ป.ป.ช.ชง ครม. 3 มาตรการ ป้องทุจริต โครงการอาหารกลางวันเด็ก นร.

ป.ป.ช.ชงถึง ครม. คลอดมาตรการป้องกันความเสี่ยงทุจริต 'โครงการอาหารกลางวันนักเรียน' เผย 3 วิธีเข้มจัดซื้อจัดจ้าง-บูรณาการความรู้ความเข้าใจ-ตรวจสอบกำกับติดตาม
KEY
POINTS
- ป.ป.ช. เสนอมาตรการแก้ปัญหาทุจริตในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง โดยให้เพิ่มความโปร่งใส เปิดให้ผู้ปกครองและชุมชนร่วมตรวจสอบ และจัดทำคู่มือการดำเนินงานที่เป็นมาตรฐานกลาง
- เสนอให้พัฒนาศักยภาพผู้ปฏิบัติงาน โดยจัดอบรมการจัดซื้อจัดจ้างและการใช้ระบบ Thai School Lunch อย่างต่อเนื่อง เพื่อลดข้อผิดพลาดจากการขาดความรู้ความเข้าใจ
- เสนอให้เพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบและติดตามโครงการ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลอย่างเคร่งครัด บูรณาการการทำงาน และนำผู้เชี่ยวชาญเข้าร่วมตรวจสอบ
เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2568 นายสุรพงษ์ อินทรถาวร รองเลขาธิการฯ รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบให้เสนอมาตรการเพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อการทุจริตในการดำเนินโครงการอาหารกลางวันนักเรียนต่อคณะรัฐมนตรี ตามมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561
สืบเนื่องจากโครงการอาหารกลางวันนักเรียนเป็นโครงการของรัฐที่มีวัตถุประสงค์ให้นักเรียนได้รับอาหารที่มีคุณภาพและครบถ้วนตามหลักโภชนาการ แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมากลับพบปัญหาเกี่ยวกับการทุจริตและการดำเนินโครงการที่ไม่เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง อาทิ นักเรียนไม่ได้รับอาหารกลางวันที่เหมาะสม ไม่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ รวมทั้งมีการทุจริตเงินในโครงการอาหารกลางวัน
สำนักงาน ป.ป.ช. เห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าวจึงดำเนินการศึกษาเพื่อกำหนดมาตรการในการป้องกันการทุจริตในการดำเนินโครงการอาหารกลางวันนักเรียน จากการศึกษาพบประเด็นความเสี่ยงต่อการทุจริต และเห็นควรมีมาตรการเพื่อป้องกันการทุจริตในการดำเนินโครงการอาหารกลางวันนักเรียน ใน 3 ประเด็น ดังต่อไปนี้
1. ประเด็นการทุจริตในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง จากการศึกษาพบว่า กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างในโครงการอาหารกลางวันนักเรียนยังเผชิญปัญหาการทุจริตหลายรูปแบบ ได้แก่ การใช้จ่ายงบประมาณไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ การจัดทำเอกสารการจัดซื้อจัดจ้างเป็นเท็จ การคัดเลือกผู้รับจ้างที่มีความเกี่ยวข้องโดยมิได้ดำเนินการตามระเบียบราชการ รวมถึงกรณีผู้บริหารและเจ้าหน้าที่บางแห่งเบียดบังเงินโครงการไปใช้ประโยชน์ส่วนตน และการอนุญาตให้ผู้รับจ้างใช้ทรัพยากรของโรงเรียน อาทิ ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าบำรุงสถานที่โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายอย่างเหมาะสม ปัญหาดังกล่าวสะท้อนให้เห็นช่องว่างสำคัญในการบริหารงบประมาณและความเสี่ยงต่อการทุจริต
จึงมีข้อเสนอแนะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการอาหารกลางวัน ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ดำเนินการตามระเบียบที่เกี่ยวข้องและแนวทางการดำเนินโครงการอาหารกลางวันอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ควรมีการเปิดโอกาสให้ผู้ปกครองและชุมชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบคุณภาพอาหาร และกระบวนการดำเนินงาน และควรจัดให้มีช่องทางร้องเรียนที่เข้าถึงง่าย สถานศึกษาควรเผยแพร่เมนูและรูปถ่ายอาหารประจำวันผ่านสื่อออนไลน์ เพื่อเพิ่มความโปร่งใส
