‘เนชั่น กรุ๊ป’ กางยุทธศาสตร์รับเลือกตั้ง 69 จุดเปลี่ยนประเทศไทย

‘เนชั่น กรุ๊ป’ ร่วมภาคี เปิดยุทธศาสตร์เลือกตั้ง Nation Election 2569 ‘ฉาย’ ชี้เป็นจุดเปลี่ยนประเทศไทย รณรงค์ประชาชนออกไปใช้สิทธิ สื่อคอยจับตา - ตรวจสอบ - วิเคราะห์เข้มข้น
KEY
POINTS
- ฉาย บุนนาค นำทัพ เนชั่น กรุ๊ป ประกาศยุทธศาสตร์ "Nation Election 2569 จุดเปลี่ยนประเทศไทย" เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งครั้งสำคัญในปี 2569
- ชูแคมเปญหลัก "Clean Election" รณรงค์ให้การเมืองมีความโปร่งใส รับผิดชอบ และสามารถตรวจสอบได้
- ทำหน้าที่สื่อในการนำเสนอข้อมูลที่เป็นจริง ตรวจสอบการเลือกตั้ง และกระตุ้นให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิให้มากที่สุดเพื่อเป็นจุดเปลี่ยนประเทศ
- ผนึกกำลังพันธมิตรจัดเวทีสัญจรทั่วประเทศ และปรับรูปแบบรายการ เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนประกอบการตัดสินใจ
เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.2568 “เนชั่น กรุ๊ป” แถลงข่าว Nation Election 2569 “จุดเปลี่ยนประเทศไทย” โดยเป็นการผนึกกำลังภาคีพันธมิตร กางยุทธศาสตร์รับศึกเลือกตั้งครั้งสำคัญ เพื่อสร้างจุดเปลี่ยนประเทศไทย ปักหมุด Clean Election "การเมืองโปร่งใส รับผิดชอบ ตรวจสอบได้" นำโดยคณะผู้บริหาร “เนชั่น กรุ๊ป” นายฉาย บุนนาค ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เนชั่น กรุ๊ป พร้อมด้วย นายสมชาย มีเสน รองประธานกรรมการบริหาร เนชั่น กรุ๊ป นายบากบั่น บุญเลิศ รองประธานกรรมการบริหาร เนชั่น กรุ๊ป นายวีระศักดิ์ พงศ์อักษร บรรณาธิการอำนวยการ เนชั่น กรุ๊ป
นายฉาย บุนนาค กล่าวว่า แน่นอนว่า ปี 2569 เป็นปีแห่งการเลือกตั้ง เริ่มตั้งแต่การเลือกตั้งใหญ่ คาดว่าในเดือนก.พ.2569 ต่อมาเป็นการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และตามมาด้วยการเลือกตั้งนายกฯ เมืองพัทยา และ อบต.ต่างๆ การเลือกตั้งถือเป็นหัวใจ และสัญลักษณ์สำคัญของระบอบประชาธิปไตย เป็นกระบวนการให้พี่น้องประชาชนไปใช้สิทธิของตนเอง กำหนดทิศทางประเทศ เราควรจะทำได้อย่างเสรี และเท่าเทียมกัน อำนาจอธิปไตยไม่ใช่อยู่ที่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่อยู่ในมือของพวกเราทุกคน
นายฉาย กล่าวอีกว่า เครือเนชั่น กรุ๊ป อยู่เคียงข้างสังคมไทยมา 55 ปี การทำหน้าที่ของพวกเรา เราอยากทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง นำพาข้อมูลสาระ เป็นประโยชน์ ออกสู่ประชาชน อยู่เคียงข้างพี่น้องประชาชนทุกเหตุการณ์สำคัญของบ้านเมือง การเลือกตั้งเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่สำคัญมาก ยิ่งเฉพาะสถานการณ์ปัจจุบันที่ต้องยอมรับว่ามีปัญหามากมายในประเทศของเรา ทั้งปัญหาเศรษฐกิจที่เราใช้คำว่าติดหล่มอยู่นาน ทั้งเรื่องการพัฒนา เรื่องของตัวเลข GDP เรื่องของปัญหาเงินฝืดต่างๆ พี่น้องประชาชนรับรู้หมด ปัญหาความขัดแย้งที่ชายแดน ยังไม่รวมสงครามการค้าต่างๆ ที่รุมเร้าเข้ามา อีกด้านหนึ่งคือ ปัญหาด้านสังคม ซึ่งปัญหาความเหลื่อมล้ำต่างๆ ก็สอดคล้องกัน การเมือง เศรษฐกิจ สังคม เป็น 3 มิติที่เชื่อมโยงกัน ปัญหาทั้งหมด คิดว่าเริ่มจากพรรคการเมือง ปัญหาทางการเมืองที่อ่อนแอ ใช้คำว่าอ่อนแอเพราะว่า 2 ปีที่ผ่านมา เปลี่ยนนายกฯ ไป 3 คน จนเหมือนกับนายกฯ เป็นวัสดุสิ้นเปลือง ใช้แล้วเปลี่ยนหรือเปล่า
“นี่คือ หนึ่งในสิ่งที่เราอยากรณรงค์ในการเลือกตั้ง นอกเหนือจากนำพาข้อมูลข่าวสารออกสู่ประชาชน เราอยากรณรงค์ร่วมกันให้การเมืองรอบนี้ เป็นการเลือกตั้งที่สุจริต โปร่งใส สะอาด ตามคอนเซปต์ที่พวกเราวางไว้คือ “Clean Election” เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนประเทศไทย เราหวังว่าจะเป็นจุดเปลี่ยนในทางที่ดีขึ้น หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เครือเนชั่น กรุ๊ป และภาคีต่างๆ ที่มาร่วมกันในวันนี้ เราเตรียมตัวมานานแล้ว แต่อาจฉุกละหุกนิดหนึ่งในเรื่องการเตรียมงานวันนี้ แต่คิดว่าเราร่วมกันนำพาข้อมูลสาระเป็นประโยชน์ ให้ประชาชนตัดสินใจเข้าคูหาในการลงคะแนนครั้งนี้ ร่วมกันปลูกจิตสำนึก ร่วมกันสร้างการเมืองสุจริตไปด้วยกัน” นายฉาย กล่าว
นายฉาย กล่าวทิ้งท้ายว่า ร่วมกันรณรงค์ ขอให้โปร่งใสที่สุด อย่างน้อยออกมาร่วมกันลงคะแนน แสดงเจตจำนงเข้าคูหา ในเดือนก.พ. เราอาจเป็นแค่ 1 เสียง 1 สิทธิ แต่คิดว่าก็เพียงพอที่จะร่วมกันแสดงสิทธิ และเสรีภาพในการเลือกตั้งอนาคตของพวกเรา สร้างการเมืองโปร่งใสไปด้วยกัน ฝากติดตามสื่อในเครือเนชั่น กอง บก.เราทุกสื่อในเครือ รวมถึงทีมผลิตต่างๆ ตั้งใจสร้างสรรค์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สูงสุด ให้กับพี่น้องประชาชนในการตัดสินใจครั้งนี้
ขณะที่ นายสมชาย มีเสน กล่าวว่า หน้าที่สื่อไม่ว่าที่เมืองไทย หรือต่างประเทศ เวลาเลือกตั้งเราทำ 3 เรื่อง
1.นำข้อเท็จจริง รายงานเหตุการณ์ โดยสื่อต้องไม่มี Bias แม้ว่าจะชอบพรรคไหน ไม่ชอบพรรคไหน แต่เวลาออกในสื่อ ต้องถูกต้อง
2.เราในฐานะสื่อต้องตรวจสอบการเลือกตั้ง เราอยากทำ Clean Election โอกาสที่เราบอกว่าการเลือกตั้งบริสุทธิ์ ยุติธรรม ตนฟันธงว่าไม่มี ยิ่งมีอำนาจนอกระบบ และบ้านที่คุม กกต.ไปด้วย คิดว่ามันจะโปร่งใสหรือไม่ แต่เราในฐานะสื่อจะไม่ย่อท้อในการทำเรื่องตรวจสอบ เปิดเผยความจริง องค์กรอิสระหน้าด้านปล่อยก็เรื่องของเขา แต่เราทำหน้าที่ของเรา
