ศาล รธน.ยกคำร้อง ‘บิ๊กโจ๊ก’ ปมอ้างเลือก ประธาน ป.ป.ช.มิชอบ

ศาล รธน.ยกคำร้อง ‘บิ๊กโจ๊ก’ ปมกล่าวหากระบวนการเลือก ‘ประธาน ป.ป.ช.’ ได้ ‘สุชาติ’ มิชอบ เป็นเรื่องชี้ขาดอำนาจกฎหมาย ไม่เข้าช่องร้อง ต้องไปฟ้องที่ศาลอื่น
KEY
POINTS
- พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ "บิ๊กโจ๊ก" ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยอ้างว่ากระบวนการเลือกประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
- ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ มีคำสั่งไม่รับคำร้องดังกล่าวไว้พิจารณาวินิจฉัย ซึ่งเท่ากับการยกคำร้อง
- ศาลให้เหตุผลว่า ผู้ร้องสามารถใช้สิทธิทาง
เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2568 ศาลรัฐธรรมนูญ ประชุมปรึกษาคดีสำคัญและเป็นที่สนใจ เรื่องพิจารณาที่ ต. 109/2568 กรณี พลตำรวจเอก สุรเชชษฐ์ หักพาล (ผู้ร้อง) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 โดยผู้ร้องกล่าวอ้างว่า การดำเนินกระบวนการและมีมติเลือกประธานกรรมการ ป.ป.ช.ของนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข (ผู้ถูกร้องที่ 2) นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ (ผู้ถูกร้องที่ 3) นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ (ผู้ถูกร้องที่ 4) นายภัทรศักดิ์ วรรณแสง (ผู้ถูกร้องที่ 5) นายประภาส คงเอียด (ผู้ถูกร้องที่ 6) นายวิทยา อาคมพิทักษ์ (ผู้ถูกร้องที่ 3) และนางสุวณา สุวรรณจุฑะ (ผู้ถูกร้องที่ 8) ไม่เป็นไปตามหลักทั่วไปของการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ส่งผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของผู้ร้อง ความมั่นคงของรัฐความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน
และการกระทำของผู้ถูกร้องที่ 2 ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประธานกรรมการ ป.ป.ช. และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ผู้ถูกร้องที่ 1) ในการพิจารณาวินิจฉัยเรื่องที่ผู้ร้องถูกกล่าวหา เป็นการกระทำที่ละเมิดต่อสิทธิและเสรีภาพของผู้ร้องขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง มาตรา 4 มาตรา 5 มาตรา 25 มาตรา 26 และมาตรา 32
ล่าสุด ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบปรากฏว่า ผู้ร้องโต้แย้งการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งแปดซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวกับการดำเนินกระบวนการและมีมติเลือกประธานกรรมการ ป.ป.ช. ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.ศ. 2561 มาตรา 14 วรรคสาม และการพิจารณาวินิจฉัยเรื่องที่ผู้ร้องถูกกล่าวหาตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย
หากผู้ร้องเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพ ผู้ร้องอาจใช้สิทธิทางศาลอื่นได้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 25 วรรคสาม เป็นกรณีที่รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญได้กำหนดกระบวนการร้องหรือผู้มีสิทธิขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยไว้เป็นการเฉพาะแล้ว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 47 (2) ซึ่งมาตรา 46 วรรคสาม บัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณา ดังนั้น
ผู้ร้องไม่อาจยืนคำร้องดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย







