ปชน.ถาม กกต.ตอบ เรียน กศน.ลงสมัคร สส.ได้ แต่ต้องเรียนในพื้นที่ 5 ปี

ปชน.ถาม กกต.ตอบ เรียน กศน.ลงสมัคร สส.ได้ แต่ต้องเรียนจริงในสถานศึกษา ที่ตั้งในจังหวัดซึ่งจะลงสมัคร ติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปีการศึกษา
KEY
POINTS
- กกต. ชี้แจงว่าผู้ที่จบการศึกษาจาก กศน. สามารถลงสมัครรับเลือกตั้ง สส. ได้ เนื่องจาก กศน. ถือเป็น "สถานศึกษา" ตามกฎหมาย
- คุณสมบัติสำคัญคือต้องเคยศึกษาในสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดที่ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปีการศึกษา
- การนับระยะเวลา 5 ปีการศึกษา จะพิจารณาตามระยะเวลาที่ได้ศึกษาจริงในจังหวัดนั้น ไม่ใช่การเทียบเท่าระยะเวลาของหลักสูตรในระบบปกติ
- กรณีมีการจัดตั้งจังหวัดใหม่ การพิจารณาคุณสมบัติต่างๆ เช่น การเคยศึกษาหรือมีชื่อในทะเบียนบ้าน จะยึดตามเขตจังหวัดในปัจจุบัน
เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2568 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้ตอบข้อสอบถามของพรรคประชาชนในประเด็นที่เกี่ยวกับคุณสมบัติการสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส.โดยมีสาระสำคัญคือ สำนักงาน กกต. เห็นว่าการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยหรือ (กศน.) ถือเป็น “สถานศึกษา” ตามมาตรา 41 (4) (ค)พ.ร.ป.ว่าด้วย การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 ซึ่งการนับปีการศึกษาตามบทบัญญัติดังกล่าวที่กำหนดว่า "เคยศึกษาในสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า5 ปีการศึกษา" ของบุคคลที่เข้ารับการศึกษาแบบ กศน.และประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งนั้น ก็ให้พิจารณาตามระยะเวลาปีการศึกษาที่ได้ศึกษาจริงในสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดที่สมัคร
ส่วนที่ผู้ประสงค์สมัคร สส.แบบแบ่งเขต ในจังหวัดหนองคาย สอบผ่านระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจากหลักสูตร กศน.ที่จังหวัดหนองคายโดยใช้เวลาเข้ารับการศึกษาแต่ละระดับ ๆ ละ 6 เดือน ทั้งที่ในการศึกษาแบบสามัญทั่วไปแต่ละระดับโดยปกติใช้ระยะเวลาศึกษา 3 ปีการศึกษา ลักษณะนี้จะถือว่าบุคคลดังกล่าวได้เคยศึกษาในสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดหนองคายเป็นเวลาติดต่อกันรวม 6 ปีการศึกษาและมีคุณสมบัติเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งของจังหวัดหนองคาย ตามมาตรา 41 (4) (ค) พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 หรือไม่นั้น
สำนักงาน กกต.เห็นว่าคุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสส.ตามมาตราดังกล่าวจะต้องเคยศึกษาในสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปีการศึกษา โดยพิจารณาตามระยะเวลาปีการศึกษาที่ได้ศึกษาจริงในสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้ง
ทั้งนี้ พรรคประชาชน(ปชน.) จะต้องพิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครรับเลือกตั้งให้ถูกต้องครบถ้วนตามมาตรา 41 และมาตรา 42 และปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรา 43 หรือมาตรา 56 แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน และที่พรรคประชาชนสอบถามว่า ผู้จะสมัครส.สแบบแบ่งเขต ต้องเกิดหรือเคยศึกษาในสถานศึกษาเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าห้าปีการศึกษา หรือเคยรับราชการหรือปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐหรือเคยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปี ตามแต่กรณี อยู่ในอำเภอหรือกิ่งอำเภอของจังหวัด ๆ หนึ่ง หรือ“ จังหวัดเดิม” แต่ต่อมาได้มีการประกาศใช้พ.ร.บ.จัดตั้งจังหวัดขึ้นเป็นจังหวัดใหม่ โดยมีผลเป็นการแยกอำเภอ หรือกิ่งอำเภอใน “จังหวัดเดิม” ออกจากเขตการปกครองของ “จังหวัดเดิม” มารวมเป็น“จังหวัดที่จัดตั้งขึ้นใหม่”นั้น
คำว่า “จังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้ง” ตามนัยมาตรา 41 (4) (ข) (ค) และ (ง) พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ. 2561 หมายถึง “จังหวัดเดิม” (อันเป็นการอ้างอิงจาก “ชื่อ” ของจังหวัดเดิม เป็นสำคัญในการกำหนดคุณสมบัติการสมัครรับเลือกตั้ง) หรือ “จังหวัดที่จัดตั้งขึ้นใหม่” (อันเป็นการอ้างอิงตำแหน่งที่ตั้งในทางภูมิศาสตร์ เป็นสำคัญในการกำหนดคุณสมบัติการสมัครรับเลือกตั้ง)
สำนักงาน กกต. พิจารณาแล้วมีความเห็นว่า คุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครเป็น สส.ในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้งตามมาตรา 41 (4) (ข) (ค) และ (ง) พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้งสส. 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 นั้น เป็นไปตามจังหวัดปัจจุบันที่จะนำมาพิจารณาคุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส.
อย่างไรก็ตามใน 2 ประเด็นนี้การพิจารณาคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครรับเลือกตั้งในเบื้องต้นเป็นหน้าที่และอำนาจของผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง ตามมาตรา 46 หรือ กกต.ตามมาตรา 58 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว แล้วแต่กรณี







