‘สมศักดิ์-เสี่ยแฮงค์’ ควง ‘จิรทัศ’ ลุยอยุธยา พบ ชาวนา วางนโยบายเกษตร ‘พท.’

‘สมศักดิ์-เสี่ยแฮงค์’ ควง ‘จิรทัศ’ ลุยอยุธยา พบ ชาวนา วางนโยบายเกษตร ‘พท.’

“สมศักดิ์-อนุชา” ควง “จิรทัศ” ลุยอยุธยา ฟังปัญหาเกษตรกร เจอปัญหา”ข้าวดีด”หลังห้ามเผา ต้นทุนพุ่งไร่ละ 6,000 ชี้ ทำกฎหมายข้าว แก้ยั่งยืน มั่นใจ พท.ทำได้

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายอนุชา นาคาศัย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอดีต สส.ชัยนาท นายจิรทัศ ไกรเดชา ผู้เสนอตัวลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลงพื้นที่พบปะและรับฟังความคิดเห็นประชาชน ที่ตำบลเจ้าเสด็จ อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 

โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า การลงพื้นที่วันนี้ เพื่อต้องการมารับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชน จะได้นำไปกำหนดเป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทย โดยเรื่องนโยบายของพรรคการเมือง จะเขียนนโยบายแบบไม่มีเหตุผลไม่ได้ ซึ่งจะทำให้พี่น้องประชาชนเห็นความสามารถในการบริหารของแต่ละพรรค โดยที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทย ก็สามารถทำหลายนโยบายสำเร็จ ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนได้จำนวนมาก และครั้งนี้ ตนก็มีส่วนช่วยผลักดันนโยบายด้านการเกษตร จึงต้องการมารับฟังเสียงสะท้อนด้วยตัวเอง

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การจากรับฟังปัญหาของพี่น้องเกษตรกร เรื่องภาครัฐไม่ให้เผาฟางข้าว แล้วจะเกิดข้าวดีด ที่เป็นวัชพืช ตนก็จะนำไปเสนอปัญหาและแนวทางการแก้ไขให้กับพรรคเพื่อไทย เพื่อจะได้กำหนดเป็นนโยบายช่วยเหลือเกษตรกร ซึ่งเราต้องทำให้ภาครัฐรู้ว่า ถ้าไม่เผาฟางข้าว ก็จะทำให้ข้าวดีด ที่เป็นวัชพืชโตขึ้น และทำให้ผลผลิตข้าวน้อยลง โดยพี่น้องเกษตรกร เล่าให้ฟังว่า การไม่เผาฟาง นอกจากทำให้เกิดข้าวดีดแล้ว ยังทำให้เกษตรกรมีต้นทุนสูงขึ้น ซึ่งพี่น้องเกษตรกรทำนา 70 ไร่ ต้องใช้ต้นทุนเพิ่มถึง 30,000 บาท ดังนั้น การจะช่วยเหลือกเกษตรกร ต้องคิดต้นทุนใหม่ทั้งหมด และอาจจะคิดกำไรให้เกษตรกร 30% โดยจะทำให้ไม่ว่าข้าวจะขึ้นหรือลง เกษตรกร ก็จะมีกำไร 30% จากการลงทุนเพาะปลูก

“ปัญหาเรื่องเกษตร เราต้องทำกฎหมายให้ได้ โดยเริ่มจากกำหนดต้นทุน และกำไรให้เกษตรกร ซึ่งสส.อยุธยา ต้องทำกฎหมายข้าวให้ได้ ไม่อย่างนั้นจะมีปัญหาแบบนี้ทุกปี โดยเราต้องสู้ปัญหาตั้งแต่ต้นเหตุ ด้วยการตั้งวง คิดทำกฎหมายเรื่องข้าว จะได้แก้ปัญหาแบบยั่งยืน รวมถึงพรรคเพื่อไทย ก็ยังมีนโยบายช่วยเกษตรกรทางอ้อมด้วย เช่น ลดพื้นที่ปลูกข้าว ให้หันมาปลูกพืชผลิตกระแสไฟฟ้า จะทำให้ข้าวไม่ล้นตลาด และราคาไม่ตกต่ำ นอกจากนี้ ยังมีการช่วยเกษตรกรปลูกอ้อย ซึ่งมีกฎหมายแบ่งปันผลประโยชน์ เกษตรกรได้ 70% โรงงานได้ 30% โดยจะมีการเสนอปรับเปอร์เซ็นต์ให้เกษตรกรได้มากขึ้น และโรงงานลดลง เพราะเกษตรกรมีต้นทุนเพิ่ม ในขณะที่โรงงานไม่มีต้นทุนเพิ่มแล้ว” นายสมศักดิ์ กล่าว 

