'ชพน.' เว้นวรรค ไม่ส่งผู้สมัครชิงเก้าอี้ สส. แต่พรรคยังอยู่

มติพรรคชาติพัฒนา ขอเว้นวรรค ไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งปี69 ย้ำ4ปัจจัยทำให้พรรคเตรียมการไม่ทัน เปิดทาง "อดีตสส.-แกนนำพรรค" เดินทางต่อกับพรรคอื่น
วันที่ 18 ธ.ค.2568 เวลา 14.00 น.ที่บ้านเลขที่ 333 ราชวิถี มีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคชาติพัฒนา นัดพิเศษ เพื่อหารือถึงทิศทางการทำงานของพรรคหลังจากที่มีการยุบสภา เมื่อ 12 ธ.ค. ที่ผ่านมา และ กกต.เตรียมเลือกตั้ง 8 ก.พ. 69
สำหรับบรรยากาศพบว่ามีแกนนำพรรค อาทิ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล นายกเทศมนตรีนครราชสีมา นายประเสริฐ บุญชัยสุข อดีตนายกเทศมนตรีนครราชสีมา นายทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา นายวัชรพล โตมรศักดิ์ รองหัวหน้าพรรค นายอรัญ พันธุมจินดา อดีตสส.บัญชีรายชื่อ นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา อดีต สส.ปราจีนบุรี พรรคชาติพัฒนา นางเยาวภา บุรพลชัย โฆษกพรรค เข้าร่วมประชุม
โดยก่อนการประชุม นายสุวัจน์ กล่าวกับที่ประชุมว่าเป็นการนัดประชุมด่วนของกรรมการบริหารพรรค เพื่อหาแนวทางในการทำงานของพรรคว่าจะไปในทิศทางไหน หลังจากยุบสภาแล้ว
ผู้สื่อข่ารายงานว่าที่ประชุมใช้เวลาหารือประมาณ 1ชั่วโมง 15 นาที จากนั้นนายสุวัจน์ แถลงผลประชุมว่าที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนความเห็นในสถานการณ์การเมืองปัจจุบันพรรคควรตัดสินใจอย่างไร ผลดี ผลเสียและโอกาสที่จะกลับมาทำงานสส. เพื่อทำงานให้ประเทศ ซึ่งมีข้อสรุปว่า 1.ขณะนี้สถานการณ์การเมืองเข้มข้น ที่ผ่านมาตนอยู่กับการเมืองมาตั้งแต่ปี2531 ผ่านการเลือกตั้งหลายครั้ง ทุกครั้งเป็นการต่อสู้ระหว่าง 2 พรรคการเมืองใหญ่ แต่รอบนี้เป็นการเลือกตั้งครั้งแรกที่ต่อสู้ระหว่างพรรคการเมืองใหญ่ 3 พรรค ดังนั้นประเมินว่าการต่อสู้รอบนี้จะดุเดือด เข้มข้น จะเห็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองสูงมีการย้ายพรรค สะท้อนให้เห็นข้อเท็จจริงว่า เป็นการเลือกตั้งแบบการเมือง 3 ขั้ว เพื่อนำไปสู่ชัยชนะ ทำให้พรรคเล็กเสียเปรียบมากยิ่งขึ้นจากเดิมที่เสียเปรียบอยู่แล้ว
นายสุวัจน์ กล่าวต่อว่า2.ในระบบเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญทำให้พรรคเล็กเสียเปรียบ ไม่ได้ทำให้สส.บัญชีรายชื่อ 3.เป็นการยุบสภาแบบกระทันหัน ทำให้กระบวนการเตรียมความพร้อมไพรมารี่โหวตเป็นไปแบบมีขีดเวลาจำกัด และ 4. สถานการณ์ปัจจัยภายนอกประเทศ
“การเลือกตั้งครั้งนี้ต้องได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ และการเมืองเข้มแข็งเพียงพอสร้างความเชื่อมั่นที่ดีต่อระบบการเมือง รัฐบาลใหม่ ดังนั้นคำนึงถึงงด้วยว่าจากนี้ไปต้องให้การเมืองเข้มแข็ง มีคุณภาพ ระบบพรรคใหญ่เข้มแข็ง จากเหตุผล พรรคชาติพัฒนาจะไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง เทอมนี้ขอบายก่อน แต่พรรคยังอยู่” นายสุวัจน์ แถลง
นายสุวัจน์ กล่าวด้วยว่าสำหรับอดีตสส.ของพรรค และแกนนำพรรค จะให้เป็นดุลยพินิจว่าจะทำงานร่วมกับพรรคการเมืองใดหรือไม่
เมื่อถามถึงการตัดสินใจส่วนตัว นายสุวัจน์ กล่าวว่า ตนยังป็นประธานพรรค และช่วยการเมืองท้องถิ่นที่จ.นครราชสีมา และจะอยู่กับพรรคตามที่พล.อ.ชาติชาญ ชุณหะวัณ อดีตหัวหน้าพรรคชาติพัฒนาสั่งไว้ และพร้อมจะดูแลน้องๆ
เมื่อถามถึงกระแสของการตัดสินใจที่จะทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทย นายสุวัจน์ กล่าวว่า ไม่เป็นมติพรรค แต่ปล่อยให้เป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนที่ตัดสินใจ เช่น นายยประสาท ตันประเสริฐ อดีต สส.นครสวรรค์ ได้ตัดสินใจไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทย
เมื่อถามว่าฐานะเป็นผู้ใหญ่ทางการเมืองจะปูทางคุยกับพรรคใดให้หรือไม่ เพราะขณะนี้หลายพรรคโควตาใกล้เต็มแล้ว นายสุวัจน์ กล่าวว่า เชื่อว่าคนของตนมีคุณภาพ และทำพื้นที่มาตลอด ทั้งในจ.นครราชสีมาและจ.ปราจีน ดังนั้นตนมั่นใจในความรู้ความสามารถและได้รับการยอมรับต่อการทำงานในพื้นที่กับประชาชน มั่นใจว่าการตัดสินใจไปอยู่ในจุดที่ได้กลับมาเป็นผู้แทน เป็นสินค้าคุณภาพ เชื่อว่าตัดสินใจได้
เมื่อถามว่าประเมินว่า ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับ พรรคภูมิใจไทย มองว่าพรรคไหนภาษีดีกว่ากัน นายสุวัจน์ กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งงนี้เป็นครั้งแรกที่พรรคใหญ่ 3 พรรค จะหายใจรดต้นคอ ดังนั้นคงสูสีกันหมด ทั้งนี้ตนประเมินว่าทั้ง 3 พรรคอยู่ในระดับร้อย
“เป็นการเมืองที่ต่อสู้รุนแรง 3 ขั้ว ทุกคนต้องแย่งชัยชนะเป็นรัฐบาล วันนี้ต้องงอยู่ในระดับ 100 เสียงและการจัดรัฐบาลเสถียรภาพและหน้าตาจะอยู่ในการบริหารจัดการของ 3 พรรคใหญ่ เป็นคนกุมชะตาตั้งรัฐบาลเพื่อสร้างเสถียรภาพและแก้ปัญหาให้ประชาชน อยู่ในมือ 3 พรรคใหญ่” นายสุวัจน์ กล่าว
เมื่อถามว่าประเมินว่าเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน นายสุวัจน์ กล่าวว่า จะฝ่ายค้านหรือรัฐบาลเรื่องหนึ่ง แต่ต้องเป็น สส.กลับมาให้ได้ ตนเชื่อมั่นว่าการตัดสินใจของน้องๆที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ ตัดสินใจให้เป็นสส. แต่การเป็นรัฐบาลหรือค้านเป็นจังหวะการเมืองที่ควบคุมไม่ได้
ขณะที่ นายเทวัญ กล่าวว่าสำหรับทิศทางของอดีตสส.ของพรรค และสมาชิกพรรคจะไปสังกัดที่ไหนนั้น ขอหารืออีกครั้ง ดังนั้นหากจะไปพรรคไหนต้องไปเป็นกลุ่มก้อน อย่างไรก็ดีในส่วนของตนนั้นแม้ไม่ได้เป็น สส. แต่ยังทำงานในพื้นที่มาหลายปี และทุกคนพร้อมจะลงสมัคร
ทางด้านนายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะไปสังกัดพรรคใด แม้ว่าจะมีข่าวว่าพรรคกล้าธรรมจะติดต่อมา แต่ตนยังไม่ได้ตัดสินใจ เพราะคิดว่าเมื่อยามตนลำบากพรรคชาติพัฒนาให้โอกาสตน ดังนั้นเมื่อพรรคไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง การย้ายไปสังกัดพรรคใดต้องรอหารือและพร้อมไปด้วยกัน







