กองทัพยันทำลายอาวุธ PHL03 ทันที ไม่ให้กัมพูชาเปิดก่อน

กองทัพยันทำลายอาวุธ PHL03 ทันที ไม่ให้กัมพูชาเปิดก่อน

กองทัพ ยันทำลายอาวุธ PHL03 ทันที หากพบเคลื่อนไหว ไม่ให้กัมพูชาเปิดปฏิบัติการแน่นอน ยังไม่ได้รับรายงานเคลื่อนย้าย เข้าเขาพระวิหาร

KEY

POINTS

  • กองทัพไทยยืนยันว่าหากตรวจพบอาวุธ PHL03 ของกัมพูชาในพื้นที่พิพาท จะโจมตีทำลายทันทีโดยไม่ต้องรอให้ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อน
  • โฆษกกระทรวงกลาโหมระบุว่ากองทัพมีความพร้อมด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ที่สามารถโจมตีเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ
  • กองทัพสามารถควบคุมพื้นที่ปราสาทคนา จ.สุรินทร์ ได้ 100% และทำลายสะพานลำเลียงของกัมพูชาแล้ว
  • มีการยึดสมุดบันทึกการวางทุ่นระเบิดของกัมพูชา เพื่อใช้เป็นหลักฐานว่ากัมพูชาละเมิดสนธิสัญญาและยังคงใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล

เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2568 เวลา 16.00 น. ที่ศูนย์แถลงข่าวร่วม สถานการณ์ ไทย-กัมพูชา ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก พลเรือตรีสุรสันต์ คงศิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวยืนยันว่า ยัง ไม่ได้รับรายงาน อาวุธPHL03 กัมพูชา เข้ามาในพื้นที่พระวิหาร หากตรวจพบ กองทัพไทยจะดําเนินการต่อเป้าหมายทันทีโดยไม่รีรอให้กัมพูชาเปิดปฏิบัติก่อน เพราะเรามีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีความพร้อมในเรื่องของการโจมตีเป้าหมายแม่นยํา

ด้าน พ.อ.หญิงนุชระวี แจ่มจํารัส รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีการยึดสมุดบันทึกการวางทุ่นระเบิดของฝ่ายกัมพูชา รวมถึงพิกัด ได้รวบรวมหลักฐานและส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบสำหรับพื้นที่ที่ต้องสงสัยจะมี การลักลอบวางทุ่นระเบิด หรือ กับระเบิดแสวงเครื่อง หน่วยในพื้นที่ได้ควบคุมพื้นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้จะนำข้อมูลในเรื่องโทรศัพท์มือถือและสมุดปฏิบัติงานส่งให้กับกระทรวงต่างประเทศเพื่อนำไปขยายผลเพื่อประกาศให้รู้ว่ากัมพูชายังคงใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอยู่ และที่สำคัญ ในเรื่องของการกระทําเช่นนี้ ละเมิด สนธิสัญญา และทําร้ายทหารไทย

สำหรับ ปราสาทคนา จ.สุรินทร์ เป็น1ในพื้นที่ 13 เป้าหมายที่จะควบคุม ฝ่ายกัมพูชาพยายามต่อต้านและได้รับรายงานล่าสุด ในช่วงเย็นของวันนี้สามารถควบคุมพื้นที่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ทําลายสะพานลําเลียงกําลังพลของกัมพูชาเข้ามาในพื้นที่ได้แล้ว ขอให้ประชาชนเชื่อมั่น

ในขณะที่การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ส่วนหลังนั้น ได้ร่วมดําเนินการอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลศูนย์พักพิง แม้ว่าในพื้นที่ส่วนหน้ามีการปะทะพื้นที่ส่วนหลังก็มีความสําคัญ ซึ่งมีประชาชนได้รับผลกระทบกว่าสี่แสนคน รวมถึงการดํารงชีวิตประกอบอาชีพสูญเสียรายได้และวิตกกังวล เรื่องบ้านที่อยู่อาศัย