กองทัพ ป้อง 'ตาเมือนธม - ภูมะเขือ' ชี้ กัมพูชา รุกหนัก ส่วน F-16 ลงทุกเป้าหมาย

กองทัพ เดินหน้ายึดทุกที่หมาย กัมพูชา โต้หนัก ยิง BM-21-ปืนใหญ่ -โดรนพลีชีพ หวังเอาคืน “ตาเมือนธม - ภูมะเขือ” ด้าน ทอ. ย้ำใช้กำลังทางอากาศ2วัน ประสบความสำเร็จทุกเป้าหมาย
วันที่ 9 ธ.ค.68 เวลา 16.00 น. ที่ศูนย์แถลงข่าวร่วม สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก
พล.ต. วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก แถลงข่าว สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า วันนี้ในส่วนของพื้นที่กองทัพภาค2 กองกำลังสุรนารี มีปริมาณการตอบโต้กันด้วยอาวุธอย่างหนาแน่น ทางกัมพูชาเปิดฉากโจมตี ด้วยเครื่องยิงระเบิดหลายลำกล้อง BM-21 รวมถึงใช้โดรนทิ้งระเบิด หรือโดรนพลีชีพ ใส่ฐานที่มั่นของไทยจำนวนหนาแน่นมากตั้งแต่ช่วงเช้าในหลายพื้นที่เช่น ช่องบก ช่องอานม้า ปราสาทตาควาย ปราสาทคณา โดยเฉพาะพื้นที่ภูมะเขือและปราสาทตาเมืองธม ที่ฝ่ายกัมพูชาคงมีความพยายามอย่างหนักที่จะพยายามยึดคืน ส่วนฝ่ายไทยตอบโต้ด้วยอาวุธเล็งตรง อาวุธวิธีโค้ง ได้สร้างความเสียหายระดับหนึ่ง
นอกจากนั้นฝ่ายไทยพยายามเข้าควบคุมที่หมายสำคัญต่างๆให้ได้ แม้จะมี อุปสรรคจากการใช้อาวุธของกัมพูชาก็ตามซึ่งปัจจุบันกองกำลังสุรนารีปฏิบัติตามแผนในการต้านทานการโจมตีของทหารกัมพูชาอย่างต่อเนื่องและได้ผลักดันทหารกัมพูชาที่รุกล้ำอธิปไตยให้ออกจากพื้นที่
สำหรับพื้นที่ กองทัพภาคที่ 1รับผิดชอบโดยกองกำลังบูรพา ประกอบไปด้วย2พื้นที่ ได้แก่ บ้านหนองหญ้าแก้วที่เข้าเคลียร์พื้นที่ ได้ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN2 จำนวน2 ทุ่น พร้อมใช้งานนอกจากนั้นยังพบระเบิดแสวงเครื่องอีก2 ชุด ชุดที่หนึ่งประกอบจากกระสุนอาร์พีจี 3นัดและ ค. 60 จำนวน 1 นัด, ชุดที่2 ประกอบไปด้วยกระสุน ปรส.แบบ82 และระเบิดไดนาไมต์ ซึ่งได้ทำการเก็บกู้เรียบร้อยแล้ว
พื้นที่ 2 บริเวณบ้านคลองแผง อ. ตาพระยา จ. สระแก้ว หน่วยเฉพาะกิจ 11 ได้ใช้ปืนใหญ่รถถัง(oplot)ยิงทำลายคาสิโนของกัมพูชา ซึ่งตั้งอยู่ติดแนวชายแดน โดยสถานที่แห่งนี้ใช้เป็นที่ตั้งของอาวุธยิงสนับสนุน และป้อมปืนกล รวมถึงเป็นคลังอาวุธของทหารกัมพูชาเพื่อที่จะใช้โจมตีฝ่ายไทยบริเวณจุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยา โดยปัจจุบันกองกำลังบูรพากำลังปฎิบัติการโจมตีต่อเป้าหมาย โจมตีของฝ่ายกัมพูชาที่ยังเข้าขัดขวางด้วยจรวดBM 21 ตามปืนใหญ่ ปืน ค. อย่างต่อเนื่อง
ในปัจจุบันได้พบ บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย โดยพบร่องรอยลูกจรวดBM 21 พื้นที่โศกขามป้อม ต.ภูผาหมอก อ. กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ โดยบ้านเรือนได้รับความเสียหายแต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ นอกจากนั้นยังพบกระสุนปืนใหญ่ ตกใส่บ้านเรือนประชาชน ที่บ้านโคกทหาร หมู่5 ต.ทับเสด็จ อ. ตาพระยา โดยไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของบ้านหนองจานและหนองหญ้าแก้วนั้น ยังมีการใช้อาวุธใน2 พื้นที่อย่างต่อเนื่องแต่ก็ต้องยอมรับว่าตรงนั้นเป็นพื้นที่โล่ง บางพื้นที่ก็เข้าไปได้ แต่บางพื้นที่ ก็ไม่ปลอดภัยที่จะไปรอเฝ้ายึดอยู่ ก็เลยมีการสลับเข้าสลับออก ยกเว้นตรงพื้นที่หนองหญ้า แก้วที่เราควบคุมได้สมบูรณ์ที่สุดตอนนี้ไม่มีข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงส่วนหมู่บ้านอื่นนั้น ยังไม่ยืนยัน
ส่วนแนวโน้มของสถานการณ์นั้นพล.ต.วินธัย กล่าวว่า ฝ่ายไทยก็คงดำรงความมุ่งมั่นในการเข้าสู่ที่หมายและควบคุมพื้นที่ แต่วันนี้ฝ่ายกัมพูชายอมรับว่าวันนี้ตอบโต้ด้วยอาวุธเข้ามา ค่อนข้างหนัก และเริ่มมีการบาดเจ็บและสูญเสียมากขึ้น อย่างไรก็ตามเป็นความพยายามของฝ่ายไทยในการดำเนินภารกิจตามความมุ่งหมายให้ได้
พล.อ.ท.จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ ยืนยันว่า กองทัพอากาศได้มีการจัดลำดับความในการโจมตีเป้าหมายสำคัญ โดยพิจารณาร่วมกันกับกองทัพบก กองกำลังสุรนารี เช่น ศูนย์บัญชาการทางทหาร การส่งกำลังบำรุง คลังอาวุธ ยุทธโธปกรณ์ที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการปฎิบัติภารกิจของกองกำลังสุรนารี และได้คำนึงถึงความปลอดภัยของชีวิตประชาชนในพื้นที่
แนวคิดดังกล่าวส่งผลต่อการพิจารณาเลือกใช้อาวุธต่อเป้าหมายโดยมีเงื่อนไขสำคัญคือการป้องกันหรือควบคุมไม่ให้การปฏิบัติการใดๆ ไม่ให้กระทบต่อพี่น้องประชาชนไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไทยเองหรือฝ่ายกัมพูชาจึงนำไปสู่การตัดสินใจในการใช้อาวุธที่มีความแม่นยำสูงในการโจมตีเป้าหมาย สำหรับเป้าหมายที่ลึกเข้าไปในดินแดนของกัมพูชานั้นก็เป็นหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงของกำลังกองทัพอากาศ ตลอดช่วง2 วันที่ผ่านมาขอยืนยันว่า ประสบความสำเร็จแม้ไม่สามารถยืนยันว่ามีเป้าอะไรบ้าง ซึ่งเป็นการโจมตีเพื่อ ดำรงไว้ซึ่งขีดความสามารถของกำลังทางบกและคำนึงถึงความปลอดภัยของพี่น้องทหารที่ปฎิบัติหน้าที่ในยุทธบริเวณ รวมถึงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ทั้งนี้กองทัพอากาศขอยืนยันว่ามีความพร้อมสูงสุดในการสนับสนุนภารกิจของกองทัพไทย ทั้ง 3 กองกำลัง
พล.ต ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า สำหรับการบาดเจ็บของตำรวจตระเวนชายแดน(ตชด.)ที่ทำงานร่วมกับทหารในแนวหน้าได้รับบาดเจ็บทั้งหมด6 นาย จากสะเก็ดระเบิด และการปะทะ โดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สั่งการไปยังผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนให้ดูแลสิทธิสวัสดิการและการรักษาพยาบาลอย่างเต็มที่ พร้อมสั่งการ ให้ติดตามเสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและสนับสนุนภารกิจของกองทัพ
อย่างไรก็ตามขณะนี้สถานการณ์ไม่ปกติ จึงขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานรัฐและเอกชนให้ยกระดับการรักษาความปลอดภัยในจุดที่มีประชาชนพลุกพล่าน ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าหรือที่จัดกิจกรรมต่างๆให้ระมัดระวังบุคคลต้องสงสัยและสิ่งของที่เป็นอันตราย เพื่อป้อง ไ กันบุคคลไม่หวังดี ฉวยโอกาสการก่อวินาศกรรมหรือก่อการร้าย และหากพบสิ่งผิดปกติให้แจ้งมาที่ 191 หรือ 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง







