แท็กทีมขุนพล ท้ารบ ฮุนเซน เดิมพัน‘ศักยภาพกองทัพ’ไทย-กัมพูชา

การปะทะ ระหว่างกองทัพไทยกับกองทัพของ“ฮุน เซน” จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะมีอธิปไตย ศักดิ์ศรี เกียรติยศ และขีดความสามารถทางทหารสองประเทศ เป็นเดิมพัน
KEY
POINTS
- "ฮุน เซน" กร้าวตอบโต้ไทย หลัง"อนุทิน"ประกาศยึดคืน 11 จุด
- รวมถึงนายพลไทย ระบุจะทำลายขีดความสามารถการป้องกันประเทศของกองกำลังกัมพูชาระยะยาว
- พล.อ.ชัยพฤกษ์ ลงพื้นที่ร่วมบัญชาการรบ ใน ศปก.ทบ.สน. ร่วมกับ แม่ทัพภาคที่ 2
ผบ.ทบ.ประจำ ศปก.ทบ. ตั้งอยู่ภายในกองบัญชาการกองทัพบก
ประสานงาน และอำนวยการยุทธ์ระดับกองทัพบก และระดับพื้นที่
ไพ่ใบเดิม “ฮุน เซน” ประธานวุฒิสภากัมพูชา ปล่อยภาพนายกฯ อนุทิน ชาญชีรกูล พร้อมภริยา สื่อให้เห็นความสัมพันธ์ใกล้ชิด กับ นางบัน สเร มอม ผู้ว่าราชการจังหวัดไพลินของกัมพูชา หลังจากที่เคยปล่อยคลิปเสียง ที่ได้ผลกับนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ถล่มรัฐบาลไทยชุดก่อน แต่ครั้งนี้ไม่ได้ผล
รอบนี้ รัฐบาล กระทรวงต่างประเทศ และกองทัพ ทำงานสอดผสานเป็นเนื้อเดียวกัน นับตั้งแต่เกิดเหตุปะทะภูผาเหล็ก-พลาญหินแปดก้อน จังหวัดศรีสะเกษ ทหารไทยถูกยิงเจ็บ 2 นาย
กองทัพ สั่งอพยพประชาชนจังหวัดอยู่ติดชายแดนกัมพูชา ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) กองทัพภาคที่ 1 (ทภ.1) และกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กป.จต.) ออกจากพื้นที่เสี่ยงโดยเร็ว ก่อนเปิดปฏิบัติการตอบโต้กัมพูชา
ส่วน นายกฯอนุทิน ไฟเขียวกองทัพเปิดปฏิบัติการทหาร ส่งสัญญาณไม่เจรจา รอมชอม จนกว่ากัมพูชาจะยอมทำตามข้อเสนอฝ่ายไทยอย่างไม่มีข้อแม้ ซึ่งการสู้รบเข้าสู่วันที่ 3 ในแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทุกด้าน
ขณะกระทรวงต่างประเทศเชิญคณะทูตจาก 58 ประเทศ 1 องค์กร 2 องค์การระหว่างประเทศรวม 73 คน ชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และความจำเป็นของไทยเปิดปฏิบัติการทางทหารปกป้องประชาชนและอธิปไตยของไทย
ควบคู่ไปกับการชี้แจงเอกอัครราชทูตมาเลเซีย และอุปทูตสหรัฐ ในฐานะประเทศที่เป็นสักขีพยานในการลงนามปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา (Joint Declaration)
ทำให้“ฮุน เซน” ถึงกับควันออกหู หลังเห็นปฏิกิยาแข็งกร้าวจาก “นายกฯอนุทิน” โดยเฉพาะคำประกาศของ เสธ.คู่ใจ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. เพื่อนเตรียมทหารรุ่น 26 (ตท.26) อย่าง พล.อ.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เสนาธิการทหารบก ที่ลั่นว่า
“เป้าหมายคือ กองทัพบก จะทำให้กัมพูชาสิ้นสภาพ ขีดความสามารถทางการทหารไปอีกยาวนาน เพื่อความปลอดภัยของลูกหลานของเรา”
พล.อ.ชัยพฤกษ์ ลงพื้นที่ร่วมบัญชาการรบ ในศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ส่วนหน้า(ศปก.ทบ.สน.) ร่วมกับ พล.ท.วีระยุทธ รักศิลป์ (ตท.26 ) แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ท.อดุลย์ จันทร์มา (ตท.26)ผบ.นสศ
ส่วน พล.อ.พนา ประจำ ศปก.ทบ. ตั้งอยู่ภายในกองบัญชาการกองทัพบก ถนนราชดำเนิน มอนิเตอร์สถานการณ์ร่วมกับ เจ้ากรมกําลังพลทหารบก เจ้ากรมการข่าวทหารบก เจ้ากรมยุทธการทหารบก เจ้ากรมส่งกำลังบำรุงทหารบก เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบก
เพื่อประสานงาน และอำนวยการยุทธ์ระดับกองทัพบก และระดับพื้นที่ ให้เกิดความรวดเร็วมีเอกภาพ และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ มีเพื่อนร่วมรุ่น ตท.26 เพื่อนคู่คิด เช่น พล.อ.ชิษณุพงศ์ รอดศิริ รอง ผบ.ทบ. พล.อ.ณรงค์ฤทธิ์ คัมภีระ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. พล.อ.อานุภาพ ศิริมณฑล หัวหน้านายทหารฝ่ายเสธประจําผู้บังคับบัญชา พล.ท.ธีรนันท์ นันทขว้าง เจ้ากรมข่าวทหารบก ตลอดจนถึง
“แม่ทัพกุ้ง” พล.ท.บุญสิน พาดกลาง ที่ปรึกษา ผบ.ทบ. และอดีต มทภ.2
ในส่วนระดับผู้บัญชาการทหาร มีพล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผบ.ทสส. (ตท.24 )ในฐานะ ผู้บัญชาการทหาร ทำหน้าที่บูรณาการเหล่าทัพให้ทำงานสอดผสานสนับสนุนการปฏิบัติการกองทัพบกตามแผนแผนจักรพงษ์ภูวนารถ
และปฏิบัติการปฏิบัติการยุทธบดินทร์ ทั้ง พล.อ.อ.เสกสรร คันธา (ตท.26) ผบ.ทอ. พล.ร.อ.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ (ตท.24) ผบ.ทร.
