‘ธนาธร’ ปลุกกา ปชน. 250 เสียง ดึงอำนาจเลือกตั้ง-จารีต ให้เท่ากัน

‘ธนาธร’ เผยเบื้องลึก Grand Compromise หาจุดร่วมทุกฝ่าย ให้อำนาจจากการเลือกตั้ง-อำนาจจารีต ใกล้เคียงกัน ชี้เลือกตั้งครั้งนี้จะพิสูจน์ ปลุกเลือก ปชน.เกิน 250 เสียง
KEY
POINTS
- ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ชี้ว่าบทเรียนทางการเมืองที่ผ่านมาคือ พรรคประชาชนต้องชนะเลือกตั้งให้ได้ 250 เสียง เพื่อเป็นพรรคเดียวที่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ
- ระบุว่าต้นตอของความขัดแย้งทางการเมืองไทยตลอด 20 ปีที่ผ่านมา คือความไม่สมดุลระหว่างอำนาจที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน และอำนาจที่มาจากจารีต
- เสนอแนวทาง "Grand Compromise" เพื่อหาจุดสมดุลทางการเมือง ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทำให้อำนาจทั้งสองฝ่ายมีความเท่าเทียมกัน โดยอาศัยเสียงสนับสนุนจากประชาชนในการเลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2568 ที่สนามหญ้า มศว ประสานมิตร พรรคประชาชน (ปชน.) จัดกิจกรรม “ปิกนิกพรรคประชาชนพบประชาชน” โดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวตอนหนึ่งถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ถ้านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ สถานการณ์จะไม่มาถึงจุดนี้เด็ดขาด ถ้าพวกเราเป็นรัฐบาลตั้งแต่วันนั้น เครื่องมือจะถูกนำมาใช้ ไม่ให้สถานการณ์มาถึงจุดนี้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือทางการค้า เครื่องมือทางการทูต การต่างประเทศ จะถูกนำมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด สถานการณ์จะไม่มาถึงจุดนี้ทำให้ประชาชนต้องเดือดร้อน
ส่วนกรณีการถูกฉีกสัญญา MOA นั้น นายธนาธร กล่าวว่า วันนี้เราเผชิญสถานการณ์ยากลำบาก เราเป็นคนตั้งโจทย์นี้ทิ้งไว้ตั้งแต่กลางปี คือเงื่อนไข MOA เมื่อสถานการณ์มาถึงจริง ๆ เราจำเป็นต้องตัดสินใจเสี่ยง อย่างที่นายปิยบุตรกล่าวเมื่อสักครู่ เราทำอย่างเปิดเผย ข้อเสนอทางการเมืองของเราเปิดเผย และตรงไปตรงมา แต่เราทำไม่สำเร็จ เราล้มเหลว
คิดว่านี่คือสปิริตที่ชอบมาก ไม่เคยมีเวทีไหนที่ผู้นำของพวกเราทั้ง 4 คน มาอยู่ด้วยกัน นี่เป็นเวทีแรก เพื่อมาบอกว่า เราทำพลาดไปแล้ว และเราไม่ขอโทษอย่างอิด ๆ ออด ๆ มาขอโทษ มาแสดงความรับผิดชอบต่อการตัดสินใจอย่างยืดอก ตรงไปตรงมา เหมือนตอนเราทำ MOA นี่คือสิ่งที่เราอยากบอกประชาชนในวันนี้ นี่คือครั้งแรกจริง ๆ ที่เรามา นี่คือสปิริตของเราจริง ๆ ที่เรามา ไม่ว่าจะเป็นคุณปิยบุตร (แสงกนกกุล) คุณพิธา (ลิ้มเจริญรัตน์) คุณชัยธวัช (ตุลาธน) คุณณัฐพงษ์ (เรืองปัญญาวุฒิ) หรือว่าอาจารย์ต้น (นายวีระยุทธ กาจน์ชูฉัตร)
“พวกเรามาที่นี่ เราคือสปิริต อย่างตรงไปตรงมา ณ วันที่เรา ทำอย่างสง่าผ่าเผย เราทำไม่สำเร็จก็มาบอกประชาชนอย่างสง่าผ่าเผยเช่นกัน ไม่มีอะไรต้องปิดบัง หวังเป็นอย่างยิ่งว่าที่เรามายืนต่อหน้าทุกท่าน เพื่อแสดงความรับผิดชอบที่ผ่านมา จะทำให้ทุกท่านไม่ทอดทิ้ง ไม่หยุดสนับสนุนพวกเรา" นายธนาธร กล่าว
