สมช.เคาะ มาตรการด่วน สกัดโดรน บินพื้นที่ควบคุม ชี้โทษแรงประหารชีวิต

สมช.เคาะมาตรการด่วน สกัดโดรน บินพื้นที่ควบคุม สนามบิน-สถานที่สำคัญ ชี้โทษแรงถึงประหารชีวิต วางมาตรการป้องกันระยะยาว
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 22 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายฉัตรชัยบางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)พร้อมด้วย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์
เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ร่วมแถลงผลประชุมสมช.
นายฉัตรชัย กล่าวว่า ที่ประชุมสมช.หารือเรื่องโดรนที่เข้ามาในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่จุดสำคัญ ทั้งสนามบินและจังหวัดแนวชายแดน โดยรับทราบรายงานสถานการณ์ว่าที่ผ่านมาได้ตรวจพบโดรนจำนวนหนึ่งเข้ามาในพื้นที่ ซึ่งทางสำนักงานการบินพลเรือน ได้ออกประกาศกำหนดพื้นที่ควบคุมให้มีผลตั้งแต่วันที่20ธ.ค.ที่ผ่านมา ใน7 จังหวัดชายแดน สนามบินสำคัญ และจุดสำคัญทั่วประเทศ เพื่อป้องกันโดรนที่จะเข้ามา และที่ตรวจพบเมื่อสุดสัปดาห์เป็นลักษณะโดรนประดิษฐ์ ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบที่มาและปลายทาง
นายฉัตรชัย กล่าวว่า สมช.จึงมีมติ 2 ส่วน คือ มาตรการระยะเร่งด่วน 1.กำหนดให้หน่วยงานเกี่ยวข้อง การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย(ทอท.)สำนักงานการบินพลเรือน, สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.),เหล่าทัพ ,ฝ่ายปกครอง สนับสนุนการดำเนินงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการจัดการโดรนเป้าหมายที่เข้ามาในพื้นที่ควบคุม ทั้งป้องกัน สืบสวนสอบสวน รวมถึงใช้แอนตี้โดรน ประสาน
งานกับสตช.อย่างใกล้ชิด เพื่อให้การทำงานสอดคล้องและเกิดประสิทธิภาพ 2. ให้กระทรวงกลาโหม ใช้อำนาจผ่อนคลายมาตรการในการอนุญาตให้หน่วยงานเกี่ยวข้อง ทอท. และหน่วยงานอื่น ให้สามารถจัดหาแอนตี้โดรน ซึ่งถือเป็นยุทธภัณฑ์ได้ เพื่อเตรียมการให้มีเครื่องมือในการป้องกันพื้นที่ 3. เข้มงวดนำเข้าโดรน และให้ตรวจสอบการลักลอบนำเข้าโดรนในพื้นที่ชายแดนและพื้นที่อื่นอย่างเข้มงวด และ4 ขอสื่อสารไปถึงประชาชนในการใช้โดรนขึ้นไปในขึ้นไปในพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะพื้นที่ที่เป็นประเด็นด้านความมั่นคง เช่น สนามบิน มีโทษร้ายแรงถึงขั้นประหารชีวิต และหากมีการใช้โดรนและส่งผลกระทบต่อพื้นที่ในลักษณะที่เป็นภัยต่อความมั่นคงถือว่ามีความผิด ตามกฏหมายอาญา และป.วิอาญา
นายฉัตรชัย กล่าวว่า สำหรับมาตรการระยะยาว ที่ประชุมสมช.มีมติให้กองทัพอากาศ เร่งรัดดำเนินการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ จัดโครงสร้างองค์กร เพื่อให้การทำงานมีเอกภาพ โดยเบื้องต้นใช้ชื่อ “ศูนย์บริหารจัดการควบคุมต่อต้านอากาศยานไม่มีคนขับแห่งชาติ” ซึ่งเป็นไปตามที่ทางสมช.เคยมีมติมอบหมานกองทัพอากาศ เป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนั้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเตรียมเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัยสำหรับอนาคต พร้อมกับพัฒนาบุคลากรให้เรียนรู้และมีความพร้อมใช้งานเครื่องมือดังกล่าว และให้ทบทวนระเบียบ กฎหมาย ที่เกี่ยวข้อง ในการเพิ่มโทษกรณีใช้โดรนและเป็นภัยต่อความมั่นคง