ขณะที่ นายอนุชา กล่าวว่า เรื่องการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร ที่ผ่านมาตนและนายสมศักดิ์ ได้ช่วยกันผลักดันมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้ทำให้เกษตรกรจับเงินแสน เงินล้าน ด้วยโครงการส่งเสริมอาชีพเลี้ยงวัว ตนจึงมีความเข้าใจเกษตรกร และขอให้มั่นใจว่า พรรคเพื่อไทย สามารถช่วยคนยากคนจน เหมือนที่ผ่านมาได้อย่างแน่นอน 

ด้าน นายจิรทัศ กล่าวว่า วันนี้ตนได้ประสาน นายสมศักดิ์ และนายอนุชา มารับฟังปัญหาพี่น้องเกษตรกรในอยุธยา เพื่อนำไปกำหนดเป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทย โดยตนพร้อมจะเป็นผู้ประสานงานในพื้นที่ ร่วมทำ พ.ร.บ.ข้าว กับพรรคเพื่อไทย ซึ่งจะนำพี่น้องเกษตรกร ไปยื่นหนังสือและติดตามเรื่องด้วยตัวเองอย่างต่อเนื่อง จึงขอให้เชื่อมั่นพรรคเพื่อไทย เราทำได้อย่างแน่นอน

นอกจากนี้ ตัวแทนแกนนำชาวนาจังหวัดอยุธยา ได้สะท้อนปัญหาว่า การแก้ปัญหาให้พี่น้องชาวนา เราไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เหมือนครั้งที่ผ่านมา โดยการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคเพื่อไทย มีเปอร์เซ็นต์สูงที่จะกลับมาเป็นรัฐบาล จึงต้องการมารับฟังว่ามีนโยบายอะไรที่จะช่วยเหลือกเกษตรกร ซึ่งถ้าพรรคเพื่อไทย เป็นรัฐบาล ก็อยากเห็นนโยบายช่วยชาวนา โดยถ้าไม่จำนำ ไม่รับประกัน แล้วมีนโยบายอะไรรองรับหากเกิดข้าวราคาตกต่ำ และเจอน้ำท่วมซ้ำอีก ซึ่งตนเห็นด้วยเรื่องกฎหมายข้าว และการแบ่งปันผลประโยชน์เกษตรกร จะได้แก้ปัญหาแบบยั่งยืน รวมถึงอยากให้รัฐบาล คิดต้นทุนเกษตรกรใหม่ ทั้งเรื่องเผาฟาง ซึ่งเป็นภาระพี่น้องชาวนา โดยถ้าไม่เผา จะเกิดข้าวดีด เป็นวัชพืชโตขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ข้าวจริงลดลง ซึ่งถ้าเผาฟางข้าว ข้าวดีดจะหายไป 70% แต่ถ้าไม่เผา เมล็ดพันธุ์ที่เกษตรกรเก็บเอง 2 รุ่น ก็จะกลายเป็นข้าวดีดหมด ดังนั้น ภาครัฐต้องส่งเสริมเมล็ดพันธุ์ด้วย ถ้าไม่ฟรีทั้งหมด ก็ควรพิจารณาพื้นที่รับน้ำท่วมอย่างอยุธยาก่อน 

ทั้งนี้ ตัวแทนเกษตรกร ยังได้สะท้อนต้นทุนการทำนาว่า ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ ไร่ละ 6,000 บาท ก็เลยอยากขอการันตีข้าวดิบราคาที่ 8,000 บาทต่อตัน เกษตรกร ก็จะอยู่รอดแล้ว เพราะขณะนี้ มีต้นทุนสูง ทั้งเรื่องข้าวดีด น้ำมันสูบน้ำเข้า-ออก เป็นต้น