ปชน.ปูทางรัฐบาลพรรคเดียว 'โปลิตบูโร' เฟ้นเลือดแท้ จัดโควตา สส.

ปชน.ปูทางรัฐบาลพรรคเดียว 'โปลิตบูโร' เฟ้นเลือดแท้ จัดโควตา สส.

ปชน.ปูทางรัฐบาลพรรคเดียว แก้ปมเสี่ยงวางตัวผู้สมัคร ดันกลุ่มติดคดีขึ้นปาร์ตี้ลิสต์ "โปลิตบูโรส้ม"เฟ้น"เลือดแท้" บริหารจัดการโควตาผู้สมัคร

KEY

POINTS

  • พรรคประชาชน (ปชน.) กำลังเตรียมการเลือกตั้งโดยมีเป้าหมายเพื่อจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว
  • มีการกล่าวถึง "กลุ่มโปลิตบูโร" หรือกลุ่มแกนนำที่มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดในการคัดเลือกและจัดสรรโควตาผู้สมัคร สส. ของพรรค
  • พรรคเน้นการคัดเลือกผู้สมัครที่เป็น "เลือดแท้" ซึ่งมีอุดมการณ์ตรงกับพรรค เพื่อป้องกันปัญหา "งูเห่า" และผลักดันการเปลี่ยนแปลงประเทศ
  • มีการย้ายอดีต สส. เขตที่มีคดีความติดตัวไปลงสมัครในระบบบัญชีรายชื่อ เพื่อเป็นกลยุทธ์รักษจำนวนที่นั่งของพรรคในสภา

โค้งสุดท้าย นับถอยหลังอีกไม่ถึง 2 สัปดาห์ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) จะประกาศรับสมัครคนลง สส. ทั้งแบบเขต และบัญชีรายชื่อ พ่วงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 27-31 ธ.ค.2568 นี้ ก่อนที่จะถึงวันหย่อนบัตรอีกไม่ถึง 2 เดือนข้างหน้าคือ 8 ก.พ.2569 หากไม่มีอะไรผิดพลาด

ขณะที่พรรคสำคัญซึ่งถูกมองเป็นสมการจัดตั้งรัฐบาลสมัยหน้าอย่าง พรรคประชาชน (ปชน.) มีความเคลื่อนไหวอย่างมากในช่วงเวลานี้ โดยในวันที่ 17-18 ธ.ค.2568 ที่โรงแรมอวานา บางกอก โฮเทล ย่านบางนา พรรคจัดสัมมนา ว่าที่ผู้สมัคร สส.ทั้งแบบบัญชีรายชื่อ และแบบแบ่งเขตจากทั่วประเทศ

ในส่วนว่าที่ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ มีการแจ้งว่าที่ผู้สมัครทั้งตัวจริงและสำรองจำนวน 120 คนเข้าร่วมสัมมนา ขณะนี้ยังไม่ได้มีการจัดเรียงลำดับว่าที่ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อว่าใครอยู่ในลำดับใด ก่อนหน้านี้มีผู้เข้ารับกันคัดสรรเป็นว่าที่ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ กว่า 1,500 คน ต้องผ่านการอบรมหลักสูตรของพรรค และการสัมภาษณ์จากคณะกรรมการอย่างเข้มข้นจนเหลือ 120 คนดังกล่าว

โดยในการสัมมนาทั้ง 2 วันดังกล่าวมี “ระดับนำ” ในพรรค “ติวเข้ม” ว่าที่ผู้สมัคร สส.อย่างเข้มข้น นำโดย “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้าพรรค และ “ศรายุทธิ์ ใจหลัก” เลขาธิการพรรค รวมถึงฝ่ายกฎหมาย ชี้แจงเอกสารตามกฎหมายของผู้สมัครรับเลือกตั้ง มีการบรรยายหลายหลักสูตร โดยเฉพาะการจัดตั้ง“รัฐบาลพรรคเดียว” เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ตาม“ธงนำ”ของ ปชน.

