'ช่อ' ฟ้อง 4 แอคเคาท์โยง IO บิดเบือนคำพูด ยันไม่เคยบอกให้เปิดแผนรบ

'ช่อ' ฟ้อง 4 แอคเคาท์โยง IO บิดเบือนคำพูด ยันไม่เคยบอกให้เปิดแผนรบ

'ช่อ พรรณิการ์' เข้าแจ้งความ สน.ทองหล่อ เอาผิด 'เฟกนิวส์' กล่าวหาขายชาติ ลุยฟ้อง 4 แอคเคาท์โยง 'IO ทหาร' บิดเบือนคำพูด แทรกแซงเลือกตั้ง ยันไม่เคยพูดให้เปิดเผยแผนการรบ

KEY

POINTS

  • น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า แจ้งความดำเนินคดี 4 บัญชีผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียที่เชื่อมโยงกับ IO ในข้อหาหมิ่นประมาทและ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
  • สาเหตุมาจากการเผยแพร่ข้อความเท็จที่อ้างว่าเธอเรียกร้องให้ทหาร "เปิดเผยแผนการรบให้ประชาชนทราบ" ซึ่งเธอยืนยันว่าไม่เคยพูด
  • ช่อชี้แจงว่าคำพูดจริงมาจากการเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดแผนปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในรายการโทรทัศน์ แต่ถูกนำไปตัดต่อบิดเบือน

เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2568 ที่ สน.ทองหล่อ น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า นำหลักฐานข้อความในเฟซบุ๊ก เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่เผยแพร่ข่าวปลอมในโลกออนไลน์ที่ว่า “จะรบกันไปถึงเมื่อไหร่ ทหารต้องกางแผนที่ออกมาและเปิดเผยแผนการรบให้ประชาชนประชาชนทราบ ลงวันที่ 17 ธ.ค. 2568” ในข้อหา หมิ่นประมาท และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และการที่มาแจ้งความเป็นการปกป้องสิทธิ์ของตัวเอง ปกป้องการเลือกตั้งที่ตะเกิดขึ้น โดยจะฟ้อง 4 แอคเคาท์ คือ แอคเคาท์ต้นเรื่อง คือ “เพจหมึกซึม” และบุคคลที่แชร์ต่อ

ช่อ พรรณิการ์ กล่าวว่า ไม่เคยพูดข้อความในวันและเวลาดังกล่าว เพราะวันที่ 17 ธ.ค. 2568 วันดังกล่าวตนเองไม่ได้ไปออกรายการไหน ตนเองนั่งทำงานตลอดทั้งวัน และไม่ได้สัมภาษณ์กับใครเลย ฉะนั้นข้อความนี้เป็นข้อมูลเท็จ และเป็นข่าวปลอม ที่จงใจให้เกิดความเสียหาย เพราะมีคนนำไปแชร์ต่ออีกหลายคน ซึ่งบุคคลที่แชร์ต่อมีทั้ง นักการเมืองที่มีตำแหน่งเป็นอดีตโฆษกพรรค แอคเคาท์ IO ทหาร และอดีตนักดนตรี ที่มีการนำไปแชร์ต่อและลงแคปชั่นที่บิดเบือน ด่าทอตนเอง ที่ว่า ขายชาติ

'ช่อ' ฟ้อง 4 แอคเคาท์โยง IO บิดเบือนคำพูด ยันไม่เคยบอกให้เปิดแผนรบ

นอกจากนี้ ยังมีการนำคลิปจากรายการ “ถกไม่เถียง” ที่ตนเองไปออกรายการเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งวันนั้น ตนเองวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ รัฐบาลนายอนุทิน และตอนนั้นสถานการณ์ชายแดนยังไม่มีการรบระลอกใหม่และยังไม่มีการปราบปรามสแกมเมอร์อย่างจริงจัง ซึ่งคำพูดที่ถูกนำมาบิดเบือนนั้นคือช้วงที่ว่าต้องการให้ รัฐบาลอนุทินกางแผนปราบสแกมเมอร์ และที่บอกว่า จะรบให้จบนั้น จบอย่างไร แต่ไม่ต้องบอกรานละเอียกแผนที่การรบ ไม่อยากทราบ เพราะถ้าต้องบอกละเอียดจะทำให้คู่กรณีทราบ” ซึ่งข้อความดังกล่าวถูกนำไปตัดต่อบิดเบือนคำพูดที่ตนเองพูดทันทีว่าไม่อยากทราบแต่ก็ถูกตัดต่อออกไป

น.ส.พรรณิการ์ กล่าวอีกว่า ของให้ประชาชนไตร่ตรองว่า ทำไมพรรคประชาชน ถึงจับคู่ให้เป็นอยู่ฝั่งฮุนเซน ทำไมถึงใส่ร้ายให้เป็นคนพวกขายชาติ ให้ไทยเสียเปรียบ อยากจะขอให้ประชาชนมองย้อนกลับไป ตั้งแต่พรรคก้าวไกล ที่ฮุนเซนกลัวว่าพรรคจะชนะการเลือกตั้ง จึงปล่อยเฟคนิวส์ว่า พิธาจะผลักดันแรงงานกัมพูชาออกนอกประเทศ ตนเองมองว่าเป็นการแทรกแซงการเลือกตั้งของประเทศไทยในปี 2566 ซึ่งเรื่องนั้นก็จบไปเพราะว่าพรรคก็ไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่ตนเองอยากจะสื่อว่า พรรคประชาชน เป็นคนที่ออกมาเปิดโปงเรื่อง เบนสมิธ และการที่เปิดโปงภาพถ่ายกับนักการเมืองต่างๆแทบจะหมดประเทศที่ถ่ายรูปคู่กับฮุนเซน แต่ทำไมคนที่ออกมากลับถูกกระบวนการใส่ร้ายป้ายสีสร้างเฟคนิวส์ ตนเองจะขอความเป็นธรรมและขอให้พี่น้องประชาชนไตร่ตรองข้อมูลที่ได้รับ เพราะในระยะเวลาที่ใกล้สู่การเลือกตั้ง จะมีเฟคนิวส์ หรือ ขบวนการ IO ออกมาเรื่อย ๆ รวมถึงขอฝากไปถึง กกต. ให้เข้ามาจัดการเรื่องเฟคนิวส์ข้อมูลเท็จให้เหมือนกับการซื้อเสียง กกต.ควรจับการซื้อเสียง

'ช่อ' ฟ้อง 4 แอคเคาท์โยง IO บิดเบือนคำพูด ยันไม่เคยบอกให้เปิดแผนรบ

เมื่อถามว่าอยากฝากอะไรถึง ทหารแนวหน้า หรือไม่ น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ขอพูดตรง ๆ จากใจว่า ในขณะที่พี่น้องทหารแนวหน้าต้องเผชิญความเสี่ยง เหยียบกับระเบิดแทบทุกวัน ต้องเสียสละชีวิตและรอคอยอยู่ที่บ้าน มีทหารจำนวนไม่น้อยที่บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการสู้รบที่ผ่านมา แต่กลับยังมี “IOทหาร” บางกลุ่มที่กระทำการเช่นนี้ ตนอยากถามว่า ได้คำนึงถึงพี่น้องทหารแนวหน้าที่พลีชีพไปหรือไม่ และสิ่งที่พวกคุณกำลังทำอยู่นั้น คือหน้าที่ของทหารจริงหรือไม่ หน้าที่ของทหารที่แท้จริงซึ่งพี่น้องประชาชนทั้งประเทศชื่นชม คือการเสียสละ ปกป้องประเทศชาติ ต้องจากครอบครัว ลูก เมีย และบ้านเรือน ไม่ใช่การปลุกปั่น สร้างความเกลียดชังให้กับพรรคการเมือง ซึ่งไม่ใช่ภารกิจของทหารแต่อย่างใด

น.ส.พรรณิการ์ กล่าวด้วยว่า ในฐานะที่ตนเองเป็นกรรมาธิการด้านความมั่นคง ซึ่งปฏิบัติหน้าที่มาแล้วกว่า 2 ปี ตนได้ทำงานร่วมกับทหารในทุกระดับ และพบว่าทุกคนมีจุดยืนร่วมกัน คือ ผลประโยชน์ของชาติเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ไม่มีใครตั้งคำถามว่าจะต้องปกป้องประชาชนหรือไม่ เพราะทุกคนเห็นตรงกันว่าต้องปกป้อง และต้องสนับสนุนให้ทหารแนวหน้ามีกำลังรบและงบประมาณที่เพียงพอ เนื่องจากอาวุธยุทโธปกรณ์ต้องใช้งบประมาณแผ่นดินในการจัดซื้อ เราไม่มีเงินนอกระบบหรือเงินผิดกฎหมายเหมือนบางฝ่าย เราทำทุกอย่างเพื่อรักษาอธิปไตยของชาติ รวมถึงดูแลความปลอดภัยด้านอาหารของทหารแนวหน้า

“สถานการณ์ชายแดน แม้วันนี้อาจหยุดการสู้รบ แต่ในอนาคตก็ไม่มีใครรับประกันได้ว่าจะไม่เกิดความขัดแย้งอีก ชายแดนจะปลอดภัยได้อย่างไร ขณะที่กับระเบิดยังคงมีอยู่จำนวนมาก ซึ่งต้องใช้เวลาอีกหลายปีในการกู้ให้หมด ตนและคณะกรรมาธิการจึงพยายามผลักดันการใช้เทคโนโลยี เช่น ระบบตรวจจับ เพื่อลดความเสี่ยง และลดจำนวนทหารที่ต้องออกลาดตระเวนในพื้นที่อันตราย”

น.ส.พรรณิการ์ กล่าวยืนยันว่า ในทุกการให้สัมภาษณ์ ไม่เคยเปิดเผยข้อมูลที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ไม่เคยพูดถึงการลบข้อมูลแผนที่หรือข้อมูลอ่อนไหวใด ๆ ขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณในการรับฟังข้อมูล และยืนยันว่า ไม่มีใครต้องการไปเข้าข้างฮุน เซน แต่อย่างใด

เมื่อถามว่าการที่ฟ้องนั้นเป็นการปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นเสรี หรือไม่ น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า เป็นนักการเมืองที่ถูกด่ามากที่สุด และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกด่า แต่ไม่เคยฟ้องใคร ยกเว้น นางสาวปารีณา ที่มากล่าวหาว่า ตนเองเป็นพวกเดียวกับที่วางปาระเบิดกรุงเทพฯ ครั้งนั้นที่ฟ้องก็บอกว่าเป็นเรื่องที่รุนแรง จึงฟ้องเพื่อปกป้องสิทธิ์รวมถึงครั้งนี้ก็จะเป็นการฟ้องเพื่อปกป้องสิทธิ์ของตนเองและ ปกป้องการเลือกตั้งครั้งนี้เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่เป็นจริง เพราะเฟคนิวส์ครั้งนี้ไม่ใช่ฟรีสปีด ตนเองจะฟ้องหมด ไม่ว่าใครที่เป็นคนแชร์

ส่วนกรณีที่เพจของ “ดัง พันกร” ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 1.3 ล้านคนได้มีการแชร์ข่าวปลอมนี้ด้วยนั้น น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ได้เข้าไปคอมเมนต์ชี้แจงในเพจคุณดังแล้วและหวังว่าประชาชนที่เข้าไปติดตามในเพจคุณดังจะได้เห็นข้อเท็จจริง ส่วนตัวคุณดังจะว่าอย่างไรก็เป็นสิทธิ์ของคุณดัง และยืนยันว่าตนจะไม่ฟ้องคุณดังแน่สบายใจได้