ACT เตือน สธ.ซื้อเครื่อง TMS ให้ รพ. 603 ล. หวั่นซ้ำรอยคดีฟุตซอลฉาว

ACT เตือน สธ.ซื้อเครื่อง TMS ให้ รพ. 603 ล. หวั่นซ้ำรอยคดีฟุตซอลฉาว

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ออกโรงเตือน หวั่น สธ.จัดซื้อเครื่อง TMS ให้ รพ.ทั่วประเทศ 603 ล้าน คาดมีส่วนต่าง ผอ.รพ.นับร้อยอาจถูกไต่สวน ส่อซ้ำรอย 'คดีฟุตซอลฉาว'

KEY

POINTS

  • องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ACT) เตือนโครงการจัดซื้อเครื่องกระตุ้นระบบประสาท (TMS) ของกระทรวงสาธารณสุขมูลค่า 603 ล้านบาท ว่าส่อทุจริตและอาจซ้ำรอยคดีสนามฟุตซอล
  • พบความผิดปกติในการตั้งราคากลางที่ 4.5 ล้านบาทต่อเครื่อง ซึ่งอาจสูงกว่าราคาตลาดอย่างมาก หลังมีโรงพยาบาลสามารถจัดซื้อได้ในราคาเพียง 1.95 ล้านบาท และอาจนำไปสู่เงินทอนมหาศาล
  • มีการยกเลิกการจัดซื้อในบางโรงพยาบาลเนื่องจากสเปกครุภัณฑ์มีข้อคลาดเคลื่อน และมีข้อสังเกตว่าโรงพยาบาลนอกสังกัด สธ. ใช้วิธีเช่าซึ่งอาจคุ้มค่ากว่าการจัดซื้อ

เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2568 องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT ส่งสัญญาณเตือน “กระทรวงสาธารณสุข” หวั่นเกิดการทุจริตจัดซื้อครุภัณฑ์แพทย์กระตุ้นระบบประสาท “TMS คอยด์คู่” กับโรงพยาบาลทั่วประเทศจากการตรวจสอบข้อมูลผ่านระบบ “ACT Ai” และการร้องเรียนของพลเมืองดี คาดว่าจะมีการจัดซื้อทั่วประเทศ 134 เครื่องวงเงินทั้งสิ้นกว่า 603 ล้านบาท “ประธานองค์กรฯ” เผยกรณีนี้อาจส่งผลให้ “ผอ.รพ.” นับร้อยเสี่ยงถูกไต่สวนหรือดำเนินคดีไม่ต่างจากคดีฟุตซอล

คณะทำงาน ACTAi ได้รับการร้องเรียนจากพลเมืองดี ช่วยตรวจสอบการจัดซื้อครุภัณฑ์แพทย์ รายการ “เครื่องกระตุ้นระบบประสาทด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อวินิจฉัยและรักษาระบบประสาทแบบคอยด์คู่” (Transcrantial Magnotic Stimulation System หรือ TMS) ซึ่งเป็นงบประมาณปี 2569 กระทรวงสาธารณสุข ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) จำนวน 134 เครื่อง กำหนดงบประมาณการจัดซื้อเท่ากับราคากลางไว้เครื่องละ 4.5 ล้านบาท คิดเป็นงบประมาณทั้งสิ้น 603 ล้านบาท

ผลจากการตรวจสอบข้อมูลผ่านระบบ ACTAi ล่าสุด พบว่า มีจำนวน 27 โรงพยาบาลที่ได้ประกาศแผนการจัดซื้อเครื่อง TMS แบบคอยด์คู่ในระบบกรมบัญชีกลาง ในจำนวนนี้มี 12 โรงพยาบาลที่ดำเนินการจัดซื้อเครื่องมือดังกล่าวจริง โดยแต่ละโรงพยาบาลจะมีสถานะการจัดซื้อแตกต่างกัน ตั้งแต่การประกาศเชิญชวน การจัดทำสัญญา การอนุมัติสั่งซื้อ การประกาศชื่อบริษัทที่ชนะและการทำสัญญากับบริษัทที่ชนะซึ่งทยอยแสดงผลต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ประกอบด้วย 1) รพ.นครปฐม 2) รพ.บึงกาฬ ** 3) รพ.แม่สอด 4) รพ.ชุมพรเขตอุดมศักดิ์ 5) รพ.กระบี่ 6) รพ.เลย 7) รพ.พระปกเกล้า 8 ) รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ 9) รพ.สมเด็จพระยุพราชสว่างแดนดิน จ.สกลนคร 10) รพ.พระนั่งเกล้า 11) รพ.ขอนแก่น ** 12) รพ.ปราสาท จ.บุรีรัมย์

