ปชป.ออกแถลงการณ์ 4ข้อ จี้ตรวจสอบธุรกรรม ป้องกันระบบการเงินไทย

ปชป.ออกแถลงการณ์ 4ข้อ จี้ตรวจสอบธุรกรรมกลุ่มนักลงทุน โยงคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ป้องกันระบบการเงินไทย
พรรคประชาธิปัตย์ ออกแถลงการณ์ เรื่อง การขอให้ ศปอ. ส.ตร., ก.ล.ต., ปปง. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบธุรกรรมที่มีความผิดปกติอย่างเร่งด่วน เพื่อปกป้องระบบการเงินไทยในสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างประเทศ
พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่า ข้อมูลที่ปรากฏต่อสาธารณะเกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงินและโครงสร้างผู้ถือหุ้นในหลายบริษัทสมควรได้รับการตรวจสอบเพิ่มเติมโดยหน่วยงานรัฐที่มีอำนาจ เพื่อสร้างความชัดเจนและเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ
ในบริบทนี้ พรรคประชาธิปัตย์ขอแสดงความห่วงกังวลต่อการปรากฏข้อมูลเชิงสาธารณะและภาพถ่ายเกี่ยวกับหลายบุคคลที่ อาจมีความเกี่ยวข้อง กับกลุ่มที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบในคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
โดยเฉพาะกรณีของ นาย Benjamin Mauerberger (Ben Smith) ซึ่งมีข้อมูลปรากฏว่าเคยเข้าร่วมพิธีลงนาม MOU กับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตามที่เผยแพร่ในสาธารณะ พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าภาครัฐ โดยเฉพาะหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง ควรชี้แจงเพื่อความโปร่งใสและลดความคลางแคลงใจของสาธารณะ
เหตุการณ์ทั้งหมดสะท้อนถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่รัฐต้องตรวจสอบ เส้นทางเงินและการถือครองหลักทรัพย์ อย่างเป็นระบบ เพื่อรักษาความเชื่อมั่นในตลาดทุน ป้องกันช่องโหว่ทางการเงินที่อาจถูกใช้โดยผู้ไม่หวังดี และเพื่อปกป้องความมั่นคงทางเศรษฐกิจของชาติ
พรรคประชาธิปัตย์จึงขอให้ ศปอ. ส.ตร., ก.ล.ต., ปปง. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการดังต่อไปนี้
1. ตรวจสอบธุรกรรมที่มีความผิดปกติของกลุ่มผู้ลงทุนที่อาจเกี่ยวข้องกับเครือข่ายต่างชาติ
จากข้อมูลที่พรรคได้ยื่นต่อ ก.ล.ต. และ ปปง. พบว่า มีรายชื่อของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในหลายบริษัทจดทะเบียนที่ ปรากฏว่าเชื่อมโยง กับบุคคลซึ่งอยู่ระหว่างกระบวนการตรวจสอบของรัฐ เช่น
• นาย Yim Leak
• นางสาวแคทรียา บีเวอร์
• ธนาคาร B.I.C. Bank (Cambodia)
• Capital Asia Investment
2. ตัวอย่างธุรกรรมผิดปกติที่ควรตรวจสอบอย่างเร่งด่วน
(ก) การเคลื่อนไหวหุ้นบางจาก (BCP)
• 26 พ.ย. 2568 — บางจากฯ อนุมัติซื้อหุ้นคืนวงเงิน 1,100 ล้านบาท
• 2 วันถัดมา — บริษัท ACE ขายหุ้น BCP จำนวน 27.1 ล้านหุ้น
• 3 ธ.ค. 2568 — ศปอ. ส.ตร. และ ปปง. มีคำสั่งยึด–อายัดทรัพย์บริษัท ACE
ธุรกรรมที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาใกล้เคียงกันนี้ อาจเป็นรูปแบบที่ควรได้รับการตรวจสอบเพิ่มเติมเพื่อความชัดเจน โดยเฉพาะในช่วงที่มีมาตรการยึด–อายัดทรัพย์จากภาครัฐ
(ข) ความเกี่ยวโยงของ ACE, MFC และ VGI ผ่านกลุ่ม OPUS – Chartered Issuances S.A.
ข้อมูลโครงสร้างผู้ถือหุ้นที่ ACE เผยแพร่ต่อสาธารณะเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2568 ระบุว่า Encore Issuance S.A. มีโครงสร้างผู้ถือหุ้นที่ มีความคล้ายคลึงกันในบางประการ กับ Opus – Chartered Issuances S.A. (“Opus SA”) ซึ่งเป็นผู้ถือครองหลักทรัพย์หลายรายการในตลาดทุนไทย ได้แก่
• MFC (มูลค่าประมาณ 750 ล้านบาท)
• VGI (ถือโดย Opus SA มูลค่าประมาณ 2,200 ล้านบาท และโดย CAI OPTIMUM FUND VCC – EDH INVESTMENTS มูลค่าประมาณ 2,900 ล้านบาท)
ข้อมูลในลักษณะนี้ อาจบ่งชี้ถึงความเกี่ยวโยงเชิงโครงสร้างผู้ถือหุ้น ซึ่งควรได้รับการตรวจสอบเพื่อประเมินความเสี่ยงด้านการเคลื่อนย้ายเงินทุนอย่างรอบด้าน
3. ขอให้ ก.ล.ต. ออกมาตรการ “Enhanced KYC” และตรวจสอบเส้นทางเงินที่อาจเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายข้ามพรมแดน
จากข้อมูลเบื้องต้น พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่า ควรตรวจสอบว่าเงินทุนบางส่วน
อาจมีความเกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงินระหว่างประเทศ รวมถึงเส้นทางค่าเงินกัมพูชา
4. ข้อสรุปด้านความมั่นคงของชาติ
หากมีการตรวจสอบธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ACE และกลุ่มนิติบุคคลที่มีโครงสร้างผู้ถือหุ้นเกี่ยวโยงกับ Opus SA ตามข้อมูลที่ปรากฏต่อสาธารณะ จะช่วยให้รัฐสามารถ
• ป้องกันความเสี่ยงของการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินข้ามพรมแดน
• ลดโอกาสที่ทรัพยากรทางการเงิน อาจถูกใช้โดยผู้ไม่หวังดี
• ปิดช่องว่างด้านการเงินที่อาจส่งผลต่อเสถียรภาพของประเทศ
• เสริมสร้างความโปร่งใสและความเชื่อมั่นต่อระบบกำกับดูแลในตลาดทุนไทย
การรักษาความมั่นคงของชาติในยุคนี้ ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการดูแลชายแดน แต่รวมถึงการปิดเส้นทางเงินที่อาจบ่อนทำลายเสถียรภาพของประเทศด้วย
พรรคประชาธิปัตย์พร้อมสนับสนุนทุกหน่วยงานรัฐในการดำเนินการอย่างมืออาชีพ เพื่อปกป้องประชาชนและผลประโยชน์ของประเทศไทย







