‘ปิยบุตร’ เล่าเบื้องหลัง MOA ภท. เกมเสี่ยงดันแก้ รธน.สุดท้ายเหลว

‘ปิยบุตร’ เล่าฉากหลัง ปชน.เซ็น MOA ‘ภูมิใจไทย’ ดันแก้ รธน. ชี้เป็นการทดลอง แม้โอกาสริบหรี่ ผลลัพธ์คือล้มเหลว มองฉากทัศน์หน้าเกมเสี่ยง ปลุก ปชช.ไปกาประชามติให้ถล่มทลาย
KEY
POINTS
- ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า เผยเบื้องหลังการพยายามแก้รัฐธรรมนูญผ่าน MOA ว่าเป็น "การทดลอง" ที่มีความเสี่ยง เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาที่ไม่สามารถรวบรวมเสียง สว. ได้ แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว
- อุปสรรคสำคัญของการแก้รัฐธรรมนูญ 2560 คือเงื่อนไขที่ต้องได้เสียง สว. อย่างน้อย 1 ใน 3 ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ความพยายามที่ผ่านมาไม่สำเร็จและต้องลองเสี่ยงในครั้งนี้
- เมื่อความพยายามล้มเหลว แผนต่อไปคือการผลักดันให้มีการทำประชามติในวันเดียวกับการเลือกตั้ง เพื่อสร้างฉันทามติจากประชาชนกดดัน สว. ในขั้นตอนต่อไป
เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2568 ที่สนามหญ้า มศว ประสานมิตร พรรคประชาชน (ปชน.) จัดกิจกรรม “ปิกนิกพรรคประชาชนพบประชาชน” โดยนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ตอบคำถามเรื่องความคาดหวังในการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตอนหนึ่งว่า เห็นหน้าตาดูหงอย ๆ ซึม ๆ ยอมรับตามตรงเลยว่า น่าจะเป็นคนอันดับต้น ๆ ที่เสียใจมาก ๆ ที่กระบวนการแก้รัฐธรรมนูญไม่ผ่านรอบนี้ หลายท่านอาจบอกว่าทำไปทำไม ไม่มีประโยชน์หรอก เรารู้อยู่แล้วว่าเดี๋ยวเขาก็เบี้ยว ทำไปรัฐธรรมนูญจะออกมาดีหรือไม่อย่างไร
นายปิยบุตร กล่าวว่า ต้องไล่กันมาก่อนว่า พรรคนี้ 3 พรรคแล้วที่ตั้งกันมา จุดเริ่มต้นของการมีพรรคนี้ สัมพันธ์กับเราต้องการมาจัดการรัฐธรรมนูญปี 2560 ถ้าไม่มีรัฐธรรมนูญปี 2560 ก็ไม่มีพรรคนี้ ที่ตั้งพรรคนี้ เพราะรู้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มันแก้ยากมาก ๆ แล้วเราจะทำอย่างไรให้ใช้การเมืองในระบบ ใช้พรรคการเมืองในระบบ ที่ลงจากการเลือกตั้ง แล้วค่อย ๆ พยายามเปลี่ยนรัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้ได้ทีละเล็กละน้อย
“ถ้าสังเกตแต่ต้นเราชูธงเรื่องนี้ พอเข้าสภาฯไปสมัยอนาคตใหม่ 81 เสียง เรายื่นร่างแก้รัฐธรรมนูญเองไม่ได้ เพราะเสียงไม่ครบ 100 เราก็หาวิธีทางต่าง ๆ นานา พอมาก้าวไกล เสียงเราเยอะมาก เราก็ยื่นได้เอง แต่ก็จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมา ไปไม่ได้เลยสักฉบับ เคยแก้ได้ครั้งเดียวคือเรื่องระบบเลือกตั้งเท่านั้นเอง” นายปิยบุตร กล่าว
นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า ดังนั้นครั้งนี้เป็นโอกาส เราก็ชั่งน้ำหนักว่า ระหว่างการที่เราจะไม่สนใจอะไรเลย เดี๋ยวรออย่างน้อยเอาคำถามประชามติคำถามที่หนึ่งก่อน หรือรอลุ้นสักหน่อย ไปได้ เผื่อได้ร่างแก้ไขเพิ่มเติมฉบับนี้มา เผื่อมี 2 คำถามพร้อมกันในการเลือกตั้งมาถึง ต่อไปไม่ต้องง้อ สว.เขาอีก คือง้อเขาครั้งนี้ครั้งเดียว ให้ผ่านวาระ 3 ให้ได้ แต่ในที่สุดไปไม่ได้แล้ว ดังนั้นเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ อีกนิดเดียวจะถึงเส้นชัยอยู่แล้ว
เล่าให้ฟังอย่างนี้ ให้ลองดูรัฐธรรมนูญปี 2560 แก้ยากมาก หลายคนเชื่อว่าชีวิตนี้ไม่ได้แก้หรอก วิธีการเปลี่ยนรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เผลอ ๆ ต้องใช้วิธีพิสดาร เช่น มีการยึดอำนาจแล้วฉีก อะไรแบบนี้ หรือมี People Revolution ออกมาแล้วเปลี่ยนรัฐธรรมนูญได้ ในระบบนี้อย่าไปฝันเลย เพราะคุณไม่สามารถหา 67 เสียง สว.ได้
