เช็ก 13 แนวรบ ทหารกัมพูชาวิกฤติ ขาดเสบียง-อาวุธ 'ผบ.หน่วย' ดับ ปราสาทตาควาย

เช็ก 13 แนวรบ ทหารกัมพูชาวิกฤติ  ขาดเสบียง-อาวุธ  'ผบ.หน่วย' ดับ ปราสาทตาควาย

ทภ.2 เปิดข้อมูล ทหารกัมพูชาวิกฤติหนัก เสียขวัญ แนวหน้าขาดเสบียง-อาวุธ ผบ.หน่วย ดับที่ ปราสาทตาควาย ปรับยุทธวิธี ยอมแลก ระดมโดรนพลีชีพ และ BM-21 ยิงแล้วย้าย

เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.68 กองทัพภาคที่ 2 รายงาน สถานการณ์สู้รบ ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 14 ธ.ค.ถึงปัจจุบัน ใน 17 พื้นที่ ประกอบด้วย 

พื้นที่ช่องบก สถานการณ์ตึงเครียดสูง มีการปะทะด้วยอาวุธหนักเป็นระยะ ทหารกัมพูชา พยายามรักษาที่มั่นบนเนินสำคัญ และเตรียมรับมือการถูกปิดล้อม โดยเร่งกักตุนเสบียง และกระสุนในแนวหน้า สิ่งบอกเหตุชี้ชัดถึงความกังวลต่อการถูกตัดเส้นทางส่งกำลังบำรุง หนทางปฏิบัติหลักคือ การตั้งรับในที่มั่นแข็งแรงเพื่อถ่วงเวลา และใช้การยิงสนับสนุนเมื่อฝ่ายไทยเข้าใกล้

พื้นที่ช่องอานม้า เป็นจุดปะทะรุนแรงที่สุด แนวรับชั้นแรกถูกเจาะทำลาย และสูญเสียอาวุธนำวิถี (GAM-102LR) ทหารกัมพูชา ประสบวิกฤตด้านขวัญกำลังใจ และเสบียง จึงตอบโต้ด้วยการระดมยิง BM-21 แบบปูพรมใส่พื้นที่ส่วนหลังของไทยเพื่อหยุดยั้งการรุก คาดว่าจะร่นถอยไปตั้งรับในแนวลาดด้านหลัง และใช้การยิงฉากป้องกันขั้นสุดท้ายเพื่อคุ้มครองฐานยิงปืนใหญ่

พื้นที่สัตตะโสม - โดนตรวล - ซำแต พื้นที่นี้ทำหน้าที่เป็น "ฐานยิงและศูนย์กลางโดรน"  พบการรวมศูนย์โดรนเพื่อชี้เป้า และสนับสนุนพื้นที่ข้างเคียง ทหารกัมพูชา ใช้ยุทธวิธี "ยิงแล้วย้าย" ของฐานยิง BM-21 เพื่อหลบหลีกการยิงสวนกลับ โดยอาศัยภูมิประเทศป่าทึบในการซ่อนพราง

พื้นที่ห้วยตามาเรีย สถานการณ์วิกฤต ทหารกัมพูชา มีคำสั่งทำลายพื้นที่สัญลักษณ์ และเสริมความแข็งแรงบังเกอร์ ทางยุทธวิธีเน้นการยิงรบกวน และทำลายสิ่งปลูกสร้าง โดยจะตรึงกำลังบริเวณวัดแก้วฯ และใช้อำนาจการยิงจากพื้นที่ต่ำกดดันพื้นที่สูงของไทย

พื้นที่ภูมะเขือ ทหารกัมพูชา เสียเปรียบทางยุทธวิธีอย่างหนักจนไม่สามารถควบคุมพื้นที่ได้ จึงปรับแผนเป็น "การปฏิเสธพื้นที่" โดยใช้ BM-21 ยิงประณีตใส่ยอดเขาแบบต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าฝ่ายไทยจะไม่สามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ดังกล่าวได้ แม้จะต้องถอนกำลังภาคพื้นดินออกไป

พื้นที่พลาญหินแปดก้อน ปรับเปลี่ยนรูปแบบการรบเป็นการใช้โดรน FPV (Kamikaze) และชุดล่าทำลายรถถัง ทดแทนกำลังพลที่ขาดแคลนกระสุน 12.7 มม. หนทางปฏิบัติคือ การรบแบบกองโจร จัดชุดเล็กคล่องตัว ลักลอบโจมตีแนวหลัง และยานเกราะของไทย

พื้นที่ช่องจอม - ช่องระยี - ปลดต่าง มีการเพิ่มเติมกำลังพลใหม่ประมาณ 300 นาย พร้อมมาตรการวินัยการสื่อสาร และพรางไฟที่เคร่งครัด บ่งชี้ถึงการเตรียมการตีโต้ตอบ หรือจัดเป็นกองหนุน ปัญหาพลังงานสื่อสารทำให้ต้องร้องขอแบตเตอรี่เพิ่ม พร้อมปล่อยข่าวลวงเรื่องการถอนตัวของไทยเพื่อรักษาขวัญทหาร

