‘กองทัพ’ แจง ผู้ช่วยทูตฯ ‘ไทย’จำเป็นต้องใช้กำลังทหารกับ‘กัมพูชา’

‘กองทัพ’ แจง ผู้ช่วยทูตฯ ‘ไทย’จำเป็นต้องใช้กำลังทหารกับ‘กัมพูชา’

“กองทัพไทย” แจง ผู้ช่วยทูตทหาร19 ชาติ ย้ำเหตุที่ไทยต้องใช้ปฏิบัติการทางทหารเนื่องจากฝ่ายกัมพูชายั่วยุ และใช้อาวุธต่อประชาชน ยันไทยยึดหลักการ ใช้สิทธิป้องกันตนเอง ตอบโต้ตามสัดส่วน

ทีมโฆษกกองทัพไทย ระบุว่า เมื่อวานนี้( 9 ธ.ค. 2568 )กองทัพไทยได้จัดการประชุมชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ความมั่นคง ไทย-กัมพูชา โดยมี พลเอก ชิดชนก นุชฉายา เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย เป็นประธาน และมีผู้แทนของกรมข่าวทหารบก ผู้แทนของกรมข่าวทหาร ร่วมกับผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมให้ข้อมูลสำคัญต่อคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย จำนวน 19 ประเทศ ที่ กองบัญชาการกองทัพไทย ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ

การชี้แจงมุ่งเน้นประเด็นสถานการณ์ความมั่นคงบริเวณชายแดน โดยเฉพาะเหตุการณ์ทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงโจมตีก่อน และแสดงท่าทีเป็นปรปักษ์ต่อฝ่ายไทยมากขึ้น ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม 2568 ในพื้นที่ ภูผาเหล็ก-พลาญหินแปดก้อน อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ และกระจายไปยังหลายพื้นที่ อาทิ จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดสระแก้ว และจังหวัดตราด เป็นเหตุให้กำลังพลฝ่ายไทยได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิต 

นอกจากนี้ ยังปรากฏการใช้อาวุธต่อประชาชน โดยมีการยิงอาวุธ BM-21 ของกัมพูชาโจมตีใส่พื้นที่บ้านสายโท 10 ใต้ จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นพื้นที่บ้านเรือนประชาชน และยังเป็นเหตุให้กำลังพลฝ่ายไทยได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งทำให้ฝ่ายไทยจำเป็นต้องตอบโต้ตามกฎการปะทะเพื่อยับยั้งการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม 

ขณะเดียวกันยังยืนยันจุดยืนของไทยในการปกป้องอธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดน ทั้งนี้ การปฏิบัติการทางทหารจะดำเนินต่อไปจนกว่ากัมพูชาจะเปลี่ยนแนวทางและแสวงหาสันติภาพ

ขณะที่เสนาธิการทหาร ย้ำถึงเจตนารมณ์อันแน่วแน่ของไทยในการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธีตามหลักสากล แต่จากเหตุการณ์ยั่วยุที่ผ่านมา ทำให้ฝ่ายไทยมีความจำเป็นต้องดำเนินมาตรการตอบโต้ตามสัดส่วน 

โดยถือเป็นสิทธิ์ของไทยในการปกป้องอธิปไตย พร้อมทั้งกล่าวแสดงความขอบคุณต่อคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ ที่ให้เกียรติสละเวลาเข้ารับฟังการชี้แจง พร้อมทั้งให้ความสนใจ ซักถาม และแลกเปลี่ยนมุมมองอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นร่วมกันของประเทศต่างๆ ในการธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาค