‘ประชาชาติ’ พันธมิตร ‘เพื่อไทย’ วิบาก‘นายทุน’ถอนตัว ‘คู่แค้น’สกรัม

“พรรคประชาชาติ” พันธมิตร “พรรคเพื่อไทย” เปิดตัวผู้สมัคร สส. 15 เขต เจาะพื้นที่ฐานเสียงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มี “ขุนพลเก่า” ไม่ทอดทิ้ง “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” ประธานพรรคประชาชาติ ไปสังกัด “พรรคคู่แค้น” ปักหลักเปิดหน้าสู้เต็มพิกัด

เช่นเดียวกับ “บิ๊กวี” พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรค ยังอยู่ด้วยช่วยกันกับ “วันนอร์” แม้จะมีกระแสข่าวเตรียมย้ายไปสังกัด “เพื่อไทย” พรรคยานแม่ของ “ประชาชาติ”

ต้องยอมรับว่า“ประชาชาติ”มีสถานะเป็นพรรคน้องของ“เพื่อไทย” โดย“นายใหญ่”ทักษิณ ชินวัตร เปลี่ยนแบรนด์มาใช้จุดเด่นของ“วันนอร์” เพื่อภารกิจกวาดสส.ปลายด้ามขวาน ก่อนจะมาผนึกรวมกันในการจัดตั้งรัฐบาล

หลังการเลือกตั้งปี 2562 “ประชาชาติ” ตกอยู่ในสถานะ “ฝ่ายค้าน” ร่วมกับ “ค่ายแดง” ปี 2566 อยู่ในพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน ปลายปี 2568 เมื่อมีการพลิกขั้วจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย โดยมี “นายกฯหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นผู้นำรัฐบาล ทั้ง “เพื่อไทย - ประชาชาติ” ตกสวรรค์ มาร่วม “ฝ่ายค้าน” ด้วยกัน

ทำให้การเลือกตั้ง 8 ก.พ. 2569 “เพื่อไทย-ประชาชาติ” ไม่ว่าทั้งสองพรรคจะกวาดเก้าอี้ สส. ได้ตามเป้าหรือไม่ หลังปิดหีบเลือกตั้ง “เพื่อไทย - ประชาชาติ” ย่อมอยู่ในขั้วเดียวกันอย่างแน่นอน

เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ที่ผ่านมา “วันนอร์ - ทวี” ร่วมแถลงนโยบาย และแนวทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจ พร้อมกับเปิดตัว"ทีมเศรษฐกิจ"ของพรรค นำโดย “รศ.ดร.รุ่งเรือง พิทยศิริ” อดีตสส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ย้ายสังกัดมาร่วมงานกับพรรคประชาชาติ และทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของพรรคประชาชาติ

“ปัญหาของประเทศที่เติบโตต่ำกว่าศักยภาพ ผ่านโควิด มาหลายปี แต่จีดีพีกลับไปไม่ถึงจุดเดิม สำหรับนโยบายของพรรคเสร็จแล้ว 99% หากเปิดตัวเชื่อว่าจะทันสมัยกับสถานการณ์ และพร้อมแก้ปัญหาประเทศไทย ยกระดับประเทศไทยให้ทัดเทียมและเป็นนโยบายที่รู้ใจคนมุสลิมทั่วประเทศ” รุ่งเรือง กล่าวถึงทิศทางนโยบาย ที่พรรคประชาชาติต้องการขยายฐานเสียงให้กว้างยิ่งขึ้น

ปฏิเสธไม่ได้ว่า รุ่งเรือง พิทยศิริ เป็นสายตรงนายใหญ่ เพื่อไทย และยังมีความเชื่อมโยงกับ วันนอร์ มาตั้งแต่เมื่อครั้งพรรคความหวังใหม่ จึงไม่ใช่คนอื่นคนไกล การโยกคนมาอยู่พรรคนี้ ย่อมมีความเห็นพ้องต้องกันระหว่างคีย์แมนสองพรรค

สำหรับการส่งผู้สมัครสส. หัวหน้า“ทวี” เปิดเผยว่า “ประชาชาติ” จะส่งผู้สมัคร สส. จำนวน 15 เขต ขณะที่ผู้สมัครสส.บัญชีรายชื่อ จะส่งจำนวน 50 คน ทั้งนี้จะมีการประชุมใหญ่ในวันที่ 25 ธ.ค. จากนั้นจะเปิดตัวนโยบายของพรรคที่จะช่วยเหลือคนทุกคน ตั้งแต่ใต้สุด ชายทะเล และเหนือสุด รวมถึงนโยบายแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ

“ทวี” มองว่า การเลือกตั้งรอบนี้ หวังว่าจะได้สส.มากว่าเดิม ในการเลือกตั้งรอบที่แล้ว พรรคส่งผู้สมัคร 13 เขต ได้คะแนน 6.2 แสนคะแนน ได้บัญชีรายชื่อ 2 คน รอบนี้ควรมากกว่า 2-3 เท่า เพราะคนรู้จักมากขึ้น และการทำงานที่ผ่านมามีผลงานเป็นรูปธรรม ดังนั้นเชื่อว่าจะได้ สส.บัญชีรายชื่อมากขึ้นกว่าเดิม

อย่างไรก็ตาม หากมองตามหน้าเสื่อ “ประชาชาติ”ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากกว่าการเลือกตั้งปี 2566 โดยมีกระแสข่าวว่า “นายทุน”ผู้ให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง แจ้ง“ถอนตัว”เพราะมีแรงกดดันจาก “บิ๊กเนม”หลังม่านของเครือข่ายอนุรักษ์

ว่ากันว่า “วันนอร์ - ทวี” เปิดดีล “นายก กูเซ็ง” กูเซ็ง ยาวอหะซัน นายกอบจ. นราธิวาส เพื่อผนึก “บ้านใหญ่” ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้อยู่ใต้ชายคาเดียวกัน แต่เมื่อมีเงื่อนไข “นายทุน” ถอนตัว ทำให้ “กูเซ็ง” ต้องจบดีลลง โดยเลือกย้ายไปสังกัด “ภูมิใจไทย”แทน

เมื่อแผนผนึก “กูเซ็ง” พลาดเป้า ทำให้ “ประชาชาติ” ต้องเผชิญศึกรอบด้านเนื่องจาก “สส.บีลา” สัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส พรรคกล้าธรรม เชื่อมเครือข่ายใต้ดินในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้อย่างแข็งแกร่ง วางเกมขยายฐาน “กล้าธรรม” จากนราธิวาส ต่อยอดยึดครอง “ปัตตานี - ยะลา”

กลเกมชิงเก้าอี้ สส. 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อาจจะเห็นภาพ “กล้าธรรม” ปฏิบัติการหลบเขต “ภูมิใจไทย” พร้อมถ่ายโอนฐานเสียง เพื่อช่วยกันรุมสกรัม “ประชาชาติ” สร้างขั้วอำนาจใหม่ขึ้น ล้ม “วันนอร์” ที่ครองความยิ่งใหญ่มาอย่างยาวนาน

ศึกเลือกตั้งปี 2569 พื้นที่ด้ามขวาน เปิดหน้า เปิดศึกรบกันหนัก เพราะมีเดิมพันสูงลิบระหว่าง“ขั้วอำนาจเก่า”และ“ขั้วอำนาจใหม่” ที่ก้าวขึ้นมาท้าทาย ยิ่งในวันที่“ประชาชาติ”อ่อนแรงลง ในวันที่“นายทุน”จำเป็นต้องถอนตัว จึงต้องจับตาทุกย่างก้าว ทุกกลเกมของ“คู่แข่ง-คู่แค้น”