันดับรอง จะจัดตั้งรัฐบาลผสมกับสีไหน ย่อมมี “ร.อ.ธรรมนัส-พรรคกล้าธรรม” บวกเพิ่มเข้าไปในฝ่ายรัฐบาลเสมอ ดังนั้นเท่ากับว่า “พรรคประชาธิปัตย์” ในยุค “อภิสิทธิ์ คัมแบ็ก” เลือกเส้นทางที่นำไปสู่การเป็น “ฝ่ายค้าน” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ตั้งแต่ก่อนเข้าเส้นสตาร์ต

จุดกระแสไม่เอา ‘กล้าธรรม’ - 'ประชาธิปัตย์' หวังพลิกขั้วการเมือง?

ต่อเรื่องนี้ แม้ว่าแกนนำพรรค อย่าง “สาทิตย์ วงศ์หนองเตย” รองหัวหน้าพรรค จะออกมาปรามว่า อย่าเพิ่งดูถูกประชาชน ฐานะผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และอย่าเพิ่งมองว่าพรรคไหนจะชนะ เพราะต้องรอหลังวันเลือกตั้ง

ดังนั้นการจุดประเด็น "ไม่เอากล้าธรรม" ลึกๆ แล้วอาจมองเห็นโอกาส เปลี่ยนขั้วการเมือง

ทว่า ประเด็นที่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ปลุกกระแส ย่อมรู้ดีแก่ใจว่า การเลือกประกาศจุดยืนที่แสดงให้เห็นถึง “การเลือกข้างที่ชัดเจน” ย่อมมีความเสี่ยง ที่อาจโดนกระแสตีกลับจาก “พรรคตรงข้าม” และอาจตามมาด้วยการวัดพลังอย่างสุดกำลังในสนามเลือกตั้ง เพื่อสิ่งเดียว คือ “เอาชนะ เพื่อสั่งสอนคนปากดี”

กับสถานะของ “พรรคกล้าธรรม” ที่เตรียมเปิดตัว “ร.อ.ธรรมนัส” เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหนึ่งเดียว และว่าที่ผู้สมัคร สส.ในวันนี้ (25 ธ.ค.68) ส่วนหนึ่งจะมี อดีต สส.จากพรรคประชาธิปัตย์ในสาย “เพื่อนเฉลิมชัย ศรีอ่อน” ลงแข่งขัน อย่างน้อย 9 เขตเลือกตั้ง ในพื้นที่ 7 จังหวัด ประกอบด้วย ประจวบคีรีขันธ์ สงขลา ปัตตานี พัทลุง นครศรีธรรมราช อุบลราชธานี และสกลนคร

จุดกระแสไม่เอา ‘กล้าธรรม’ - 'ประชาธิปัตย์' หวังพลิกขั้วการเมือง?

แน่นอนว่า เมื่อถูก “อภิสิทธิ์” ประกาศตัดขาด “พรรคกล้าธรรม” อาจสื่อนัยถึงการตัดขาด “ศิษย์เก่าพรรคประชาธิปัตย์” ทั้ง 8 คน ที่สลัดเสื้อฟ้ามาสวมเสื้อพรรคกล้าธรรมด้วย 

ดังนั้น ย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่า ศึกนี้แม้พรรคประชาธิปัตย์จะส่งคู่แข่งหรือไม่ หรือพรรคใดจะเป็นคู่ท้าชิง แต่การเปิดเกม “ไม่เอากล้าธรรม” ของ “อภิสิทธิ์” โดยนัยอาจเปิดประเด็น เพื่อให้ “กล้าธรรม” ถูกเขี่ยพ้นสมการ “จัดตั้งรัฐบาล” และถูกโดดเดี่ยว เหมือนที่ครั้งหนึ่ง “พรรคประชาชน” เคยโดนมาแล้ว 

ในสมรภูมิการเมืองที่เพิ่งเริ่มเปิดฉาก อาจจะยังไม่รู้คำตอบสุดท้ายได้ว่า จะเป็นแบบนั้นจริงหรือไม่ จนกว่าระฆังการเมืองหมดยกจะดังขึ้น

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์