ไล่เรียงบรรดาผู้สมัคร สส.แบบแบ่งเขตของพรรค มีจำนวนครบทั้ง 400 เขตแล้ว เหลือแค่บางเขตเคาะอย่างเป็นทางการ เช่น ชัยนาท เขต 2 ปราจีนบุรี เขต 1 และพะเยา เขต 1 ซึ่งถือเป็นพื้นที่สำคัญที่น่าจับตา เพราะเป็นฐานเสียงเดิมของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.เกษตรสหกรณ์ ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม

ที่น่าสนใจมีบางพื้นที่ใช้ “บ้านใหญ่” มาลงสมัคร สส.ด้วย เช่น ธนวัช ภูเก้าล้วน “บ้านใหญ่กระบี่” มาลง สส.กระบี่ เขต 1 นัฏฐิกา โล่วีระ “บ้านใหญ่ชัยภูมิ” มาลง สส.ชัยภูมิ เขต 1 และ อธิรัฐ รัตนเศรษฐ “บ้านใหญ่โคราช” มาลง สส.นครราชสีมา เขต 7 เป็นต้น

ขณะเดียวกันมีบุคคลสาธารณะ-นักวิชาการชื่อดังมาสมัคร สส.ด้วย เช่น นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ประธานชมรมแพทย์ชนบท ที่ลาออกจากราชการ มาลงสมัคร สส.สงขลา เขต 2 ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ชื่อดัง อดีต “กลุ่มแคร์” ที่ทิ้งพรรคเพื่อไทย มาล่มหัวจมท้ายลงสมัคร สส.กทม. กับ ปชน. เป็นต้น

ที่น่าสนใจมีการโยกย้าย สส.แบบแบ่งเขตหลายคน ที่ต้องเผชิญสารพัดคดีทั้ง กรณีการร่วมลงชื่อเสนอแก้ไขร่างกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งติดบ่วงอยู่ในชั้นการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จำนวน 25 คนในสังกัด ปชน. (44 คนในสังกัดอดีตพรรคก้าวไกล) ในจำนวนนี้มีอดีต สส.เขต 8 คน และยังมีอดีต สส.ที่เผชิญคดีในชั้นศาล ไม่ว่าจะเป็นคดีเกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 คดีเกี่ยวกับการใช้ใบ สด.43 ปลอม เป็นต้น

โดยอดีต สส.เขตเหล่านี้ หลายคนถูกดันขึ้นเป็น สส.ปาร์ตี้ลิสต์ เพื่อฝ่าด่านคดีต่าง ๆ เหล่านี้ เพราะหากถึงที่สุดต้องถูกคำพิพากษาของศาล จะเลื่อนบุคคลอื่นขึ้นมาเป็น สส.ได้ต่อไป โดยไม่จำเป็นต้องลุ้นในการจัดเลือกตั้งใหม่ ทำให้จำนวน สส.ในสภาฯของพรรค มีจำนวนเท่าเดิม

สำหรับ สส.เขตที่ต้องคดี และถูกดันขึ้นปาร์ตี้ลิสต์ ซึ่งพรรควางตัวผู้สมัคร สส.เขตแทนแล้ว เช่น น.ส.รักชนก ศรีนอก อดีต สส.กทม. นายปิยรัฐ จงเทพ อดีต สส.กทม. เป็นต้น

อย่างไรก็ดีมี สส.ปาร์ตี้ลิสต์ บางคนอาจไม่ประสงค์ลงสมัครเป็น สส.ต่อ เนื่องจากถูกวางตัวนั่งเก้าอี้ “รัฐมนตรี” โดยพรรคเตรียมจะเปิดตัว “ทีมฝ่ายบริหาร” ในรัฐบาลชุดใหม่แก่ประชาชนอีกไม่นานนี้ เช่น วิโรจน์ ลักขณาอดิศร อดีต สส.บัญชีรายชื่อ เป็นต้น

ล่าสุด วันนี้ (18 ธ.ค.) ปชน.เปิดรายชื่อผู้ประสงค์ลงสมัคร สส.บัญชีรายชื่อ เลือกตั้งทั่วไป 2569 เรียงตามตัวอักษร โดยมีรายชื่อนักการเมืองหน้าเดิม เช่น นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค กรุณพล เทียนสุวรรณ รองโฆษกพรรค กิตติชัย เตชะกุลวณิชย์ รองหัวหน้าพรรค

พริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรค รังสิมันต์ โรม แกนนำพรรค เซีย จำปาทอง ปีกแรงงาน ชุติมา คชพันธ์ เหรัญญิกพรรค ณัฐวุฒิ บัวประทุม แกนนำพรรค นิติพล ผิวเหมาะ รอมฎอน ปันจอร์ วาโย อัศวรุ่งเรือง สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สิทธิพล วิบูลย์ธนากุล และยังมีชื่อนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ที่วานนี้มีกระแสข่าวว่าจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง กลับมาเป็นลงเลือกตั้ง สส.บัญชีรายชื่อต่อ

ขณะเดียวกันได้ผลักดันอดีต สส.แบบแบ่งเขต ซึ่งมีคดีติดตัว ขึ้นมาเป็นผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ หลายคน เช่น น.ส.รักชนก ศรีนอก อดีต สส.กทม. นายปิยรัฐ จงเทพ อดีต สส.กทม. น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว อดีต สส.ปทุมธานี นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ อดีต สส.กทม. เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีผู้สมัครหน้าใหม่ที่น่าสนใจ เช่น นายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร แกนนำพรรค ที่เพิ่งถูกผลักดันเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรค นางทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ อดีต สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย "บ้านใหญ่เชียงใหม่" และนายโชติศักดิ์ อ่อนสูง อดีตนักเคลื่อนไหว นักกิจกรรมทางการเมือง ปรเมศวร์ ศิริรัตน์ อดีตผู้บริหารระดับสูงในกระทรวงศึกษาธิการ ทรงธรรม สุขสว่าง อดีตข้าราชการระดับสูง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์ุพืช คณิศร ขุริรัง อดีตผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี เทพพร จำปานวน นายกเทศมนตรีอาจสามารถ เป็นต้น

ยังมีคณะทำงานพรรค เช่น นายกิตติชัย เตชะกุลวณิชย์ ผู้อำนวยการเลือกตั้ง พรรคประชาชน นายกิตติศักดิ์ อารยะธำรงลักษณ์ หัวหน้าสำนักงานพรรคประชาชน สิงห์บุรี นาวาโท กิตติพงษ์ ปิยะวรรณโณ กมธ. การทหาร นายธีระ สุธีวรางกูร ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายพรรคประชาชน

ส่วนภาคเอกชน เช่น  คณาสิต พ่วงอำไพ ผู้ก่อตั้งกลุ่มนอนไบนารีประเทศไทย จริยา เสนพงศ์ หัวหน้างานรณรงค์เพื่อการเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน กรีนพีซ ประเทศไทย ถนัด ธรรมแก้ว หรือ "ภู กระดาษ" นักเขียน บูรพา เล็กล้วนงาม อดีต บก. สำนักข่าวอีสานเรคคอร์ด ณัฐยา บุญภักดี ผู้อำนวยการสำนักอาวุโส สํานักสนับสนุน สุขภาวะเด็ก เยาวชนและครอบครัว สสส. ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ผู้ก่อตั้ง และ CEO ตลาดดอตคอม ธีระชาติ ก่อตระกูล CEO ของ StockRadars วัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศ ไทย) จำกัด อรรถพล ศรีชิษนุวรานนท์ นักเคลื่อนไหวด้านประชาธิปไตยและการมีส่วนร่วมของคนพิการ อิสริยะ ไพรีพ่ายฤทธิ์ รองประธานฝ่ายนโยบายสาธารณะและรัฐกิจสัมพันธ์ LINE MAN Wongnai เป็นต้น

ขณะที่นายศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรค ปชน.คนปัจจุบัน มิได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.บัญชีรายชื่อ แต่อย่างใด

อ่านข่าว: เผยโฉม 100 ชื่อผู้สมัคร สส.ปาร์ตี้ลิสต์ ปชน. 'วิโรจน์' ลงต่อ

ทว่า เงื่อนปมที่น่าสนใจในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา คือการพูดถึง“กลุ่มโปลิตบูโร” ภายใน“พรรคส้ม”ที่กลับมามีบทบาทสำคัญในการโยกย้ายสับเปลี่ยนตัวผู้สมัคร สส.ของพรรค ทำให้อดีต สส.ปชน.บางคน แม้จะลงพื้นที่ ทำงานอย่างหนัก แต่ไม่มีบทบาทในสภาฯ หรือหน้าสื่อเท่าที่ควร ต้องถูกปรับออกไป สร้างความเจ็บช้ำให้กับหลายคน บางคน “ยอม” สนับสนุนพรรคต่อไป แต่หลายคนเลือก “ตีจาก” ไปสังกัดพรรคอื่น เพื่อโลดแล่นบนเส้นทางการเมืองตามวิถีของตัวเอง

มีอดีต สส.บางคนออกโรงแฉด้วยซ้ำว่า “เลขาธิการ ปชน.” หรือ “ติ่ง ศรายุทธิ์” หนึ่งใน “กลุ่มเพื่อนเอก” ผู้กุมอำนาจสูงสุดใน “ค่ายส้ม” ใช้สิทธิ์ “วีโต้” กรรมการบริหารพรรค ปชน. เพื่อคัดสรรตัวผู้สมัคร สส.ด้วยตัวเอง เบื้องต้นเรื่องนี้ยังไม่มีการชี้แจงข้อเท็จจริงจาก “ศรายุทธิ์” หรือผู้บริหารภายในพรรคแต่อย่างใด

ประเด็น“โปลิตบูโรส้ม” มีมานานแล้วตั้งแต่ยุค“อนาคตใหม่”จนมาถึง“ก้าวไกล” เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในพรรคล้วนเป็นทรัพย์สินของ“บางตระกูล”ที่เป็นผู้นำพรรค ไม่ว่าจะเป็นที่ทำการพรรคยุคแรก จนถึงปัจจุบัน หรือบางโรงแรมที่พรรคไปจัดสัมมนา หรืออบรมหลักสูตรต่างๆ ของพรรค เป็นต้น

ในการเลือกตั้ง 2 ครั้งที่ “พรรคส้ม” ลงสนามมา เกิดความขัดแย้งระดับ “แกนนำ” ในพรรคหลายครั้ง หากนับที่แตกหักรุนแรงที่สุดคือ เมื่อครั้งโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง สส.ปี 2566 ก่อนที่ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” บินไปพบ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯที่ฮ่องกง เพื่อขอดีลร่วมจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน ทว่า “นายใหญ่ดูไบ” เซย์ โน นำไปสู่การล่ม MOU “แดง-ส้ม” ก่อนไปทำ “ปฏิญญาช็อคมินต์” จัดตั้งรัฐบาลเอง

ช่วงเวลานั้น 2 ผู้นำในค่ายส้มได้แก่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค (ขณะนั้น) และปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ แกนนำมุ้งซ้ายจัดในพรรค เห็นต่างกันอย่างหนักในเรื่องการคัดตัวผู้สมัคร สส.ปาร์ตี้ลิสต์ จนกลายเป็น “สงครามเย็น” ภายในพรรค มีการสับเปลี่ยนจัดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.กันหลายครั้ง บานปลายมาปะทุกันผ่านหน้าฉากผ่านสื่อ จนสุดท้าย “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” เข้ามาเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยจนทั้ง 2 คนต้องยอม

ทว่า หลังจากนั้นหากสังเกตในงานพรรคส้มที่เผยแพร่สาธารณะ มักไม่ค่อยเห็น “ปิยบุตร” ไปปรากฏกายมากเท่าไหร่ นอกจากการจัดรายการผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียตัวเอง และในช่วงหลังที่ประกาศ “ยุติบทบาทการเมือง” ก็ไปจัดรายการตะลอนชิมอาหาร กระทั่งในการจัดกิจกรรม “ปิกนิก” ขอโทษประชาชนเมื่อ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา เพิ่งเห็น “ปิยบุตร” ปรากฏกายนั่งเคียงข้าง “พิธา” ท่ามกลางกลุ่ม “โปลิตบูโร” ในพรรค มาเล่าเบื้องหลัง MOA ระหว่าง “ส้ม-น้ำเงิน”

สะท้อนให้เห็นว่าการตัดสินใจสำคัญๆ ของพรรค ล้วนผ่านมันสมอง หรือกลุ่ม Think Thank ในพรรค ก่อนชงให้ “โปลิตบูโร” ในพรรค “เคาะ” เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบทิศทางของพรรค

ตัดภาพกลับมาล่าสุด แม้จะมีการเปิดเผย 6 อรหันต์ที่เป็นกรรมการบริหารพรรค ตัดสินใจคัดตัวผู้สมัคร สส.ปชน.รอบนี้ ได้แก่ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคด้านเศรษฐกิจ พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรค ศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรค ณัฐวุฒิ บัวประทุม นายทะเบียนพรรค และชุติมา คชพันธ์ เหรัญญิกพรรค ก็ตาม

แต่กลุ่มบุคคลที่ตัดสินใจสุดท้ายคือ “กลุ่มเพื่อนเอก” แน่นอนว่ามีชื่อของ “ศรายุทธิ์” ที่เป็นเลขาธิการพรรค นั่งในวงประชุมอยู่ด้วย 

ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เขาจะใช้สิทธิ์ “วีโต้” ตีตกว่าที่ผู้สมัครบางคนไป เพราะอาจไม่ใช่โควตา “กลุ่มเพื่อนเอก” แม้ว่าผู้ประสงค์ลงสมัคร สส.คนดังกล่าว จะทำพื้นที่มาโดยตลอด แต่อาจ “ไม่ตอบโจทย์” การเมือง “อุดมคติ” ของพรรค สะท้อนถึงภาพลักษณ์ “แบ่งชนชั้น” ภายในพรรคที่ปะทุขึ้นจากอดีต สส.อนาคตใหม่-ก้าวไกล เมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้านี้

ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองปัจจุบันที่กำลัง “หันขวา” การเฟ้นหา “เลือดแท้สีส้ม” มาลงสมัคร สส.ป้องกัน “งูเห่า” และพุ่งเป้าทำงานหนักเพื่อหวัง “ปักธง” ตั้งรัฐบาลพรรคเดียวให้ได้ โดยทิ้งอดีต สส.บางคน ซึ่งมีลักษณะ “บ้าน ๆ” ไปงานศพ งานรื่นเริง ช่วยชาวบ้านในพื้นที่ มากกว่าการอภิปรายในสภาฯ เพื่อรื้อสร้างเปลี่ยนแปลงประเทศ

จะนำพาให้“ก๊กส้ม”พุ่งทะยานกวาด สส.เกิน 250 เสียงตามเป้าที่“ธนาธร-กลุ่มเพื่อนเอก”หวังไว้ หรือสุดท้ายจะกลายเป็น“จุดเสี่ยง”ทำให้พรรคเสียฐานคะแนนนิยมจาก“ชาวบ้าน”ลง ต้องรอวัดฝีมือในการเลือกตั้งครั้งถัดไป