‘ปาร์ตี้ลิสต์ Compromise’ ส้มผสมทุน ปักธงเศรษฐกิจ-การเมือง

‘ปาร์ตี้ลิสต์ Compromise’ ส้มผสมทุน ปักธงเศรษฐกิจ-การเมือง

การปรับบัญชีรายชื่อครั้งนี้สะท้อนยุทธศาสตร์การรีแบรนด์พรรคสู่แนวทาง "ซ้ายกลาง" โดยหันมาเน้นนโยบายด้านเศรษฐกิจให้จับต้องได้มากขึ้น ควบคู่ไปกับการปฏิรูปการเมือง

KEY

POINTS

  • พรรคประชาชน (ปชน.) เปิดตัว สส. บัญชีรายชื่อที่มีนักธุรกิจและผู้บริหารจากภาคเอกชนเข้าร่วมจำนวนมาก ซึ่งถูกมองว่าเป็นการผสมผสานระหว่างอุดมการณ์ทางการเมืองกับกลุ่มทุน
  • การปรับบัญชีรายชื่อครั้งนี้สะท้อนยุทธศาสตร์การรีแบรนด์พรรคสู่แนวทาง "ซ้ายกลาง" โดยหันมาเน้นนโยบายด้านเศรษฐกิจให้จับต้องได้มากขึ้น ควบคู่ไปกับการปฏิรูปการเมือง
  • การคัดเลือกผู้สมัครก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งความขัดแย้งภายในพรรค และข้อกังวลจากกลุ่มแรงงานต่อตัวแทนฝั่งนายทุน
  • พรรคมีการย้ายอดีต สส. เขตบางคนที่มีคดีความติดตัวมาอยู่ในบัญชีรายชื่อ ซึ่งแกนนำชี้แจงว่าเป็นกลยุทธ์เพื่อบริหารความเสี่ยงทางการเมือง

หลายคนน่าจะเห็นหน้าค่าตากันไปแล้ว สำหรับว่าที่ผู้สมัคร สส.ของพรรคประชาชน (ปชน.) ซึ่งพรรคจัดสัมมนาไประหว่างวันที่ 17-18 ธ.ค.2568 ที่ผ่านมา และเผยโฉมให้สาธารณชนรับทราบกันโดยทั่วไป จนครบถ้วน 500 คน แบ่งเป็น สส.แบ่งเขต 400 เขต และ สส.บัญชีรายชื่อ 100 คน

สำหรับการจัดสรรว่าที่ผู้สมัคร สส.ทั้งแบบแบ่งเขต และปาร์ตี้ลิสต์ในครั้งนี้ ถูกวิพากษ์วิจารณ์ด้วย 2 เงื่อนปมสำคัญ คือ 

1.คำถาม “ชนชั้น” ภายในพรรค ถูกจุดให้ปะทุขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากมีอดีต สส.เขต และอดีตผู้ประสงค์ลงสมัคร สส.จำนวนไม่น้อย กังขากระบวนการสรรหาภายในพรรค โดยบางคนถึงขั้นออกโรงแฉว่า “เลขาธิการพรรค” กำหนดการสรรหาด้วยตัวเอง สวนทางมติกรรมการบริหารพรรคด้วยซ้ำ

เรื่องนี้ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานคณะก้าวหน้า ที่ไม่ชอบถูกเรียกว่า “ผู้นำทางจิตวิญญาณส้ม” อธิบายว่า บางคนโวยวายว่าพรรคส้มเผด็จการบ้าง แต่ต้องบอกเพื่อให้ทุกคนหายสงสัย ตนไม่มีส่วนร่วมใดๆ ส่วนกรณี “โปลิตบูโร” ภายในพรรคนั้น เขายืนยันว่า คือ กก.บห. แต่ตัวเขาไม่ได้มีส่วนร่วมใดๆ กับการคัดเลือก สส.

“ดังนั้นข้อกล่าวหาว่า คนนี้คนของธนาธร ไม่มีจริงแน่นอน รับประกัน พรรคมีกระบวนการของเขา ไม่เคยยุ่ง แทรกแซง หรือบอกว่าเขตนี้เอานาย ก.ลงนะ เขตนี้เอานาย ข.ลงนะ ไม่มี” ธนาธร ระบุ

ส่วนกรณีเลขาธิการพรรค ปชน. ศรายุทธิ์ ใจหลัก เพื่อนสนิท และหนึ่งใน “กลุ่มเพื่อนเอก” ธนาธร อธิบายว่า การมาเป็น สส.พรรคนี้ มันไม่ได้เดินมาคุยกับหัวหน้า ไม่เหมือนพรรคอื่น ที่คุยกับหัวหน้าจบๆ การเป็นผู้สมัคร สส.พรรคนี้ ใครอยากสมัคร ให้เข้าระบบแข่งขันกัน เขตหนึ่งอาจมี 2-3 คน เขตเยอะๆ อาจมี 7-8 คน ก็เป็นไปได้ คนที่ไม่ได้ตำแหน่งอาจรู้สึกไม่เป็นธรรม

ด้านคนที่เคยเป็น สส.อยู่แล้วแต่มีการเปลี่ยนคน ธนาธร ระบุว่า อาจมีเหตุ อาจเป็นเพราะพรรคบริหารความรู้สึกไม่ดี แต่ตนเชื่อว่าพรรคมีมาตรฐานว่า สส.คนไหน ที่ไม่มีผลงาน สส.คนไหนที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ไม่ควรได้ลงต่อ วันนี้ก็เห็นอยู่แล้ว

2.กรณีการ “ซิกแซก” ดันอดีต สส.ที่เคยมีคดีติดตัว ทั้งคดีเกี่ยวกับ “มาตรา 11- พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ” และคดีในชั้นการไต่สวนของ ป.ป.ช.กรณีร่วมกันลงชื่อเสนอร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่ปัจจุบัน อดีต 44 สส.ก้าวไกล ถูกไต่สวน ในจำนวนนี้มีอดีต สส.ปชน. 25 คนรวมอยู่ด้วย

เรื่องนี้ “ไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคด้านเศรษฐกิจ และผู้ถูกดันเป็น “ว่าที่รองนายกฯ” คุมงานปฏิรูประบบราชการ หาก ปชน.ชนะแลนด์สไลด์ได้จัดตั้ง “รัฐบาลพรรคเดียว”หลังการเลือกตั้ง คอนเฟิร์มว่า เป็นการเตรียมความพร้อมรับความเสี่ยงต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น 

การที่คนเคยเป็น สส.เขต ต้องย้ายมาลงปาร์ตี้ลิสต์ ถ้าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น อาจลาออกเลื่อนขึ้นของอันดับได้ เป็นต้น เราพยายามปิดทุกความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่า เราไม่ได้ยืนยันความบริสุทธิ์ของพวกเราเอง เรายังมั่นใจเต็มที่ว่าเรายังสู้ในคดีนี้ได้ แต่เราก็ทราบว่า ในประเทศนี้ไม่ได้มีอะไรที่ตรงไปตรงมาขนาดนั้น

ส่วนประเด็นการคัดสรรตัวผู้สมัคร สส.ที่มีดราม่า และมีการกล่าวหาเลขาธิการพรรค ปชน.เป็นเผด็จการนั้น “ไหม ศิริกัญญา” อธิบายว่า กระบวนการคัดสรรผู้สมัคร ต้องขอแสดงความยินดีกับผู้ได้รับคัดเลือก และแสดงความเสียใจกับผู้ไม่ได้รับการคัดเลือก เป็นเรื่องปกติมากที่ต้องมีผู้ผิดหวัง และสมหวัง กระบวนการคัดสรร มีคณะกรรมการสรรหาร ไม่ได้เป็นภาระของใครคนใดคนหนึ่งอยู่แล้ว

“การกล่าวหาว่าเลขาธิการเป็นเผด็จการ คงเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรง และไม่เป็นความจริง อย่างไรเนี่ยเราก็ผ่านมาทุกยุคทุกสมัย สมัยพรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ก็เป็นคนโดน สมัยพรรคก้าวไกล นายชัยธวัช ตุลาธน ก็เป็นคนโดน ดังนั้นมันหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่า เลขาธิการพรรคกลายเป็นเป้าโจมตี เมื่อคัดสรรผู้สมัคร แต่เรายืนยันว่าเรามีคณะกรรมการสรรหา และทุกอย่างผ่านกรรมการบริหารพรรคทุกเรื่อง” ศิริกัญญา ยืนยัน

ทั้งนี้ มีอดีต สส.เขต ปชน.อย่างน้อย 4 คนถูกดันขึ้นเป็นปาร์ตี้ลิสต์ในครั้งนี้ ได้แก่ “ไอซ์” รักชนก ศรีนอก “ลูกเกด” ชลธิชา แจ้งเร็ว “โตโต้” ปิยรัฐ จงเทพ “กาย” ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ 

ส่วนอดีต สส.เขต ที่ยังมีคดีอดีต 44 สส.ก้าวไกล ปักหลังอยู่ เช่น ธีรัจชัย พันธุมาศ (ตอนเกิดเหตุเป็น สส.ปาร์ตี้ลิสต์) จรัส คุ้มไข่น้ำ อดีต สส.ชลบุรี ยังคงลงสมัครแบบเขตอยู่เช่นเดิม ทำให้มีการคาดหมายว่า ผู้สมัคร สส.เขตกลุ่มหลังนี้ ในพรรคน่าจะมีการประเมินแล้วว่ามีแนวโน้ม “รอดสูง”

แต่ที่น่าสนใจคือว่าที่ผู้สมัคร สส.ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรค ในการเลือกตั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา มักถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็น “คนใกล้ชิด” สนิทสนมกับ “แกนนำระดับสูง” ภายในพรรคส้ม และในคราวนี้ก็เช่นกัน สังเกตได้ว่า นอกเหนือจากกลุ่มอดีตผู้บริหารพรรค กลับปรากฏ “นักธุรกิจ-ผู้บริหารเอกชน” พาเหรดถูกส่งลง สส.บัญชีรายชื่อ จำนวนไม่น้อย 

เช่น ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ผู้ก่อตั้ง และ CEO ตลาดดอตคอม ธีระชาติ ก่อตระกูล CEO ของ StockRadars วัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศ ไทย) จำกัด และอิสริยะ ไพรีพ่ายฤทธิ์ รองประธานฝ่ายนโยบายสาธารณะและรัฐกิจสัมพันธ์ LINE MAN Wongnai เป็นต้น

โดยเฉพาะ “บางชื่อ” ถูก “แรงงาน” กาหัวไว้ว่า เคยเป็นผู้บริหารในบริษัทที่อาจจ่าย “ค่าแรง” ไม่ค่อยเป็นธรรมกับเศรษฐกิจในตอนนี้มากนัก 

ล่าสุด “อิสริยะ ไพรีพ่ายฤทธิ์” ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ วานนี้ (18 ธ.ค.) ถึงประเด็นเรื่องที่พี่น้องสายแรงงานกังวลนั้น จุดยืนส่วนตัวไม่มีความเห็นต่างไปจากนโยบายด้านแรงงานของพรรค ปชน. ซึ่งได้ทำงานร่วมกับ “เซีย จำปาทอง” ว่าที่ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ และ “เดชรัต สุขกำเนิด” อดีตที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน อยู่ตลอด

