'ยศชนัน' เปิดวง YPP Dialogue ชี้พัฒนาคน หัวใจสำคัญ ตั้งเป้าประเทศรายได้สูง

'ยศชนัน' เปิดวง YPP Dialogue ชี้พัฒนาคน หัวใจสำคัญ ตั้งเป้าประเทศรายได้สูง

“ยศชนัน” เปิดวง YPP Dialogue ชี้การพัฒนาคน คือหัวใจสำคัญสูงสุด ต้องกล้าคิดใหม่ ตั้งเป้าประเทศรายได้สูง เชื่อมการศึกษา-อุตสาหกรรม-เศรษฐกิจ

เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. ที่พรรคเพื่อไทย PTP Academy จัดกิจกรรม YPP Dialogue ครั้งที่ 3 ภายใต้หัวข้อ “นโยบายความมั่นคง และนโยบายการพัฒนากำลังคน” เปิดพื้นที่ให้สมาชิก YPP Club รุ่นที่ 1 และรุ่นที่ 2 ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมอง ประสบการณ์ และข้อเสนอเชิงนโยบายอย่างเข้มข้น โดยช่วงแรกของกิจกรรมเป็นการพูดคุยด้าน นโยบายความมั่นคง โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรองนายกฯ และรมว.มหาดไทย กล่าวต้อนรับ พร้อมถ่ายทอดประสบการณ์เบื้องหลังการทำงานด้านความมั่นคง ภาพรวมสถานการณ์ ปัญหาและความท้าทายในการขับเคลื่อนนโยบายความมั่นคงในฉบับพรรคเพื่อไทย

ช่วงที่สองเป็นการพูดคุยด้านนโยบายการพัฒนากำลังคน โดยนายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา โอกาสและความท้าทายของประเทศไทยในการพัฒนาศักยภาพคน รวมถึงทิศทางและแผนการพัฒนากำลังคนในฉบับพรรคเพื่อไทย โดยนายยศชนัน ได้ถ่ายทอดวิสัยทัศน์ที่เชื่อมโยงระหว่าง "การศึกษา-อุตสาหกรรม-เศรษฐกิจ" ย้ำว่าประเทศไทยในปัจจุบันเผชิญกับปัญหาที่ซับซ้อนเกินกว่าจะแก้ด้วยมิติเดียว ทั้งเรื่องค่าเงิน เทคโนโลยีดิสรัปชัน และกติกาโลกใหม่ด้านสิ่งแวดล้อมที่กำลังเปลี่ยนบทบาทของกระทรวงอุดมศึกษาฯ เป็นกระทรวงเศรษฐกิจอย่างเต็มตัว การพัฒนากำลังคนจึงต้องเปลี่ยนจากเพียงแค่การเรียนการสอน ไปสู่การสร้างระบบนิเวศแห่งนวัตกรรม (Innovation Ecosystem) อย่างแท้จริง

นายยศชนัน กล่าวว่า วันนี้เราต้องกล้าคิดใหม่แบบยักษ์ เป้าหมายของเราต้องชัดเจนคือการพาประเทศไทยไปสู่ประเทศรายได้สูง โดยใช้กระบวนการ Backward Design ย้อนกลับมาดูว่าอุตสาหกรรมเป้าหมายต้องการคนแบบไหน ปริมาณเท่าไหร่ แล้วจึงออกแบบบทบาทของสถาบันอาชีวะศึกษาและมหาวิทยาลัยให้ตอบโจทย์นั้น เราต้องเปลี่ยนวัฒนธรรมการวิจัยให้กล้าที่จะล้มเหลวได้อย่างสุจริต สร้างระบบที่เอื้อให้นักวิจัยทำโครงการที่มีความเสี่ยงเชิงสร้างสรรค์ได้โดยไม่ถูกลงโทษด้วยระบบงบประมาณแบบเดิม ความรู้จะกลายเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการพาคนไทยหลุดพ้นจากกับดักความยากจน และเปิดโอกาสให้ทุกคนก้าวสู่ตำแหน่งสูงสุดของสังคมได้ไม่ว่าเขาจะเกิดที่ไหนก็ตาม

นายยศชนัน กล่าวต่อว่า สำหรับการยกระดับมหาวิทยาลัยและอาชีวศึกษา เสนอให้ปรับเปลี่ยนโมเดลการเรียนรู้ให้เป็นแบบทุกช่วงวัยผ่านระบบธนาคารหน่วยกิต (Credit Bank) ที่มีความยืดหยุ่น สามารถสะสมและโอนย้ายหน่วยกิตได้ตามมาตรฐานสากล เพื่อให้ Talent ไทยสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก โดยมุ่งเน้นอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ Semiconductor, Data Center, เทคโนโลยีชีวภาพและการแพทย์ (BioTech/Medical), ยานยนต์ไฟฟ้าและการซ่อมบำรุงทางน้ำ (EV/Marine) และเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ (ESG/Low Carbon) ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องอาศัยฐานข้อมูลที่เชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ

นายยศชนัน กล่าวว่า ในส่วนของปัญหาเชิงระบบของการวิจัยในปัจจุบัน เสนอแนวทางปรับปรุงระบบทุนวิจัยให้เป็นแบบ "Rule-based Automation" เพื่อลดความล่าช้าและขั้นตอนเอกสารที่ซับซ้อน โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาจัดการงวดงานและเงื่อนไขการเบิกจ่ายให้รวดเร็วขึ้น พร้อมทั้งผลักดันการจัดทำ "Patent Landscape" หรือศูนย์ข้อมูลทรัพย์สินทางปัญญาระดับประเทศ เพื่อให้นักวิจัยและภาคเอกชนไทยมองเห็นช่องว่างในการแข่งขัน และสามารถจดสิทธิบัตรในระดับสากลได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีการเสนอมาตรการดึงดูดและรักษาบุคลากรทักษะสูง (Talent Magnet) ทั้งไทยและต่างประเทศ ผ่านรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่น เช่น การให้ Talent ที่อยู่ต่างประเทศสามารถร่วมเป็นโค้ชหรือเมนเทอร์ในโครงการสำคัญของไทยได้ รวมถึงการพัฒนา "ครูแนะแนวดิจิทัล" (Personalized Guidance) ที่ใช้ฐานข้อมูลอาชีพและเส้นทางสกิล (Skill Path) มาช่วยให้เด็กและเยาวชนมองเห็นขั้นตอนที่ชัดเจนในการก้าวไปสู่งานเป้าหมายในอนาคต