3.หน้าที่ของสื่อคือ การทำวิเคราะห์ว่าใครจะมาเป็นคนจัดตั้งรัฐบาล นำพาประเทศต่อไป ทำอะไรผิดจากสัญญาประชาคม และเราต้องส่งเสริมให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิให้เยอะๆ ประชาชนมีสิทธิเลือกตั้งราว 50 ล้านคน ทุกๆ ครั้งมาราว 42 ล้านเสียง ทำอย่างไรอยากให้ประชาชนมาเพิ่มขึ้นสัก 45 ล้านเสียง มาใช้สิทธิ ถ้าคนเพิ่มอีก 4-5 ล้านคนเพิ่มขึ้น ทำให้การใช้คนมหึมาไม่ได้ผล ถ้าเขาคิดว่าคนมาใช้สิทธิ 40 ล้านคน เขารู้ว่าต้องใช้เสียงเท่าไร ถ้ารณรงค์ให้คนมาใช้สิทธิมากกว่านั้น ทำให้การคำนวณซื้อเสียงผิดพลาด หน้าที่เราคือ การทำเรื่องเหล่านี้
ส่วน นายวีระศักดิ์ พงศ์อักษร กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่การเลือกตั้งแบบปกติ แต่เป็นการกำหนดชะตากรรมของประเทศ เพราะเห็นด้วยอย่างยิ่งว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีการโกงอย่างมโหฬาร ทำนายไว้เลย ไม่ต้องหาหมอดู ทั้งใช้เงิน ใช้กลไกรัฐ ใช้องค์กรอิสระ เป็นภารกิจหลักขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน และภาคีเอกชนต่างๆ ครั้งนี้ตนว่า ถ้าต้องการทำประชามติ 60 วันพร้อมกับวันเลือกตั้ง กำหนดวันจันทร์-อังคาร ก็ได้ เพราะกำหนด 8 ก.พ.ไม่ทัน ต้องเลื่อนไปอีก 2 วันให้ครบ 60 วัน ดังนั้นการเลือกตั้งวันธรรมดา โอกาสคนใช้สิทธิจะน้อยลง จาก 40-50 ล้านคน อาจเหลือ 35 ล้านคน พอคนน้อย กำหนดตัวแปรคะแนนได้หมด
“ที่บอกทำไมถึงโกง การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นที่มาของจุดเปลี่ยน หลายคนบอกว่าตั้งแคมเปญจุดเปลี่ยน จะเปลี่ยนจริงหรือไม่ แม้จะเป็น 0.01% ทุกคนต้องมีความหวัง เพราะคนเราถ้าไม่มีความหวัง ไม่มีความฝัน ฆ่าตัวตายหมดแล้ว ถึงแม้จะเป็น 0.01% เราหวังว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ จะกำหนดชะตากรรมประเทศ เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ” นายวีระศักดิ์ กล่าว
นายวีระศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่บอกให้จับตาการโกงครั้งนี้ เพราะว่าตัวแปรข้างนอก ตัวแปรข้างในรุนแรงมาก ตัวแปรข้างนอก ภาวะเศรษฐกิจโลกกดดันเรามาก ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา เป็นปัจจัยตัวแปรข้างนอก ไม่ใช่ไทย-กัมพูชา แต่มีมหาอำนาจมากดดันเราอย่างมาก ย่อมส่งผลต่อชะตากรรมประเทศ กดดันเรื่องการเลือกตั้งด้วย มีหลายครั้งในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งไทย มหาอำนาจมีส่วนอยู่เบื้องหลังกำหนดรัฐบาล เพราะฉะนั้นเหตุการณ์ครั้งนี้มาจากปัจจัยข้างนอก มันรุนแรงมากครั้งนี้
นายวีระศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ปัจจัยข้างใน สะท้อนว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ คือ การช่วงชิงของขั้วอำนาจ 2-3 ขั้วที่รุนแรงมากๆ แพ้กันไม่ได้ แพ้ครั้งนี้คือ ถูกไล่จนกระดานเลย เราเห็นว่าคนพ่ายแพ้ก่อนหน้านี้ติดคุก คือ Elite หรือชนชั้นนำในประเทศเล่นกันหนักมากครั้งนี้ เมื่อก่อนชนชั้นนำเวลาเขาทะเลาะกันหนักๆ เขาอาจประนีประนอม แล้วมาจูบปากกัน ส่วนคนเสียหายที่สุดคือประชาชน หญ้าแพรกแหลกลาญนี่แหละ แต่ครั้งนี้เหมือนชนชั้นนำเล่นกันหนัก การได้มาซึ่งอำนาจเป็นปัจจัยที่เขาต้องกุมให้ได้ พลาดไม่ได้เลย พอพลาดไม่ได้ ต้องทำทุกวิถีทางให้ได้มาซึ่งอำนาจ หรืออาจไม่มีการเลือกตั้งด้วยซ้ำไป ดังนั้นใครต้องการกุมอำนาจต่อ อะไรที่นำไปสู่การกุมอำนาจต่อ จะเลือกตั้งก็ได้ถ้าคุมเกมได้ หรือไม่เลือกตั้งก็ได้ถ้าคุมเกมได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นมันรุนแรงมาก
ต่อมา นายบากบั่น บุญเลิศ กล่าวว่า เจตนารมณ์สำคัญที่สุดของ เนชั่น กรุ๊ป มีสื่ออยู่ร่วม 10 สื่อในการทำหน้าที่ เรามองเห็นอยู่เรื่องหนึ่ง ระบอบประชาธิปไตยผ่านการเลือกตั้ง น่าจะเป็นระบอบที่เลวร้ายน้อยที่สุด และเมื่อถึงห้วงเวลาของประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยออกไปใช้สิทธิ เพื่อให้ตัวแทนออกไปทำหน้าที่ เราเห็นภาพเรื่องหนึ่งว่าการเลือกตั้งแต่ละคราว นำพาประเทศไปด้วยความหวัง แต่เมื่อพ้นการเลือกตั้งความหวังเหล่านั้นจะไม่อยู่ในมือของประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย เป็นอำนาจของตัวแทน เราจึงจัดทำโครงการขึ้นมา เราเตรียมการไว้ประมาณ 3 เดือน ในฐานะองค์กรสื่อจะทำหน้าที่อย่างไร ในการเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง เราตกผลึกร่วมกัน มือเดียวไม่สามารถหักล้าง หรือเปลี่ยนแปลงได้ แต่เราเชื่อมั่นว่าหลายมือ มาร่วมมือกัน มีเจตนารมณ์ร่วมกัน ต้องการให้ประเทศไทยปรับเปลี่ยน แม้น้อยนิด แต่ทรงพลัง เราต้องจุดประกาย ถ้าเราไม่จุดไฟ ใครล่ะจะเป็นผู้จุด ในยามที่สังคมมืดมิด ต้องการแสงสว่าง ใครล่ะจะเป็นผู้กล้าหาญ เดินไปจุดไฟให้เกิดแสงสว่าง ให้เกิดความหวัง ให้ทุกคนมองเห็นว่ามิติข้างหน้ามีโอกาสที่ดีกว่า
สื่อในนามเนชั่นทั้งเครือ เราตกลงกันว่าเราจะเป็นผู้จุดไฟ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของประเทศ ภายใต้คอนเซปต์เราจะรณรงค์ร่วมกัน ให้ข้อมูลข่าวสาร ให้องค์ความรู้ ให้แนวคิด ว่าด้วยเรื่องของการเลือกตั้งที่สะอาด ต้องการให้ Nation Election เป็น Election Clean หวังว่าบรรดานักเลือกตั้ง ประชาชนไปเลือกตั้ง บรรดาพรรคการเมือง จะมองเห็นบริบทเหล่านี้ ต้องการเห็นการเมืองโปร่งใส ต้องการเห็นผู้ที่ดำรงตำแหน่ง อาสาทำงานการเมือง มีความรับผิดชอบ ต้องการเห็นกลไกของรัฐบาล ต้องการเห็นกลไกของพรรคการเมือง เปิดทางให้ทุกสังคม ทุกอณูตรวจสอบได้ ความคาดหวังเหล่านี้ เป็นความคาดหวังในอากาศ ถ้าเราไม่ร่วมมือทำ