อิสริยะ เปิดเผยว่า มารับผิดชอบงานในด้านเศรษฐกิจภายใต้ทีมของ “วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร” รองหัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกฯของพรรค ในเรื่องเศรษฐกิจ โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัล เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับผู้ประกอบการไทย ทั้งนี้รับทราบข้อกังวลต่าง ๆ และมีความยินดีที่จะเข้าไปพูดคุยกับกลุ่มคนทำงานทุกกลุ่ม และจะนำความรู้ความสามารถที่มี เข้ามาช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด ย้ำว่าจะเข้ามาทำเรื่องเศรษฐกิจเป็นหลัก โดยเฉพาะนโยบายของพรรค ที่ใช้คำว่าไทยทันโลก และความท้าทายในเศรษฐกิจโลก

ขณะที่ปีกแรงงานในพรรค เช่น เซีย จำปาทอง ออกมาชี้แจงกรณีการที่ผู้บริหารไลน์แมนมาลงสมัคร เป็นการเอื้อนายทุนหรือไม่ ว่า เรายินดีรับฟังข้อเสนอแนะ แต่อยากสื่อสารว่า พรรคให้ความสำคัญกับพี่น้องแรงงาน เรามีนโยบายชัดเจน ทำเกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว แน่นอนว่าในพรรคเรามีคนที่ทำงานหลากหลาย เราได้จัดประชุมและรวบรวมความเห็นจากพี่น้องแรงงานที่ทำงานบนแพลตฟอร์มนี้ และไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายแรงงาน ซึ่งเตรียมผลักดันร่างกฎหมายนี้ต่อ

ปรากฏการณ์ข้างต้นอาจสะท้อนการ“รีแบรนด์พรรค” จากคำครหา“ซ้ายจัดดัดจริต” มาเป็น“พรรคซ้ายกลาง” ที่เน้นชูธงด้านเศรษฐกิจมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้ประชาชนจับต้องได้ และเดินควบคู่ไปกับการ“ปฏิรูปการเมือง”

หากเทียบกับผู้สมัคร สส.ปาร์ตี้ลิสต์ของ “ก้าวไกล” เมื่อปี 2566 มีอดีตผู้บริหารระดับสูงในธุรกิจขนาดใหญ่เข้ามาร่วม หรือเปิดตัวอยู่หน้าฉากน้อยมาก หากไม่นับ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ทายาทธุรกิจยักษ์ใหญ่ “ไทยซัมมิท” แล้ว ที่เหลือแทบนับนิ้วได้เลย เช่น พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เคยทำธุรกิจน้ำมันรำข้าวของครอบครัว เท้ง ณัฐพงษ์ ที่ครอบครัวมีธุรกิจหลายแห่งระดับหลายร้อยล้านบาท เป็นต้น ส่วนที่เหลือมักเป็น “นักคิด-นักเขียน-นักวิชาการด้านการเมือง เศรษฐศาสตร์ สังคม” แทบทั้งสิ้น

ที่สำคัญภายหลังการเลือกตั้งปี 2566 พรรคก้าวไกล เริ่มลดบทบาท ล้างภาพ “รื้อโครงสร้าง-เพดานการเมือง” มาเน้นเรื่อง “ปฏิรูประบบราชการ-เศรษฐกิจ” มีการจัดตั้ง “ทีมเศรษฐกิจทันสมัย” นำโดย “ไหม ศิริกัญญา” และมือร่างนโยบายสำคัญของพรรคอย่าง “ต้น วีระยุทธ” อยู่หลังฉาก

ดังนั้นน่าจับตา เมื่อแคนดิเดตนายกฯของ ปชน. 2 ใน 3 คน ถูกคดี 44 สส.ขึงไว้ เหลือแค่ “ต้น วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร” ผู้ร่างนโยบายให้พรรคตั้งแต่ยุคอนาคตใหม่ โดยเฉพาะด้าน “เศรษฐกิจ” จะนำพาพรรคเดินหน้าไปในทิศทางไหน ต้องรอดูวันเปิดตัวนโยบายพรรค 25 ธ.ค.นี้