'โรม' ปลุก ปชช.เลือกตั้งเดิมพันประเทศ อย่าปล่อยให้ 'ทุนเทา' ชนะ

'โรม' ปลุกประชาชน เลือกตั้งครั้งหน้าเดิมพันอนาคตประเทศไทย อย่าให้ 'ทุนเทา' ชนะ เพื่อส่ง 'ผู้แทนขาวดำ' กลับมามีอำนาจอีกครั้ง
KEY
POINTS
- รังสิมันต์ โรม เตือนว่ากลุ่ม "ทุนเทา" และเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติ กำลังพยายามใช้เงินมหาศาลเพื่อซื้อเสียงและชนะการเลือกตั้ง
- เขากังวลว่าหากกลุ่มทุนเทาชนะ จะส่งผู้แทนของตนเข้ามามีอำนาจรัฐเพื่อปกป้องธุรกิจผิดกฎหมาย และใช้ไทยเป็นฐานฟอกเงิน
- จึงเรียกร้องให้ประชาชนตระหนักว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเดิมพันอนาคตของประเทศ และอำนาจตัดสินใจอยู่ในมือของทุกคนที่จะไม่ปล่อยให้ทุนสีเทาชนะ
เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2568 นายรังสิมันต์ โรม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) แสดงความเห็นถึงกรณี "ทุนเทาซื้อเสียง ชนะเลือกตั้งเพื่อส่งผู้แทนเทาดำกลับมามีอำนาจอีกครั้ง" โดยระบุว่า จากที่เราได้เห็นกันมาแล้วว่า เครือข่ายของ นายเบน สมิธ ที่ปรึกษาของ ฮุน เซน ผู้ถือพาสปอร์ตการทูตกัมพูชา มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนักการเมืองไทยจำนวนมากเพียงใด อีกทั้งยังมีการให้สัมภาษณ์จากเครือข่ายของ คุณธรรมนัส ยืนยันว่า นายเบน สมิธ มีการทำธุรกิจกับนักการเมืองไทยหลายคน คำถามสำคัญคือ เส้นทางการเงินระหว่าง กัมพูชา–ไทย นั้น จะมีความลึกซึ้งและซับซ้อนมากเพียงใด
นายรังสิมันต์ ระบุว่า ที่ผ่านมา ด้วยพลังของพี่น้องประชาชนที่ตระหนักถึงความสำคัญของวาระการปราบปรามสแกมเมอร์ ทำให้ทุนเทาที่เคยซ่อนตัวอยู่ในเงามืด ไม่อาจซ่อนตัวได้อีกต่อไป นี่อาจเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้หน่วยงานของรัฐจำเป็นต้องเร่งขับเคลื่อนการปราบปรามเครือข่ายสแกมเมอร์ที่แฝงตัวอยู่ในประเทศไทย แต่น่าเสียใจว่า จนถึงวันนี้ เรายังไม่รู้ว่าติดขัดปัญหาใด เหตุใดการออกหมายจับ นายเบน สมิธ และภรรยา จึงล่าช้ามาถึงเพียงนี้
"ผมอดเป็นห่วงไม่ได้ว่า หน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบกำลังรอดู “ทิศทางลมทางการเมือง” ว่าหลังการเลือกตั้ง ฝ่ายทุนเทาจะกลับมามีอำนาจอีกครั้งเพื่อยึดกุมประเทศไทยหรือไม่ และไม่จำเป็นต้องมาหาหลักฐานจากผมอีก หลักฐานมีอยู่แล้ว ปฏิบัติการ Skyfall ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเคยดำเนินการไว้ สามารถนำมาต่อยอดเพื่อกวาดล้างเครือข่ายทุนเทาได้อย่างแน่นอน แต่คำถามคือ ทำไมจึงไม่ทำ นี่คือสิ่งที่น่าสงสัยอย่างยิ่ง" นายรังสิมันต์ ระบุ
นายรังสิมันต์ ระบุอีกว่า พี่น้องประชาชน เมื่อสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรยึดทรัพย์เครือข่ายสแกมเมอร์ในกัมพูชา มูลค่าความเสียหายสูงถึง 5 แสนล้านบาท ขณะที่การยึดทรัพย์ของ ปปง. ในคดีเครือข่าย เบน สมิธ และยิม เลียก มียอดทะลุ หลักหมื่นล้านบาท และหากดำเนินการเร็วกว่านี้ ตัวเลขอาจสูงกว่านี้มาก ข้อเท็จจริงเหล่านี้สะท้อนชัดว่า ฝ่ายทุนเทากำลังอยู่ในภาวะเพลี่ยงพล้ำ โดยเฉพาะในช่วงที่นานาชาติกำลังกดดันและล้อมกัมพูชา แต่ในขณะเดียวกัน ข้อมูลทั้งหมดก็ยืนยันว่า เงินจากสแกมเมอร์ที่มีเหยื่อชาวไทยสูญเสียปีละ หลักแสนล้านบาท นั้น มหาศาลเพียงใด และที่น่าตกใจคือ ประเทศไทยกลับถูกใช้เป็น ศูนย์กลางการฟอกเงิน ของขบวนการเหล่านี้
นายรังสิมันต์ ระบุด้วยว่า การเลือกตั้งในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ที่กำลังจะมาถึง จึงเป็นหมุดหมายสำคัญที่เครือข่ายสแกมเมอร์จำเป็นต้องส่งคนของตนลงสมัครรับเลือกตั้ง พร้อมอัดฉีดเงินเทา–เงินดำให้กับนักการเมืองและพรรคการเมืองบางพรรค ผมเชื่อว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ เราจะได้เห็นความพยายามใช้เงินสแกมเมอร์จูงใจประชาชนอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นี่อาจเป็นการเลือกตั้งที่มีการใช้เงินอย่าง ไร้ขีดจำกัด พี่น้องประชาชนทุกท่าน อยากให้เราทุกคนตระหนักว่า เงินที่ใช้ซื้อเสียงเหล่านี้ คือเงินของคนไทย เป็นเงินของครอบครัวที่บางรายต้องสูญเสียทุกอย่างจนถึงขั้นตัดสินใจจบชีวิต เป็นเงินของประชาชนที่เก็บหอมรอมริบมาทั้งชีวิต เราจะยอมให้เงินที่ได้มาจากการทำร้ายคนไทย เศรษฐกิจไทย และสังคมไทย ถูกนำมาใช้ซื้ออำนาจทางการเมือง เพื่อส่งนักการเมืองสีเทาเข้าไปใช้อำนาจรัฐ ปกป้องขบวนการสแกมเมอร์ที่กำลังยึดครองประเทศของเราจริงหรือไม่
"ขบวนการสแกมเมอร์มีฐานใหญ่อยู่ในกัมพูชา และผู้มีอำนาจในกัมพูชาล้วนรับรู้ถึงการดำรงอยู่ของขบวนการนี้ พวกเขามีแขนขาเป็นนักการเมืองไทย และข้าราชการไทยบางส่วนที่ยอมขายวิญญาณเพื่อผลประโยชน์ทางการเงิน การทุ่มเงินเข้าสู่การเลือกตั้งของประเทศไทย ไม่ใช่ต้นทุนที่สูงนักสำหรับธุรกิจมืดเหล่านี้ แต่สำหรับพวกเรา นี่คือ การเดิมพันอนาคตของประเทศ ว่าเราจะยอมตกอยู่ใต้อำนาจทุนเทาหรือไม่ คำตอบไม่ได้อยู่ที่ใครอื่น แต่อยู่ในมือของพี่น้องประชาชนทุกคน อนาคตประเทศไทย อยู่ในมือของเราทุกคน" นายรังสิมันต์ ระบุ