พื้นที่ช่องคนา ยานเกราะไทยสร้างแรงกดดันอย่างหนักจน ทหารกัมพูชาต้องร้องขอการยิงปืนใหญ่แบบใกล้ฝ่ายเดียวกัน เพื่อสกัดกั้น คาดว่าหากต้านทานไม่ได้จะถอนตัวไปยังภูมิประเทศที่ยากต่อการเข้าถึงของรถถัง

พื้นที่ตาควาย - เนิน 350 การรบประชิดรุนแรงจนเสีย ผบ.หน่วยทหารกัมพูชา ใช้ยุทธวิธี "ยอมแลก" โดยระดมยิง FPV และ BM-21 เข้าใส่พื้นที่สังหารรวมถึงพื้นที่ตนเองหากจำเป็น เพื่อยื้อแย่งพื้นที่สัญลักษณ์ และหยุดการเข้าตีของไทย

พื้นที่เนิน 225 ตกอยู่ภายใต้อำนาจการยิงและการครองอากาศของโดรนไทยโดยสมบูรณ์ทหารกัมพูชา สั่งระงับความเคลื่อนไหว และเข้าที่กำบัง 100% เป้าหมายหลักคือ การอยู่รอด  เพื่อรอจังหวะตอบโต้หรือเคลื่อนย้ายเมื่อการยิงปูพรมสิ้นสุดลง

พื้นที่ช่องกร่าง ปะทะด้วยรถถังอย่างต่อเนื่อง มีการลดจำนวนพลประจำรถเพื่อลดความสูญเสีย ใช้รถถังเป็นป้อมปืนเคลื่อนที่ในยุทธวิธีรบหน่วงเวลา อาศัยภูมิประเทศ ยิงแล้วถอยเพื่อรักษากำลังรบ

พื้นที่ตาเมือน ระบบควบคุมบังคับบัญชาของฝ่าย กัมพูชาถูกฝ่ายเรา รบกวน และดักฟัง ทำให้เกิดความระแวง และต้องเปลี่ยนรหัสวิทยุบ่อยครั้ง รวมถึงปัญหาขาดแคลนพลังงาน จึงหันมาใช้พลนำสาร และลดการใช้วิทยุ โดยหน่วยระดับล่างจะปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุอัตโนมัติเมื่อขาดการติดต่อ

พื้นที่สายตะกู ทหารกัมพูชา ระวังป้องกันสูงโดยใช้โดรนลาดตระเวนหนาแน่น และวางกำลังรถถัง ซุ่มรอในภูมิประเทศที่ได้เปรียบ เพราะกังวลการเปิดแนวรุกใหม่ของไทย หนทางปฏิบัติคือ การเตรียมพื้นที่สังหาร เพื่อทำลายฝ่ายเรา

สรุปการปฏิบัติต่อข้าศึก ตั้งแต่ วันที่ 8 ธ.ค. - 14 ธ.ค.68 ไทยได้ทำลายฐานปฏิบัติการทางทหาร คลังน้ำมัน/กระสุน และอื่นๆ บกควบคุม 11 ที่, ฐานทหาร 14 ที่, อาคารที่พัก 5 ที่, หลุมเครื่องยิงลูกระเบิด 6 หลุม, ฐานที่ตั้งปืนใหญ่ 2 ที่, คลังกระสุน 3 ที่, คลังน้ำมัน 1 ที่, ฐานที่ตั้งสแกมเมอร์/ฐานจุดปล่อยโดรนโจมตีทางทหาร 2 ที่ และ บังเกอร์ 10 ที่ รวม 54 ที่

ทำลาย รถถัง 12 คัน, โดรน 171 ลำ, BM-21 1 คัน, เสาแอนตี้โดรน 4 ต้น, ปตอ. 4 กระบอก, ระบบควบคุมแอนตี้โดรน 1 ชุด, รถบรรทุก 7 คัน, เสาสัญญาณ 1 ต้น, ปืนใหญ่ 1 กระบอก, ปืนครก 6 กระบอก และทหารกัมพูชาเสียชีวิต 205 ราย

 กองทัพภาคที่ 2 ขอยืนยันว่า ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และดำเนินการปกป้องอธิปไตย และความปลอดภัยของประชาชนอย่างเต็มขีดความสามารถ พร้อมขอให้พี่น้องประชาชนติดตามข้อมูลจากทางราชการ และเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงต่อไป

เช็ก 13 แนวรบ ทหารกัมพูชาวิกฤติ  ขาดเสบียง-อาวุธ  'ผบ.หน่วย' ดับ ปราสาทตาควาย เช็ก 13 แนวรบ ทหารกัมพูชาวิกฤติ  ขาดเสบียง-อาวุธ  'ผบ.หน่วย' ดับ ปราสาทตาควาย