ACT เตือน สธ.ซื้อเครื่อง TMS ให้ รพ. 603 ล. หวั่นซ้ำรอยคดีฟุตซอลฉาว

ทั้งนี้มี 2 รพ. ยกเลิกการจัดซื้อ ได้แก่ รพ.ขอนแก่น (ยกเลิกเมื่อ 21 ต.ค.2568) และ รพ.บึงกาฬ (ยกเลิกเมื่อ 15 ธ.ค.2568) โดยในจำนวน 10 โรงพยาบาลที่ดำเนินการจัดซื้อนั้น ปรากฏว่า บริษัทเสนอราคารายที่ชนะเกือบทั้งหมด ได้เสนอราคาต่ำกว่าราคากลางเพียง 5,000-20,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.11-0.44 เท่านั้น ยกเว้นที่เดียวคือ “รพ.พระปกเกล้า” ได้ทำสัญญาจัดซื้อกับบริษัทที่ชนะการนำเสนอราคาที่ 1.95 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าราคากลางมากถึง 2.55 ล้านบาท อันเป็นที่มาของการตั้งคำถาม ถึงความไม่ชอบมาพากลในการกำหนดราคากลางว่าน่าจะสูงกว่าราคาตลาดเกินครึ่ง และหวั่นว่า โครงการนี้ส่อเค้าทุจริตและหากเป็นเช่นนั้นจริง คาดว่าจะมีเงินทอนจากการจัดซื้อต่อเครื่องสูงถึง 2.55 ล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 341 ล้านบาทสำหรับประมาณการจัดซื้อทั่วประเทศ 134 เครื่อง

อีกทั้งยังพบข้อคลาดเคลื่อนของ “รายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะ” หรือสเปกครุภัณฑ์ จึงส่งผลให้ “รพ.ขอนแก่น” ประกาศยกเลิกการจัดซื้อโครงการนี้ โดยให้ข้อมูลไว้ในระบบว่า “เนื่องจากจังหวัดขอนแก่น พบข้อคลาดเคลื่อนของรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะครุภัณฑ์การแพทย์ฯ ในส่วนที่เป็นสาระสำคัญ ซึ่งหากดำเนินการจัดซื้อต่อไปอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่หน่วยงานของรัฐหรือกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ..”

นอกจากนี้ยังข้อมูลที่น่าสนใจว่า การจัดหาเครื่องมือในลักษณะเดียวกัน โดยโรงพยาบาลที่ไม่สังกัดกระทรวงสาธารณสุขกลับจัดหาด้วยวิธีการเช่า เช่น คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เช่าเครื่องกระตุ้นระบบประสาทด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า จำนวน 1 เครื่อง (ปีงบประมาณ 2568-2572) โดยวิธีเฉพาะเจาะจง ด้วยราคาค่าเช่ารวม 5 ปี เพียง 3.64 ล้านบาท

หรือกรณีของโรงพยาบาลสิรินธรได้จัดซื้อเครื่องกระตุ้นระบบประสาทส่วนปลายด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า1 เครื่อง ด้วยงบประมาณเพียง 7.5 แสนบาท ขณะที่โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศได้จัดซื้อเครื่องมือนี้เป็นงบประมาณสูงถึง 1.5 ล้านบาทในช่วงปีงบประมาณ 2567-2568

