‘เท้ง’ ลั่นเลือกตั้งหน้าถ้า ปชน.ชนะ แต่ถูกตัดขา ถึงเวลาต้องสู้

‘ณัฐพงษ์’ ลั่นถ้าเลือกตั้งครั้งหน้า ปชน.เข้าวิน แต่โดนเตะตัดขาจนล้ม เตรียมเกี่ยวแขน ‘แกนนำส้ม’ ไปหน้าสภาฯ ถ้าจะเล่นกันทุกทาง ถึงเวลาต้องสู้แล้ว
KEY
POINTS
- ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ประกาศว่าหากเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคชนะได้เสียงข้างมาก แต่ถูกสกัดกั้นไม่ให้จัดตั้งรัฐบาล ก็จำเป็นต้องออกมาต่อสู้
- เขาเชื่อว่าในการเลือกตั้งสมัยหน้าจะไม่มีอำนาจ สว. ในการเลือกนายกฯ แล้ว หากพรรคได้ สส. เกินครึ่งสภา ก็ยากที่จะมีใครมาขัดขวางการเปลี่ยนแปลงได้
- หากถึงจุดที่ถูกขัดขวางจริง ๆ พรรคได้เตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ โดยอาจเป็นการนัดรวมตัวกันที่หน้ารัฐสภาเพื่อแสดงพลัง
- พรรคจะรณรงค์ให้ประชาชนลงประชามติเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ควบคู่ไปกับการเลือกตั้ง เพื่อใช้เสียงประชาชนกดดันไม่ให้มีการขัดขวางเกิดขึ้น
เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2568 ที่สนามหญ้า มศว ประสานมิตร พรรคประชาชน (ปชน.) จัดกิจกรรม “ปิกนิกพรรคประชาชนพบประชาชน” โดยนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค ปชน. กล่าวปิดท้ายว่า เชื่อว่าสิ่งที่อยากจะพูดส่งท้าย ย้อนกลับไปตอนที่บอกแรก ๆ ว่า ทุกการต่อสู้ที่ผ่านมาจะเห็นว่าสิ่งฉุดรั้งประเทศไทย คือกลุ่มคนไม่กี่กลุ่มในประเทศนี้ ไม่ว่าใครที่แสดงออกด้วยความเป็นห่วงต่อการตัดสินใจของพรรคที่ผ่านไปก็แล้วแต่ เชื่อว่าวิธีที่เราเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ เหล่านั้นได้ คือเสียงของประชาชนคนไทยทุกคน ถ้าการเลือกตั้งครั้งหน้า เราสามารถได้เสียงคนส่วนใหญ่ในประเทศ เราสามารถได้จำนวน สส.เกินครึ่งหนึ่งในสภาฯ ก็ยังมองไม่เห็นว่า ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน จะมีอะไรฉุดรั้งไม่ให้ ปชน.เข้าไปสร้างการเปลี่ยนแปลงได้จริง ๆ
“มีคำถามจากเพื่อนบางคนถามว่า แล้วถึงเวลาสมมติได้เกินครึ่งจริง ๆ แล้วเรายังไม่ได้เป็นรัฐบาล มีอุปสรรคอะไรมาเตะพวกเราให้หกล้มอีก จริง ๆ พวกตนเคยพูดกัน และเอาจริงจังกันในพรรค ถึงสถานการณ์นั้นจริง ๆ เกี่ยวแขนกันแล้วไปอยู่หน้าสภาฯ คือนึกออกหรือไม่ ถ้าเราสู้กันจริง ๆ เราได้เกินครึ่งแล้วเนี่ย แล้วตอนนี้สถานการณ์ไม่ได้มีอะไรมาอ้างปฏิวัติรัฐประหาร แคนดิเดตนายกฯก็เตรียมไว้ 3 คน จะเล่นเราทุกทางจนไหลถึงนายวีระยุทธ แล้วขัดขวางไม่ให้นายวีระยุทธ เป็นนายกฯอีกหรือ ถ้าถึงจุดนั้นจริง ๆ ไม่มีทางอื่น เราต้องสู้” นายณัฐพงษ์ กล่าว
นายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า วันที่ตนเข้ามาร่วมเดินทางกับพรรคอนาคตใหม่ จำได้แม่นเป็นคำพูดอดีตแกนนำทุกท่าน พวกเราต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีการนองเลือด การเมืองคือสงครามที่ไม่มีการนองเลือด เราเลือกมาสร้างการเปลี่ยนแปลงในระบบ วันนั้นไม่ว่านายธนาธร (จึงรุ่งเรืองกิจ) นายปิยบุตร (แสงกนกกุล) และนายชัยธวัช (ตุลาธน) ที่ตอนนั้นเป็นนักคิด สนับสนุนพรรคมาโดยตลอด ทุกคนรู้ว่าการทำพรรคอนาคตใหม่ ก้าวไกล ถึง ปชน.ไม่ใช่สปรินท์ระยะสั้น แต่เราวิ่งมาราธอนระยะยาว การเดินทางที่ผ่านมายาวนานหรือไม่ 7 ปีจนถึงปัจจุบัน ถือว่ายาวนาน แต่เราเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแล้วเรื่อย ๆ แล้วขยายใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ
หัวหน้าพรรค ปชน. กล่าวด้วยว่า การเลือกตั้งครั้งหน้า ไม่มีอำนาจของ สว.แล้ว ประชามติมาพร้อมการเลือกตั้ง เรารณรงค์อย่างแข็งขัน เอาเสียงประชาชนนอกจากเลือกประชาชนอย่างถล่มทลาย อีกหนึ่งเสียงคือประชามมติถล่มทลาย เดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เอาเสียงประชาชนกดดันเสียง สว.ว่า ให้เขาอย่ามาฉุดรั้งประเทศนี้อีกต่อไป เมื่อไหร่ก็ตามที่การเลือกตั้งครั้งหน้า ทำภาพให้เป็นแบบนี้ได้ เชื่อว่าเข็มนาฬิกาของประเทศเดินหน้าต่อแน่นอน
วันนี้คงไม่ได้มีแค่ตนอยากมารับฟัง หรือรับโจทย์กลับไปทำอย่างเดียว ในฐานะผู้นำพรรคในปัจจุบัน อยากฝากโจทย์ถึงทุกคนเช่นเดียวกัน หลายวงที่ตนไปพูดคุยมา ทุกคนอยากช่วยเป็นหัวคะแนนธรรมชาติ มีคำถามถึงเราเช่นเดียวกันว่า จะช่วยเปลี่ยนใจคุณพ่อคุณแม่ ปู่ย่าตายายที่บ้าน บางทีเขายังอาจรู้สึกว่า จะเลือก ปชน.ได้อย่างไร สิ่งต่าง ๆ พวกเราต้องค่อย ๆ เข้าไปทำความเข้าใจ ให้พวกเขาเห็นความตั้งใจดีของพวกเราว่า ไม่ต้องการทำลายล้าง ต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยที่ดีกว่าจริง ๆ
นายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า ที่นายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร รองหัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกฯของพรรค พูดถึงเรื่องการไม่กำจัดเรื่องของสีเทา ไม่ทำให้ประเทศไทยเท่าเทียมกัน ไม่พัฒนาเศรษฐกิจไทยให้เท่าทันโลก เราไม่มีทางรอด พูดง่าย ๆ เราคือทางรอดสุดท้ายของประเทศนี้ สำหรับตน เห็นด้วย แต่จริง ๆ ส่วนตัวมองว่า มันฟังแล้วดูเศร้าเกินไป อยากนำเสนอตรงไปตรงมาว่า อยากเปลี่ยนการเมืองให้ดีขึ้น ตรงไปตรงมา ถ้าใครบอกว่าทำงานการเมืองแบบนี้มันไร้เดียงสา ดูโง่ แต่ถ้าทำการเมืองตรงไปตรงมา ก็ยอมโง่ต่อไป ให้มันดีขึ้น
“พูดแบบนี้ไม่ได้บอกว่าทุกการตัดสินใจ ไม่ใช่ตัดสินใจแบบ Naive เสมอ ต้องบอกว่า Think Thank เบื้องหลังเราคือนักคิดสุดยอดจริง ๆ แต่นี่คือจิตวิญญาณของเรา เข้ามาเพราะอะไร การเลือกตั้งครั้งหน้า คือภารกิจตัดสินประเทศแน่นอน” นายณัฐพงษ์ กล่าว







