'สาทิตย์' ย้ำคำประกาศ ไม่จับมือ 'กล้าธรรม' เป็นมติพรรค

'สาทิตย์' ย้ำคำประกาศ ไม่จับมือ 'กล้าธรรม' เป็นมติพรรค

"รองหัวหน้าประชาธิปัตย์" บอก คำประกาศ "อภิสิทธิ์" ไม่จับมือ "กล้าธรรม" เป็นมติพรรค ผูกพันการตัดสินใจการเมือง จี้ "ปชน." ประกาศจุดยืน

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ต่อกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศจุดยืนไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคกล้าธรรม บนเวทีดีเบต ที่จัดโดยไทยรัฐทีวี เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ว่า เป็นจุดยืนทางการเมืองที่ผูกพันเป็นมติของพรรคประชาธิปัตย์  และมีผลต่อการตัดสินใจของพรรคในการเมืองและหลังเลือกตั้ง จะไม่เหมือนกับการเมืองรอบที่ผ่านมา อีกทั้งนายอภิสิทธิ์ประกาศว่าจะไม่ลาออกจากหัวหน้า พร้อมอยู่ครบวาระและทำงานการเมืองต่อไป

นายสาทิตย์ กล่าวต่อว่าในเวทีดีเบต เมื่อ 23 ธ.ค. ตนแปลกใจต่อท่าทีของพรรคประชาชนที่ไม่กล้าประกาศ ซึ่งนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน บอกว่าพูดไม่ไได้ เพราะกลัวผิดกฎหมาย แต่ก่อนหน้านั้นสามารถพูดได้ว่าไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทย จึงถือว่าเป็นเรื่องสองมาตรฐาน ทั้งที่การเมืองควรมีจุดยืนที่ชัดเจน

“ความตั้งใจของนายอภิสิทธิ์ที่กลับมาการเมืองรอบนี้ หลังจากหายไป 5-6 ปี เพราะการเมืองถึงจุดตกต่ำ ทั้งนี้เราไม่เห็นด้วยกับการเมืองก่อนหน้านั้นที่ไม่มีจุดยืน เช่น กรณีดีลลับ สลับขั้ว ที่ทำให้ประชาชนเชื่อมั่นต่อนักการเมืองน้อยลง และในสมการการเมืองช่วงหลัง ไม่มีประชาชนอยู่ในนั้น” นายสาทิตย์ กล่าว

นายสาทิตย์ กล่าวต่อว่าตนแปลกใจมากกว่านั้นทันทีที่นายอภิสิทธิ์ประกาศไม่เอาพรรคกล้าธรรม กลับมีการตีความหลายทาง หนึ่งในนั้น คือ มองว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นฝ่ายค้าน ซึ่งไม่เกี่ยวข้อง เพราะกรณีการประกาศของนายอภิสิทธิ์นั้นไม่มีผลประโยชน์ทางการเมืองใด มีแค่การประกาศจุดยืนชัดเจน ว่าไม่เอาทุนเทา ต้องทำการเมืองสุจริต และขอเรียกร้องให้ทุกพรรคการเมืองมีจุดยืนที่ชัดเจนเช่นกัน

“มีการตีความว่าไม่เอาพรรคกล้าธรรม แล้วจะไปจับมือส้ม แดง ถือเป็นยุทธศาสตร์การเมืองที่มุ่งโจมมีพรรคประชาธิปัตยย์ บิดเบือนข้อเท็จจริงจากจุดยืนทางการเมืองของนายอภิสิทธิ์ ไม่ใช่ว่าจับมือใครหรือไม่จับมือใคร แต่คือเหตุผลที่ไม่จับมือนั้นเพราะอะไร ประชาชนต้องการอะไร ผมยืนยันการประกาศของหัวหน้าเป็นมติพรรคเปลี่ยนแปลงไม่ได้” นายสาทิตย์ กล่าว

เมื่อถามกระแสที่แต่ละพรรคการเมืองที่จับมือล่วงหน้า ซึ่งรวมถึงพรรคกล้าธรรม ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ ถูกผลักไปเป็นฝ่ายค้าน นายสาทิตย์ กล่าวว่า ทำการเมืองอย่าดูถูกประชาชน อย่าคิดแทนประชาชนว่าพรรคไหนจะชนะ ปัจจุบันสิ่งที่ประชาชนต้องการรู้คือ จุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจน ดังนั้น จากวันนี้ถึงวันเลือกตั้ง 8 ก.พ. จะมีอีกหลายเวทีดีเบต ขอให้ประชาชนติดตามอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่เวทีดีเบตแรกจนถึงเวทีสุดท้ายว่าใครหนีดีเบต มีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่ไม่กล้าออกทีวีดีเบต ทั้งที่ในประเทศประชาธิปไตยการดีเบต คือ เวทีแสดงจุดยืนทางการเมือง

เมื่อถามว่าทำไมเลือกประกาศไม่จับมือพรรคกล้าธรรม แต่บางพรรคที่มีประวัติไม่โปร่งใสกลับไม่ประกาศ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ขอให้ดูต่อไป มีเป็นซีรีย์แน่นอน

เมื่อถามถึงจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ต่อเรื่องกฎหมายอาญา มาตรา 112 นายสาทิตย์ กล่าวว่า ยังมีความ จำเป็น แต่การบังคับใช้ต้องเกิดความชัดเจนโปร่งใส ประเด็นไม่อยู่ที่ตัวบทแต่อยู่ที่การบังคับใช้

เมื่อถามว่าพรรคประชาชนประกาศจุดยืนจะแก้ไขมาตรา 112 พรรคประชาธิปัตย์พร้อมจับมือด้วยได้หรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ต้องฟังจุดยืนก่อน ส่วนการจับมือกับใครยังอีกนาน

เมื่อถามถึงกระแสโจมตีพรรคประชาธิปัตย์บนโซเชียลมีเดีย นายสาทิตย์  กล่าวว่า ที่ติดตามมี 3 ประเด็น  คือ ชั่งไข่ ซึ่งเป็นประเด็นเก่าแก่ ไม่มีผลเพราะไม่มีอยู่จริง  ประเด็น 99 ศพ ตนขอให้ไปดูการชี้แจงนายอภิสิทธิ์ที่ตอบกับนักศึกษาที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และประเด็น MOU ทั้งนี้ ตนมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องยุทธศาสตร์ที่โจมตีพรรค เพราะพรรคได้รับความสนใจจากประชาชน อย่างไรก็ดีนายอภิสิทธิ์พร้อมชี้แจงทุกเรื่อง