พร้อมกันนี้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และกรมบัญชีกลาง ควรร่วมกันจัดทำคู่มือการดำเนินงานที่เป็นมาตรฐานกลางสำหรับการบริหารโครงการอาหารกลางวันที่ครอบคลุมทุกขั้นตอน และกำหนดหลักเกณฑ์ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างชัดเจน เพื่อให้ การดำเนินงานเป็นระบบ โปร่งใส และลดความเสี่ยงต่อการทุจริตอย่างยั่งยืน
2. ประเด็นการขาดความรู้ความเข้าใจของผู้ปฏิบัติงาน จากการศึกษาพบว่า โรงเรียนจำนวนมากโดยเฉพาะโรงเรียนขนาดเล็กที่มีบุคลากรจำกัด ยังขาดความรู้และความเข้าใจที่จำเป็นต่อการบริหารโครงการอาหารกลางวันและกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ส่งผลให้ในหลายกรณีเกิดข้อผิดพลาด หรือการปฏิบัติไม่เป็นไปตามระเบียบโดยไม่ได้มีเจตนาทุจริต นอกจากนี้ บริบทพื้นที่ที่มีความแตกต่างกัน ยังเป็นปัจจัยสำคัญ เช่น โรงเรียนในพื้นที่ห่างไกลจำเป็นต้องจัดซื้อวัตถุดิบในราคาสูงกว่าปกติ หรือมีข้อจำกัดจากผู้จำหน่ายซึ่งมักเป็นร้านค้าขนาดเล็กไม่สามารถออกใบเสร็จรับเงินได้ รวมทั้งโรงเรียนบางแห่งประสบปัญหาการขาดแคลนผู้รับจ้างประกอบอาหาร สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้การดำเนินโครงการอาหารกลางวันมีความยากและซับซ้อนยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังพบปัญหาการใช้งานระบบ Thai School Lunch ของเจ้าหน้าที่ ทำให้ไม่สามารถวางแผนเมนูอาหารตามหลักโภชนาการได้ครบถ้วนและต่อเนื่อง
จึงมีข้อเสนอแนะให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกรมบัญชีกลาง และศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ควรเร่งพัฒนาศักยภาพและทักษะของผู้ปฏิบัติงาน โดยร่วมกันกำหนดหลักสูตรการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่องให้มีเนื้อหาครอบคลุมการดำเนินโครงการฯ ทั้งด้านการจัดซื้อจัดจ้าง และการใช้งานระบบ Thai School Lunch พร้อมทั้งมีการประเมินผลและปรับปรุงหลักสูตรการฝึกอบรมให้เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง และควรพิจารณาจัดทำสื่อการเรียนรู้ในรูปแบบ E-Learning เพื่อให้บุคลากรสามารถศึกษาได้ทุกเวลา และพิจารณาจัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษา (Helpdesk) เพื่อให้คำแนะนำกับเจ้าหน้าที่ เป็นการสนับสนุนการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และสอดคล้องกับระเบียบที่เกี่ยวข้อง
3. ประเด็นในการตรวจสอบกำกับติดตามโครงการ จากการศึกษาพบว่าในลงพื้นที่ตรวจสอบ กำกับ ติดตาม โครงการอาหารกลางวันนักเรียนยังพบข้อจำกัดหลายประการ อาทิ ขาดการบูรณาการในการ ลงพื้นที่ตรวจสอบ ขาดความต่อเนื่อง ขาดผู้ตรวจสอบที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่จะให้คำแนะนำที่ถูกต้อง ส่งผลให้เจ้าหน้าที่หลายคนยังทำผิดระเบียบอยู่
จึงมีข้อเสนอแนะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย และ กระทรวงศึกษาธิการ กำกับ ดูแล หน่วยงานในสังกัดทุกระดับให้ดำเนินการตรวจสอบ กำกับ และติดตามโครงการอาหารกลางวันอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งบูรณาการการทำงานระหว่างส่วนกลางและพื้นที่ โดยเห็นควรให้ประสานผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดซื้อจัดจ้างเข้าร่วมตรวจสอบ และควรจัดทำระบบรายงานผลการดำเนินงาน ปัญหา และอุปสรรคอย่างต่อเนื่องเพื่อนำไปปรับปรุงการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ มาตรการเพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อการทุจริตในการดำเนินโครงการอาหารกลางวันนักเรียนข้างต้น จะได้นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปเป็นแนวทาง ในการป้องกันการทุจริตต่อไป







