ผู้นำใหม่ เรือธงใหญ่ บทพิสูจน์ ยกเครื่องประเทศไทย เพื่อไทย ทำได้?

นโยบายเบื้องต้นของเพื่อไทย ที่จะใช้หาเสียงสู้ศึกเลือกตั้ง 2569 ที่ยังมี “นโยบายเรือธง” เป็นเป็นหมัดเด็ดในการปั่น “กระแสสีแดง” โค้งสุดท้าย
KEY
POINTS
- พรรคเพื่อไทยเปิดตัวแคมเปญ "ยกเครื่องประเทศไทย" พร้อมประกาศรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 3 คน คือ ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์, จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
- การเลือกตั้งปี 2569 จะเป็นบทพิสูจน์ครั้งสำคัญของพรรคเพื่อไทย ว่าจะสามารถผลักดันนโยบายหาเสียงให้สำเร็จได้หรือไม่ หลังจากนโยบายเรือธงชุดก่อนหน้าประสบอุปสรรค
- เพื่อไทยเตรียมชูนโยบายที่ประชาชนจับต้องได้เป็นนโยบายเรือธงใหม่ เช่น รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย, หวยเกษียณ และต่อยอด 30 บาทรักษาทุกที่
พรรคเพื่อไทยโหมโรงเลือกตั้ง คิกออฟวันนี้ โชว์แคมเปญ “ยกเครื่องประเทศไทย เพื่อไทยทำได้” โดยมีไฮไลต์เปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ครบทั้ง 3 คน
“ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์” หลานทักษิณ ชินวัตร ลูกชายเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ดร.เชน ยศชนัน ถือเป็นรุ่นใหม่เพื่อไทย แม้จะเป็นนักวิชาการ ก็เคยลงสนามการเมืองเชียงใหม่มาแล้ว
อีก 2 คน แน่นอนว่า คือหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ นักการเมืองรุ่นกลาง ที่มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์เป็นรัฐมนตรี
ขณะที่อีกราย อาจไม่ใช่ความตั้งใจของพรรค เพราะการทาบทามมือเศรษฐกิจคนนอกในเวลานี้ เป็นเรื่องที่ยากยิ่ง หลายรายปฏิเสธที่จะเข้าสู่การเมืองในเวลานี้ ทำให้มีชื่อ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง และหัวจ่ายสำคัญของพรรค ซึ่งนั่งตำแหน่งผู้อำนวยการเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย ต้องเข้ามาอยู่ 1 ใน 3 แคนดิเดตนายกฯ
โดยผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ทั้ง 3 คน จะแสดงวิสัยทัศน์ และเปิดนโยบายล็อตแรก ของเพื่อไทยในงานวันนี้
ขณะเดียวกัน งานวันนี้ ยังเป็นการเช็ค“ขุมกำลัง” ค่ายสีแดงครั้งสุดท้าย หากใครไม่ปรากฏตัว ชื่อจะถูกตีตกทันที ไม่ส่งลงสมัคร สส. เพื่อเปิดทางให้ “คนมีใจ” ลงสู้ศึกแทน
นอกจากแคนดิเดตนายกฯ 3 รายชื่อแล้ว ประเด็นสำคัญไม่แพ้กันคือ“นโยบายเรือธง” ที่จะรณรงค์ในศึกเลือกตั้ง 69 เพื่อไทยประเมินว่า ความคาดหวังของประชาชนต่อพรรค คือ เรื่องนโยบายเศรษฐกิจ ที่เคยเป็นจุดขายที่โดดเด่น ดังนั้น จึงให้ความสำคัญกับเรื่องนโยบายอย่างมาก
แคมเปญครั้งนี้ จึงปูพื้นให้เห็นถึงนโยบายต่างๆ ในขณะที่เป็นแกนนำรัฐบาล ให้เห็นถึงความสำเร็จที่เพื่อไทยทำไว้ และต้องสานต่อในส่วนที่ยังไปไม่ถึงเป้าหมาย
ต้องยอมรับว่า 2 ปีกว่าของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ต่อเนื่องรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร นโยบายที่เพื่อไทยหาเสียงในช่วงการเลือกตั้งปี 2566 ไม่สามารถผลิดอกออกผลได้เต็มที่ เพราะมีอุปสรรคจากการเมือง และกลไกราชการ
โดยเฉพาะ “นโยบายเรือธง” แจกหมื่นดิจิทัลวอลเลต มีปัญหาเกี่ยวกับการใช้งบประมาณ “เอ็นเทอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์”โดนขัดขวางเรื่องปมกาสิโน “โครงการแลนด์บริดจ์”กฎหมายขับเคลื่อนลำบาก
เมื่อ “เพื่อไทย”ไม่สามารถดำเนินนโยบายหาเสียงให้บรรลุเป้าหมายได้ ทำให้เกิดคำถามจาก“แฟนคลับค่ายแดง” ว่า จุดแข็งของ “ชินวัตร-เพื่อไทย” ในวันเก่าก่อน มาวันนี้จะทำตามสัญญาได้หรือไม่
ดังนั้น ศึกเลือกตั้งปี 2569 จะเป็นบทพิสูจน์ของ “เพื่อไทย” อีกครั้ง ว่าจะสามารถผลักดันนโยบายตามที่ประกาศเอาไว้หรือไม่ หากได้เข้าไปมีอำนาจบริหารประเทศ
อย่างไรก็ตามบทเรียนจาก “รัฐบาลเศรษฐา - แพทองธาร” ระหว่างปี 2566-2568 จะถูกนำมาปรับใช้กับนโยบายในศึกเลือกตั้งปี 2569 โดยนโยบายเข็นครกขึ้นภูเขา ที่ต้องใช้กำลังภายในค่อนข้างเยอะ อาจจะถูกพับเก็บไว้ในลิ้นชัก หลายนโยบายจะเน้นที่ “ประชาชน”สามารถจับต้องได้
เบื้องต้นในศึกเลือกตั้ง 69 นี้ เพื่อไทยพร้อมลุยต่อนโยบาย “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” ด้วยฐานคิดที่ว่าระบบขนส่งมวลชนที่ทุกคนต้องเข้าถึง ราคาเป็นธรรม ต้องไม่เกิน 15% ของค่าแรงขั้นต่ำต่อวัน วางเป้าลดการจราจรติดหนักในกรุงเทพฯ อีกทั้งการใช้รถยนต์ส่วนตัวจำนวนมาก ทำให้เกิดมลพิษ เกิดฝุ่น PM 2.5 จากการปล่อยไอเสีย ในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
โดยในช่วงรัฐบาลเพื่อไทย ได้พยายามผลักดันออกกฎหมาย พ.ร.บ.ระบบขนส่งทางราง พ.ร.บ.ตั๋วร่วม และแก้กฎหมาย พ.ร.บ.รฟม. แต่เมื่อเปลี่ยนขั้ว ทำให้นโยบายนี้ถูกพับไป
นโยบาย “ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์” อย่างเป็นรูปธรรม โดยโชว์ผลงาน “รัฐบาลเพื่อไทย” สามารถสร้างระบบป้องกันภัยออนไลน์แบบครบวงจร ตั้ง “ศูนย์ประสานงานกลาง” ทำหน้าที่รับแจ้งเหตุ สั่งระงับธุรกรรม ประสานข้อมูล และดำเนินคดีไซเบอร์อย่างเป็นระบบ
โดยสามารถระงับบัญชีม้าได้กว่า 6 แสนรายการ ออกหมาย Bank Case ID ให้ผู้เสียหายกว่า 3.6 แสนราย และให้บริการสายด่วน AOC 1441 มากกว่า 1.6 ล้านสาย อีกทั้งยังร่วมปราบสแกมเมอร์ข้ามพรมแดน
นโยบาย “หวยเกษียณ” ซึ่งดำเนินการค้างไว้เอาไว้ โดยวันที่ 16 ก.ค. 2567 ครม. มีมติเห็นชอบในหลักการ พร้อมกำหนดกรอบราคาใบละ 50 บาท ซื้อได้สูงสุด 3,000 บาทต่อเดือน และรางวัลที่ 1 มูลค่า 1 ล้านบาท ก่อนที่จะฝ่าด่านกฎหมาย ผ่าน พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ
ล่าสุดปลายเดือน พ.ย. “กอช.” อยู่ระหว่างการทดสอบระบบแอปฯ เพื่อรองรับยอดซื้อจำนวนมาก เป้าหมายคือเปิดจำหน่ายงวดแรกช่วงรอยต่อปี 2568-2569 ทำให้ “เพื่อไทย” คาดหวังว่าจะมาสานต่อความสำเร็จ
แก้ปัญหา น้ำท่วม-ดินถล่ม โดยเฉพาะการแจ้งเตือนผ่านระบบ Cell Broadcast ซึ่งวางรากฐานเอาไว้ในช่วง “รัฐบาลแพทองธาร” เป็นพิสูจน์ว่าภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี ระบบเตือนภัย Cell Broadcast ถูกพัฒนาจนนำมาใช้จริง
“30 บาทรักษาทุกที่” ซึ่งถูกต่อยอดจาก “30 บาทรักษาทุกโรค” โดยการอัพเกรดเงื่อนไขเปิดทางให้ประชาชนใช้สิทธิบัตรทองได้ทุกที่ โดยไม่ต้องกลับไปโรงพยาบาลประจำสิทธิเดิม โดยจะมีการเพิ่มสิทธิบัตรทองบริการสุขภาพจิตครบวงจร เข้าปรึกษาได้ที่โรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลได้ทั่วประเทศ ไม่ต้องเดินทางกลับโรงพยาบามตามสิทธิเดิม
“ยกระดับวงการเกม” เนื่องจากอุตสาหกรรมเกมไทยมีมูลค่าสูงกว่า 30,000 ล้านบาท จึงเป็นโอกาสที่จะต่อยอดพัฒนาวงการเกม
นโยบายเบื้องต้นของเพื่อไทย ที่จะใช้หาเสียงสู้ศึกเลือกตั้ง 2569 ที่ยังมี “นโยบายเรือธง” เป็นเป็นหมัดเด็ดในการปั่น “กระแสสีแดง” โค้งสุดท้าย







