‘กองทัพ’ ประณาม ‘กัมพูชา’ ยิงBM-21 ถล่มอรัญประเทศ กต.รอฟังหยุดยิง 22ธ.ค.นี้

‘กองทัพ’ ประณาม ‘กัมพูชา’ ยิงBM-21 ถล่มอรัญประเทศ กต.รอฟังหยุดยิง 22ธ.ค.นี้

กองทัพ ประณามกัมพูชา ยิง BM-21 อรัญประเทศ เร่งอพยพคน เผย ห้วยตามาเรีย ยังปะทะ ครอบคลุม 3 พื้นที่สระแก้ว พยายามยึดคืน ทร. ชี้ เขื่อนกันคลื่น ไม่กระทบแบ่งเขตทางทะเล ทอ. เผย โจมตีแม่นยำสูง ไม่กระทบพลเรือน กต.รอฟังอีกฝ่ายประกาศหยุดยิงก่อน เวทีรมว.ต่างประเทศ อาเซียน 22ธ.ค.

ที่ศูนย์แถลงข่าวร่วม สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก พันเอก ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองทัพบกยังคงปฏิบัติการปกป้องอธิปไตยโดยเฉพาะพื้นที่อธิปไตยของไทย ที่ฝ่ายกัมพูชายึดครอง โดยปัจจุบันฝ่ายไทยกลับเข้าไปควบคุมพื้นที่คืนและพบว่ายังคงมีการโจมตีเข้ามาฝ่ายไทยยืนยันว่าจําเป็นต้องโจมตีกลับเพื่อยับยั้งป้องกันตนเองจากการโจมตีเข้ามา พร้อมย้ำว่า เนิน 350 ประสาทตาควาย อําเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เราสามารถควบคุมพื้นที่ได้เรียบร้อย ซึ่งภาพรวมสถานการณ์ฝ่ายไทยควบคุมพื้นที่ได้และสถาปนาแนวความมั่นคงได้ ส่วนพื้นที่การปะทะหรือการรบแตกหักมีน้อยลง พื้นที่ที่ควบคุมได้แล้วช่องอานม้า ซำแต ช่องจอม ช่องระยี ช่องเปรอ 

สำหรับพื้นที่ที่ยังปะทะห้วยตามาเรีย เป็นความพยายามของทหารกัมพูชาที่ยังเข้าโจมตีในจุดดังกล่าว ขณะที่พื้นที่จ.สระแก้ว กองทัพภาคที่1 ในสามพื้นที่บ้านคลองแผง บ้านหนองจาน บ้านเมืองหญ้าแก้ว ซึ่งพื้นที่ปัจจุบันเราสามารถควบคุมพื้นที่ได้บางส่วนแต่ไม่ทั้งหมด เนื่องจากภูมิประเทศในพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ราบ เพราะฉะนั้นการรุกคืบเข้าไปต้องใช้ความรอบคอบ และฝ่ายกัมพูชามีอาวุธยิงสนับสนุนและทุ่นระเบิด ยังคงปฏิบัติต่อเนื่อง ต้องใช้ความรอบคอบและระมัดระวังเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามเราไม่ละทิ้งความพยายามในพื้นที่ดังกล่าวแน่นอน

ด้าน พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวเสริมว่า ล่าสุด กัมพูชายิง BM-21 ใส่ อําเภอ อ.รัญประเทศ จ.สระแก้ว เร่ง อพยพประชาชน ยืนยันในเรื่องขอประณามความโหดร้ายของฝ่ายกัมพูชาที่โจมตีเป้าหมายพลเรือน นี่เป็นเขตชุมชนค่อนข้างหนาแน่น ยานเกราะสะเทินน้ำสะเทินบกเข้าพื้นที่เป็นความจริงและเป็นพื้นที่ของประเทศไทย กัมพูชาใช้ประชาชนเป็นโล่ห์มนุษย์ กองทัพเรือ ปฏิบัติการอย่างระมัดระวัง ตามยุทธวิธีฝ่ายเรา และดําเนินการสอดคล้องตามกฎหมายสากล ไม่มีการทําลายบุคคลหรือสิ่งปลูกสร้างของประชาชนแต่อย่างใดทั้งนี้กําลังฝ่ายเราควบคุมรักษาพื้นที่จนกว่าจะมีคําสั่งเปลี่ยนแปลง

ขณะที่ พล.ร.ต.กรจักร์ ยศธสาร รองโฆษกกองทัพเรือ กล่าวชี้แจงว่า กองทัพเรือ ไม่ได้ยื่นข้อเสนอหรือข่มขู่ให้กัมพูชารื้อถอนเขื่อนกันคลื่นที่หลักเขต73 ซึ่งกองทัพเรือจะติดตามอย่างใกล้ชิดหากผลการปฏิบัติไม่เป็นไปตามความต้องการจะดําเนินการในขั้นต่อไป สำหรับเขื่อนกันคลื่น ตามข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องปัจจุบันที่เราใช้อ้างอิงในเรื่องของ การแบ่งเขตแดนทางทะเล เราใช้ อนุสัญญาเจนีวา กฎหมายทะเลปี ค.ศ. 1982 ในมาตรา 11 ระบุไว้ว่าสิ่งปลูกสร้างถาวรที่อยู่ด้านนอกสุดเชื่อมต่อและแยกไม่ได้ไปจากระบบท่าเรือ ให้ถือได้ว่า เป็นชายฝั่งทะเลได้ และสามารถใช้เป็นจุดอ้างอิงใช้แบ่งทะเลอาณาเขตทางทะเล คือเขตอธิปไตยทางทะเลของรัฐชายฝั่ง

ทั้งนี้ กัมพูชาสร้างเขื่อนกันคลื่น ปี 2540 เมื่อเริ่มสร้าง เราก็เข้าใจว่าเป็นเขื่อนกันคลื่น  และเมื่อสร้าง และมีโครงสร้างบางส่วนเป็นท่าเรือ กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด(กปจ.ชต.) จึงมีการทักท้วงไปยังผู้สร้างซึ่งเป็นเอกชน และมีรีสอร์ทอยู่ด้วย และสร้างเสร็จเมื่อ มิ.ย. 41 เราขอให้ยุติการสร้าง  โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นท่าเรือ ซึ่งทางกัมพูชาโดยเอกชนก็ยุติ แต่ยังดําเนินการในส่วนที่เป็นเขื่อนกันคลื่น 

โดยสถานะของ เขื่อนกันคลื่น ไม่สามารถเรียกได้ว่าเขตของฝั่งทะเลที่จะนํามาใช้อ้างอิง ในการแบ่ง ทะเลอาณาเขตระหว่างประเทศได้ นอกจากขอให้ยุติการสร้างส่วนที่เป็นท่าเรือแล้ว ในปีเดียวกัน ได้แจ้งให้กับกระทรวงการต่างประเทศทําหนังสือทักท้วงไปยัง กัมพูชา และ กัมพูชา มีหนังสือตอบโต้กลับมาว่า การสร้างเขื่อนกันน้ํา ไม่ได้ล้ำเขตไทย และไม่มีส่วนใด จะแบ่งทะเลอาณาเขต หรือไหล่ทวีป หรือเขตเศรษฐกิจจําเพาะได้  ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศก็ทําหนังสือประท้วงอีกรอบปี 2541 จากนั้น ปี 2564 ก็ทําหนังสือทักท้วงไปอีกครั้ง การที่เราดําเนินการเช่นนี้ ป้องกันถ้ากัมพูชานำเรื่องขึ้นสู่กระบวนการยุติธรรมศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เราถือว่าได้คัดค้าน โต้แย้งในสิ่งที่กัมพูชาดําเนินการเป็นหลักฐานสิ่งที่เราไม่เห็นด้วย

พล.ร.ต.กรจักร์ กล่าวต่อว่า แม้ว่าปัจจุบันสถานะเขื่อนกันคลื่นไม่ใช่ส่วนหนึ่งของชายฝั่งที่ใช้ในการแบ่งเขตทะเลอาณาเขตได้ แต่ผลกระทบที่ปรากฏในปัจจุบันทำให้กระแสน้ำเปลี่ยนแปลง และเป็นไปได้ว่าทับถมตะกอนฝ่ายกัมพูชา กัดเซาะชายฝั่ง เกิดความเปลี่ยนแปลงบ้านหาดเล็ก จังหวัดตราด เรื่องนี้เราแจ้งข้อห่วงใยมาโดยตลอด แต่สถานะปัจจุบันยังไม่ได้มีผลกระทบโดยตรง ความมั่นคงทางทหาร เราจะใช้กำลังทหารเข้าไป ดําเนินการในเรื่องนี้โดยตรง ยังไม่เหมาะสม จึงใช้กระบวนการการประท้วงมาโดยตลอด เพราะฉะนั้นหากเรามองในฐานะปัจจุบัน การที่กัมพูชาเปิดช่องบริเวณนั้น ต้องไปตรวจสอบอีกครั้งว่า ในเชิงของอุทกศาสตร์ จะทําให้กระบวนการกระแสน้ํา การทับถมตะกอน การกัดเซาะชายฝั่ง ลดลงไปหรือไม่ เราควรจะดําเนินการอย่างใดต่อไป เพราะปัจจุบันเขามีฝ่ายเริ่มกระทําก่อนหากตรวจสอบว่ายังไม่พอเพียงและไม่สอดคล้อง เราก็จะดําเนินการต่อไปตามกระบวนการที่เหมาะสม ซึ่งต้องดําเนินการจากเบาไปหาหนัก ในปัจจุบันแม้จะเป็นเขื่อนกันคลื่นก็จริง ในสถานะไม่กระทบโดยตรงการแบ่งทะเลอาณาเขตหรือไหล่ทวีป เขตเศรษฐกิจจําเพาะในอนาคตต่อไป ส่วนจะมีผลกระทบทางยุทธศาสตร์อย่างใดนั้น น่าจะเป็นเรื่องของการแบ่งเขตทะเลอาณาเขต หรือไหล่ทวีปในอนาคต ต้องไปตรวจสอบให้ละเอียดอีกครั้งว่า เขื่อนกันคลื่น ไม่ได้ล้ำเข้ามาในเขตอธิปไตยไทย หากล้ําก็ต้องให้กัมพูชาทําลายส่วนที่ล้ำให้หมดไป จากเขตอธิปไตยของไทย