ส่วนการสรุปบทเรียนที่ผ่านมานั้น นายธนาธร กล่าวว่า เมื่อสักครู่มีท่านถามว่า เราเรียนอะไรกับรอบที่ผ่านมาบ้าง ต้องบอกก่อนว่า ถ้าบทเรียนครั้งนี้บอกว่า ต้องทำให้เราต้องทำงานการเมืองแบบอื่น ทำให้เวลาเราเดินไปไหน พื้นดินเป็นทาง เพราะเขี้ยวลากดินเหมือนคนอื่น ทำให้เรากลับกลอก หักหลัง มีกลเกม ต้องทำอะไร ดีลลับ ๆ บอกประชาชนไม่ได้ ถ้าบทเรียนบอกให้เราทำแบบนั้น ตนไม่ทำ ตนทำไม่เป็น
“ทำการเมืองแบบนั้นไม่เป็น ถ้าต้องทำการเมืองแบบนั้นไม่ทำดีกว่า ไม่เชื่อด้วยว่า การทำการเมืองแบบนั้นจะทำให้เราถึงเส้นชัยได้ เพราะเราไม่มีอำนาจอื่นในการไปบังคับผลการเจรจา อำนาจเดียวที่เรามีในการบังคับผลการเจรจา หรือข้อตกลง คือประชาชน คือพวกคุณเท่านั้นเอง ถ้าทำการเมืองแบบอื่น เราจะสูญเสียพวกคุณ ท้ายที่สุดเราจะไม่มีอะไรเลย บทเรียนสำคัญคือ มันไม่มีทางเลือกอื่นจริง ๆ ต้องเป็นพรรคเดียว 250 เสียงเท่านั้น” นายธนาธร กล่าว
ส่วนปัญหาเรื่องรัฐธรรมนูญ การก้าวต่อไป และ Grand Compromise นายธนาธร กล่าวว่า 20 ปีที่ผ่านมา วันนี้เราอยู่ไตรมาสสุดท้ายปี 2568 แต่เมื่อ 20 ปีที่แล้ว 2548 ช่วงนี้เลย เป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งทางการเมือง นำไปสู่การยุบสภาฯในเดือน ก.ย. 2549 จำนวน 20 ปีพอดี 20 ปีที่ผ่านมามี 10 นายกฯ สำคัญกว่านั้น 2 การเลือกตั้งล่าสุดคือ 2566 และ 2562 ผลการจัดตั้งรัฐบาล ไม่สอดคล้องกับการลงคะแนนเสียงของประชาชน 20 ปีที่ผ่านมา มีรัฐธรรมนูญมาแล้ว 3 ฉบับ 2540 2550 และ 2560 คนที่เกิดในวันนี้เมื่อ 20 ปีที่แล้ว คือคนเกิด 2548 ยังไม่เคยสัมผัสการเมืองที่ปกติ ไม่เคยสัมผัสการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย 20 ปีที่ผ่านมา สังคมไทยยังหาคำตอบไม่ได้ ว่าจุดสมดุลระหว่างอำนาจจากการเลือกตั้ง กับอำนาจที่มาจากจารีตจะอยู่ร่วมกันอย่างไร ไม่มีข้อสรุปจนถึงวันนี้ นี่คือต้นตอความขัดแย้งทางการเมือง
นายธนาธร กล่าวอีกว่า Grand Compromise หาทางออกการเมืองแบบนี้ ไปสู่การเมืองปกติได้อย่างไร การเมืองปกติที่จะพาประเทศไปข้างหน้า ไปแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ส่งเสริมสิทธิเสรีภาพ และสันติภาพให้ไทย และประเทศเพื่อนบ้าน นำการเมืองปกติกลับสู่สังคมไทยได้อย่างไร
“การมี Grand Compromise คือพยายามหาจุดร่วม ทุกฝ่ายไม่มีใครได้หมด มีกติกาอยู่ร่วมกันในสังคมชุดหนึ่ง ที่ทุกฝ่ายยอมรับกันได้ ในแง่นี้ บทเรียนครั้งนี้ไม่ง่ายเลย มันยากมาก ในแง่นี้บอกเราว่า มีแต่การทำให้ 2 อำนาจนี้เสมอกันเท่านั้น ถึง Grand Compromise ได้ มีแต่การทำให้อำนาจจากการเลือกตั้ง และอำนาจจารีตใกล้เคียงกันมากที่สุดนำมาสู่ Grand Compromise อยู่ที่การเลือกตั้งครั้งนี้ ขอบคุณทุกท่านที่ไม่ทอดทิ้งพวกเรา ขอบคุณมากครับ” นายธนาธร กล่าว