นายบากบั่น กล่าวอีกว่า ผลักดัน สามารถเป็นหนึ่งในอณูขับเคลื่อน ทำให้การเมืองประเทศนี้ เดินหน้าอย่างโปร่งใสในการทำงาน มีความรับผิดชอบในการทำงาน เดินหน้าเปิดทางให้สังคมตรวจสอบได้กับแนวคิดทางนโยบาย และแนวทางการทำงานเพื่อประเทศเราที่ดีกว่า
“เจตนารมณ์ที่คุณฉายประกาศเป็นจุดยืนของการเมืองใสสะอาด มันเกิดขึ้นโดยเนชั่นไม่ได้เลย เราเพียงแค่เป็นผู้นำสาร เราเป็นเพียงคนจุดประกายตรวจสอบการทำงาน องค์กรนำข้อความปัญหาเหล่านั้นรายงานผลให้ประชาชนรับทราบ พลังของสังคมมารวมกัน ให้เราทำหน้าที่อย่างมืออาชีพ นำสารผ่านสื่อของเนชั่น ไปยังประชาชนให้เห็นภาพ จะมีพลังมากถ้าทุกๆ องค์กรมารวมพลังกัน ทำให้การเมืองที่ประชาชนเห็นมาร่วม 90 กว่าปี ให้เป็นการเมืองที่กินได้ ไม่ใช่การเมืองอยู่ในอำนาจตัวแทน แล้วไปถกเถียงแย่งชิงอำนาจกัน แล้วอ้างประชาชนเป็นตัวประกัน เจตนารมณ์ และความคาดหวังของกลุ่มเนชั่น จะไม่เป็นมรรคผลถ้าพันธมิตรทุกท่าน และประชาชนทุกท่าน ที่ติดตามข้อมูลข่าวสารผ่านเครือเนชั่น ไม่มารวมพลังกับพวกเรา เพื่อสังคมที่ดีกว่า” นายบากบั่น กล่าว
เราไม่เพียงรณรงค์อย่างเดียว เราทำการเมืองปลุกสำนึกประชาชน เราจะมีเวทีสัญจรเพื่อนำพาพรรคการเมือง นำพาผู้ที่อาสาสมัคร จะมาลงเป็นผู้แทน ไปพบปะประชาชน เรามีภาคเหนือ กลาง อีสาน ใต้ ตะวันออก และมีเวทีใหญ่เวทีสุดท้ายที่ กทม. เราคิดว่าการนำพรรคการเมืองไปเจอผู้ที่โหวต จะทำให้เขามองเห็นภาพ แม้สักเสี้ยว แต่ทำให้ภาพเหล่านั้นกระจ่างในตัวเขา เมื่อเขาเข้าคูหาไปมอบอำนาจให้ตัวแทนทำหน้าที่
นายบากบั่น กล่าวด้วยว่า รูปแบบรายการเราจะปรับเพื่อตอบรับกับการเลือกตั้ง ไม่เพียงเปิดทางให้ผู้เลือกตั้งมาแสดงวิสัยทัศน์ เราต้องการเห็นสังคม องค์กรต่างๆ มาร่วมกันปลุก ร่วมกันขับเคลื่อนแนวคิดผ่านสื่อของเรา ซึ่งเนชั่นทีวีเป็นกลไกหลัก สื่อต่าง ๆ ขับเคลื่อนด้วยกัน เรายังเปิดเวทีที่นี่ เราคิดว่าควรมีสภากาแฟ เป็น Nation Election จุดเปลี่ยนประเทศไทย Special ทุกวันศุกร์ เราจะมาคุยกันที่นี่ เปิดทางให้ประชาชนได้เข้าถึงข้อมูลข่าวสาร และให้ประชาชนได้ตัดสินใจ
เรายังต้องการอีกเรื่องหนึ่งคือ ภาคีเครือข่ายทั่วประเทศไทย รวมกับเนชั่น รณรงค์กันผ่านสื่อ ให้การเมืองที่เป็น Nation Election มันคลีน เป็นการเมืองสีขาว แน่นอนในที่สุดแม้ชีวิตจริงไม่ขาว คนไม่มีทางขาว เพราะคนขาวคือ คนไม่ทำอะไรเลย แต่ชีวิตคนเมื่อเดินบนเส้นทาง จะมีทั้งดำกระด่าง ขาว เทา แต่นั่นคือ ชีวิตที่น่าจะดีกว่า ปล่อยให้ดำ และเทาครองเมือง เป็นเจตนารมณ์ร่วมกันผ่านเนชั่น เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในเครือเนชั่น กรุ๊ป ของเรา เพื่อขับเคลื่อนเรื่องนี้ออกไป
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