“คำถามที่น่าสนใจ คือ ทำไมโรงพยาบาลแต่ละแห่งจัดซื้อจัดหาเครื่องแบบเดียวกันในราคาแตกต่างกันมาก และจากการรับฟังความเห็นของแพทย์ผู้ชำนาญการหลายท่านให้ความเห็นว่า การเช่ามีข้อดีเพราะเทคโนโลยีใหม่เปลี่ยนแปลงเร็ว และเรายังได้รับข้อมูลอีกว่า ให้จับตาการจัดซื้อนี้เพราะจะมีการดำเนินการที่เป็นไปอย่างรวดเร็วก่อนการเลือกตั้ง” แหล่งข่าวกล่าว

ACT เตือน สธ.ซื้อเครื่อง TMS ให้ รพ. 603 ล. หวั่นซ้ำรอยคดีฟุตซอลฉาว

นายมานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าวถึงกรณีนี้ว่า หลายท่านเป็นห่วงว่า การจัดซื้อครั้งนี้ อาจทำให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนับร้อยถูกไต่สวน หรือดำเนินคดี ไม่ต่างจากคดีฟุตซอล

สำหรับเครื่อง “เครื่องกระตุ้นระบบประสาทด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อวินิจฉัยและรักษาระบบประสาทแบบคอยด์คู่” (Transcrantial Magnotic Stimulation System หรือ TMS) นั้น ในเชิงเทคนิคใช้ประโยชน์ในการรักษาโรคต่างๆ เช่น โรคซึมเศร้า โรคหลอดเลือดสมอง ฟื้นฟูอัมพฤกษ์อัมพาต, ไมเกรน, OCD, พาร์กินสัน และอาการปวดเรื้อรัง ฯลฯ ในประเทศไทยจะมีบริษัทที่เป็นผู้นำเข้าเครื่องมือทางการแพทย์ประเภทนี้จำนวนหนึ่ง ทั้งบริษัทคนไทยและบริษัทร่วมทุนจีน

การจะระบุว่าบริษัทไหนชนะการจัดซื้อเครื่อง TMS แบบคอยด์คู่ในประเทศไทยมีความซับซ้อนเนื่องจากการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐไทยดำเนินการโดยโรงพยาบาลหรือสถาบันแต่ละแห่งแยกกันผ่านระบบประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ของกรมบัญชีกลาง ดังนั้น จะไม่มีบริษัทใดบริษัทหนึ่งที่ชนะการจัดซื้อ “ทั่วประเทศ” แต่จะมีการประกาศผู้ชนะเป็นโครงการๆไปสำหรับแต่ละโรงพยาบาล

ส่วนรายชื่อ 27 โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขที่ประกาศจัดซื้อเครื่องTMS แบบคอยด์คู่ปีงบประมาณ 2569 ข้อมูลล่าสุด ณ 19 ธ.ค.2568 ประกอบด้วย 1) รพ.เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารีระยอง 2) รพ.สมเด็จพระยุพราชสระแก้ว 3) รพ.สมเด็จพระยุพราชสว่างแดนดิน จ.สกลนคร 4) รพ.สมเด็จพระยุพราชเดชอุดม 5)รพ.นครพิงค์ จ.เชียงใหม่ 6) รพ.แม่สอด จ.ตาก 7) รพ.สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จ.ตาก 8 ) รพ.กำแพงเพชร 9)รพ.ชัยนาทนเรนทร 10) รพ.นครนายก 11) รพ.พระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี 12) รพ.พหลพลพยุหเสนา จ.กาญจนบุรี 13) รพ.นครปฐม 14) รพ.พระปกเกล้า 15) รพ.พัทยาปัทมะคุณ 16) รพ.ขอนแก่น 17) รพ.บึงกาฬ 18) รพ.เลย 19) รพ.มหาราชนครราชสีมา 20) รพ.บุรรีรัมย์ 21) รพ.ปราสาท จ.สุรินทร์ 22) รพ.ยโสธร 23) รพ.อำนาจเจริญ 24) รพ.กระบี่ 25) รพ.ชุมพรเขตอุดมศักดิ์ 26) รพ.นราธิราสราชนครินทร์ 27) รพ.ปัตตานี