ล่าสุด “ฮุน เซน” โพสต์เฟซบุ๊ก ประกาศว่า กัมพูชาจะตอบโต้ไทยเต็มขีดความสามารถ โดยอ้างถึงคำแถลงการณ์ นายกฯอนุทิน เกี่ยวกับการยึด 11 จุด ที่เป็นข้อพิพาท
“นายกฯอนุทินของไทย ประกาศว่าจะใช้กำลังทหารยึด 11 จุด แม้เราจะยังไม่ทราบแน่ชัดว่า 11 จุดเหล่านี้อยู่ที่ไหน เพื่อให้การค้นหาตำแหน่งทำได้ง่าย และไม่ลำบาก กองกำลังติดอาวุธของเราทุกประเภท ต้องตอบโต้ในทุกจุดที่ข้าศึกโจมตี”
“เรากำลังปกป้องดินแดนของเรา ด้วยป้อมปราการที่แข็งแกร่งกับอาวุธทุกประเภท ขณะเดียวกัน ข้าศึกผู้รุกรานต้องระดมพลเพื่อโจมตีตำแหน่งของเรา พวกเขาไม่สามารถพกป้อมปราการติดตัวไปได้ และศรีษะของพวกเขา ก็ไม่ได้ทำด้วยเหล็กอย่างแน่นอน”
ฮุน เซน ยังวิพากษ์วิจารณ์ “นายพลไทยท่านหนึ่ง” ที่ประกาศจะต้องทำลายขีดความสามารถด้านการป้องกันประเทศของกองกำลังกัมพูชาในระยะยาว เพื่อความมั่นคงของไทย
“คำพูดของนายพลท่านนี้ ทรงพลังยิ่งกว่าคำพูดของมหาอำนาจทางทหารและอาวุธของโลก เราจะไม่นิ่งเฉยและปล่อยให้พวกเขาทำลายล้างตามใจชอบอย่างแน่นอน”
โดย “ฮุน เซน”เปิดตัวทหารมือขวาก่อนเกิดการปะทะเพียง 5 วัน พล.อ.ฮิง บุน เฮียง ผบ.BHQ และ พล.อ.สรัย ดึ๊ก รอง ผบ.ทบ.และ ผบ.กองพล 3 ที่เคยมีข่าวว่า บาดเจ็บ เสียชีวิต จาก F-16 บอมบ์ในเหตุปะทะรอบแรก
ทหารมือขวา ฮุนเซน ต่างยืนหน้ากระดานเรียงหนึ่งถ่ายภาพหมู่พร้อม “ฮุน มานี” รองนายกฯ ระหว่างการตรวจเยี่ยมให้กำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่บริหารชายแดนด้านจังหวัดพระวิหาร เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ยังไม่นับภาพของ “ฮุน เซน” นั่งประชุมผ่านวิดีโอคอลกับ พล.อ.เตีย บันห์ และเหล่าบรรดาทหารสายคุมกำลังอีกหลายคนบัญชาการรบ ในช่วงเช้าวันที่ 8 ธ.ค. หลังเกิดเหตุปะทะที่ “พลาญหินแปดก้อน” เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา
โดยมีฐานบัญชาการใหญ่อยู่ที่ “เป้ยตาดี” พื้นที่ปราสาทเขาพระวิหาร มี พล.อ.สรัย ดรึ๊ก เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ เข้ามาควบคุมทางยุทธวิธี
การปะทะรอบนี้ระหว่างกองทัพไทยกับกองทัพของ“ฮุน เซน” จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะมีอธิปไตย ศักดิ์ศรี เกียรติยศ และขีดความสามารถทางทหารของกองทัพสองประเทศเป็นเดิมพัน