พลอากาศโท จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวให้ความเชื่อมั่นในเรื่องการปฏิบัติการทางอากาศว่า สืบหน้าจาก รมว.มหาดไทยกัมพูชา กล่าวอ้างว่าปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายไทย ส่งผลให้ประชาชนชาวกัมพูชาเสียชีวิตเป็นจํานวนมาก คําพูดของท่านเป็นคําพูดเท็จ เป็นเฟกนิวส์ที่ฝ่ายกัมพูชาได้ดําเนินการมาต่อเนื่อง พร้อมยืนยันว่า ตลอด 10 กว่าวันที่ผ่านมาการปฏิบัติการทางอากาศในพื้นที่ใกล้ชิดพลเรือนหรือมีความสำคัญ เราใช้อาวุธที่มีความแม่นยำทั้งสิ้น ป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรบให้น้อยที่สุด และยืนยันได้ว่าไม่มีการสูญเสียใดๆ ที่เกิดขึ้นกับฝ่ายพลเรือน การโจมตีเป้าหมายสำคัญนั้นในปัจจุบันมุ่งเน้นริดรอนขีดความสามารถการปฏิบัติการของฝ่ายกัมพูชา 

ทั้งนี้กองทัพอากาศใช้ความสามารถโจมตีด้วยความแม่นยำสูงโจมตีเป้าหมายที่มีความสำคัญ เช่น กองบัญชาการควบคุม คลังอาวุธ เส้นทางส่งกำลังบำรุง นอกจากนี้ทุกครั้งที่มีการโจมตี ผู้บังคับบัญชา จะมีการแจ้งนักบินพิจารณาถึงผลกระทบ ที่จะเกิดขึ้นกับพลเรือนด้วย เช่น กองทัพอากาศมีแผนส่งเครื่องบินโจมตี

สะพานโอจิก จ.อุดรมีชัย  ที่กัมพูชา ใช้ส่งกำลังบำรุงไปยังทหารแนวหน้า มาหลายวันแล้ว แต่ไม่สามารถปฏิบัติได้เนื่องจากประชาชนชาวกัมพูชาใช้เส้นทาง เรามีความพยายามหลายครั้ง 2-3 ครั้ง ที่นักเครื่องบินขับไล่ต้องแบกระเบิด แต่เมื่อเห็นว่าทิ้งไปแล้วจะส่งผลกระทบต่อประชาชนชาวกัมพูชาที่สัญจรไปมา จึงยกเลิก และตัดสินใจใช้กําลังทางอากาศในช่วงคืนทําลายสะพานดังกล่าว

โดยนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึง การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน วาระพิเศษ ที่มาเลเซีย วันที่ 22 ธ.ค. โดยองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยมีความสําคัญ สะท้อนถึงความพร้อมของฝ่ายไทยที่จะไปพูดคุยหารือกับฝ่ายกัมพูชาและชี้แจงข้อมูลข้อเท็จจริงหลักฐานจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดต่อเพื่อนประเทศอาเซียนอื่นที่เข้าร่วมการประชุม พร้อมย้ำว่า ไทยปรารถนาต้องการให้เกิดสันติภาพมาโดยตลอด แต่ไม่สามารถที่จะปฏิเสธรูปแบบของการกระทําของฝ่ายกัมพูชาที่เป็นปฏิปักษ์ต่อไทยที่เกิดขึ้นซ้ําแล้วซ้ําเล่าและทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เช่น ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดวันนี้ สูญเสียขาที่8 หรือโจมตีเป้าหมายพลเรือน ขอยืนยันใน3 ปัจจัยที่ฝ่ายไทยรอฟังจากกัมพูชา

1.กัมพูชาต้องเป็นฝ่ายประกาศหยุดยิงก่อนในฐานะที่เป็นประเทศโจมตีอีกประเทศ

2.การหยุดยิงจะต้องเกิดขึ้นจริงและต่อเนื่อง

3.กัมพูชาจะต้องแสดงความจริงใจในการร่วมมือกับฝ่ายไทย เก็บกู้ทุนระเบิด เป็นสิ่งที่ฝ่ายไทยรับไม่ได้และต้องแก้ไขปัญหาร่วมกัน

นางมาระตี กล่าวอีกว่า ข้อ 2 มีความสําคัญกว่าข้ออื่นการหยุดยิงจะต้องเกิดขึ้นจริง เพื่อให้ฝ่ายทหารทั้ง2ประเทศได้มาพูดคุยกันในขั้นตอนต่อไปที่จะลดความตึงเครียดจะมีความสําคัญต่อคณะผู้แทนไทยที่จะเข้าร่วมการประชุมวันที่ 22 ธ.ค. จะเป็นโอกาสสําคัญยิ่งและย้ําว่าจะเป็นโอกาสที่ดีไทยมีท่าทีที่ชัดเจนมาโดยตลอด และเราพร้อมรอดูท่าทีของฝ่ายกัมพูชา