เราก็ลองวาดฉากต่าง ๆ นานาให้เปลี่ยนได้ ภายใต้ข้อจำกัด พูดให้ฟังอย่างนี้ว่า มันมีกลุ่มพลังที่อยากแก้รัฐธรรมนูญ คือคนอย่างพวกเราในที่นี้ อีกกลุ่มคือพวกไม่อยากแก้ ก็แสดงออกผ่านโหวตเตอร์กลุ่มนั้น พรรคนั้น ผ่านองค์กรอิสระ ผ่านนั่นเต็มไปหมด กลุ่มคนไม่อยากแก้มีวิธีคิดง่าย ๆ คือ ทำอย่างไรให้มันแก้ไม่ได้ เดี๋ยวร้องศาล ให้ศาลสั่ง เดี๋ยวไปเรื่องนั้น ติดเรื่องนี้ ต่างนานา เต็มไปหมด และมี สว. 1 ใน 3 ต้องหาให้ได้
ส่วนกลุ่มที่อยากแก้ก็แบ่งออกเป็น กลุ่มแรกมองว่าจะทำอะไรดี ถ้าตอนนี้ทำไม่ได้ ก็ลองหาคำถามประชามติหรือไม่ กับอีกกลุ่มที่มองว่าใช้โอกาสนี้ ที่เราพอจะมีอำนาจต่อรองเล็ก ๆ น้อย ๆ จาก MOA นี้ เพื่อลองแก้ดู ก็ประเมินกันแล้ว ตัดสินใจกันแล้วว่า เอาวะ ลองสักนิดหนึ่ง อาจไม่ถูกใจทุกท่านในที่นี้ แต่อย่างน้อยได้ทดลอง 1 ครั้ง
“วันนี้ผลการทดลองออกมาแล้ว ล้มเหลว แต่ถ้าเราไม่เริ่มทดลองเลย เราไม่รู้ว่าได้หรือไม่ ถ้าเราไม่เริ่มทดลอง ผลลัพธ์คือไม่ได้แน่ แต่ถ้าเริ่มทดลอง ผลออกมาว่าไม่ได้ อย่างน้อยก็ยอมรับ อย่างน้อยเอาคำถามประชามติคำถามแรกมาให้ได้ ก็ไปร่วมกันรณรงค์” นายปิยบุตร กล่าว
นายปิยบุตร กล่าวเพิ่มเติมว่า ตอนนั้นมีความคิดว่าทำไมถึงอยากได้คำถามที่ 2 มาด้วย เพราะคำถามที่ 1 เราต้องขอให้ประชาชนทำประชามติให้ถล่มทลาย แล้วกดดัน สว.ต่อ เพราะอะไร ถ้าได้คำถามแรกเสร็จ ต้องแก้ในรัฐสภาต่ออีก มีข้อจำกัดต่าง ๆ นานา ต้องไปแก้ตรงนั้นอีก และขอเขาอีก 67 คนเป็นอย่างน้อย ต่อให้ประชามติถล่มทลาย ก็กลับไปแก้ที่รัฐสภาอีก เราก็คิดว่าอย่ากระนั้นเลย ขอคุยกับเขาให้รู้เรื่องดีหรือไม่ เราก็เลยขอลองดูว่า ถ้าได้งวดนี้มา งวดหน้าไม่ต้องขอร้องแล้ว แต่สุดท้ายเราก็ไม่ได้ พอไม่ได้ ก็ต้องกลับมาสู่คำถามแรก ไปกดดันกันต่อในครั้งหน้า
นายปิยบุตร กล่าวด้วยว่า ฉากทัศน์เป็นอย่างนี้ การแก้รัฐธรรมนูญ เรายังมีความหวังหรือไม่ ทีละขั้นทีละตอน ตอนนี้คือให้วันประชามติไปตรงกับวันเลือกตั้ง เพื่อที่จะได้ไม่เปลืองงบประมาณแผ่นดิน ในการจัดคูหา 2 ครั้ง ให้การรณรงค์หาเสียงครั้งนี้ นอกจากเลือกรัฐบาลแล้ว คือการแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ ต้องขอแรงประชาชนออกไปใช้เสียงให้ถล่มทลาย ครั้งนี้เดิมพันสุด ๆ คิดดูว่า รัฐธรรมนูญปี 2560 ประชามติเมื่อปี 2559 เขาได้เสียงข้างมากมา เขาอ้างทุกครั้งว่าผ่านประชามติมา สมมติ ก.พ. 2569 ไปทำประชามติอีกว่า จะแก้หรือไม่ ถ้าฝ่ายแก้แพ้ ฝ่ายอยากให้มีฉบับใหม่แพ้ เท่ากับฉบับนี้มัดตราสังข์แข็งแกร่งมากเลย จะยิ่งแก้ไม่ได้อีก เกมเสี่ยงที่สุดที่เราเข้าไป เพื่อเอาฉันทามติของประชาชนมาให้ได้ ต้องขอแรงประชาชนให้ได้ 70-80% ของความเห็นอยากทำรัฐธรรมนูญใหม่
ถ้าได้ในเดือน ก.พ. 2569 ขั้นตอนต่อไปคือกลับมาทำร่างรัฐธรรมนูญ ต้องกดดัน สว. ณ เวลานั้นต้องช่วยกดดันให้เขาปล่อย 67 เสียงออกมาให้ได้ แต่เราไปทีละขั้น คือ 1.วันประชามติตรงวันเลือกตั้งก่อน 2.ให้ออกไปใช้สิทธิให้ถล่มทลาย คิดว่าต้องมี 70-80% ถึงเปลี่ยนรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้
“น่าเสียใจอีกนิดเดียวจะถึงแล้ว แต่มันไปไม่ได้ ก็ถือว่าการทดลองล้มเหลว ผู้เข้าร่วมการทดลองก็ถือว่าล้มเหลว ต่อไปเตรียมเดินหน้าสู่ฉากใหม่ คือทำประชามติพร้อมการเลือกตั้ง สส. เพื่อกำหนดว่าใครจะได้เป็นรัฐบาล” นายปิยบุตร กล่าว







