สงครามโค่น 'ฮุน เซน' ส่อง 'สม รังสี' รอขยี้ 'จักราวุธ' รุกเงียบ

พญามังกรไม่ปลื้ม “ตระกูลฮุน” แอบหนุน “นโรดม จักราวุธ” รุกงานมวลชนสะสมบารมี “ฮุน มาเนต” หวนซบเวียดนาม 

หาก สมเด็จฮุน เซน ผู้นำมากบารมีแห่งกัมพูชาย้อนเวลาคืนได้ คงไม่คิดทำสงครามกับประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยความโกรธที่ข้อตกลงการสำรวจปิโตรเลียมบริเวณ พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา ไม่ปรากฏเป็นจริงดังที่คาดหวัง

ทำไมสมเด็จฮุน เซน จึงตั้งความหวังไว้สูงเรื่องเจรจาแบ่งผลประโยชน์แหล่งพลังงานพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล 26,000 ตร.กม. ของไทย-กัมพูชา เพื่อนำขึ้นมาใช้ทดแทนแหล่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย

เนื่องจากสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีการรื้อฟื้นการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทยมาเป็นระยะๆ โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีสมัยนั้น เป็นคนเดินเกมเจรจากับกัมพูชา

ดังนั้น รัฐบาลเศรษฐาจึงสานต่อการเจรจาเรื่องดังกล่าว จนถึงรัฐบาลแพทองธาร แต่ไม่มีความคืบหน้า สมเด็จฮุน เซน ก็เริ่มไม่พอใจ

ช่วงเดือน พ.ค.2568 สมเด็จฮุน เซน เบนเป้าหมายทางการเมืองมายังชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน ช่องบก หรือสามเหลี่ยมมรกต

วันที่ 15 มิ.ย.2568 กัมพูชานำ ข้อพิพาทเรื่องเขตแดน 4 พื้นที่ (ตาเมือนธม, ตาเมือนโต๊ด, ตาควาย, และสามเหลี่ยมมรกต) เข้าสู่ศาลโลก

จากนั้นไม่นาน การสู้รบของทหารไทย-ทหารกัมพูชาก็เริ่มขึ้น และกินเวลานาน 5 วัน จึงยุติลงด้วยการเจรจาสงบศึกชั่วคราวที่มาเลย์

กลเกมอินทรีสองหน้า

ตอนที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ รับบทพระเอกเรื่องดีลสันติภาพไทย-กัมพูชา ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ในวันอาทิตย์ 26 ต.ค.2568 กูรูการเมืองไทยบางคนมองว่า สหรัฐเลือกข้างเขมร

ตรงกันข้าม “พญาอินทรี” เล่นเกมสองหน้า ด้านหนึ่งก็แอบหนุน สม รังสี อดีตผู้นำฝ่ายค้านกัมพูชา ในฐานะประธานสภาต่อต้านแห่งชาติกัมพูชา(CNRC) ซึ่งเพิ่งจัดตั้ง “รัฐบาลอิสระแห่งกัมพูชา 23 ตุลาคม” ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

หลายคนคงจำได้ ปลายปี 2564 “รัฐบาลวอชิงตัน” สมัยประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐ ใช้มาตรการเข้มสั่งคว่ำบาตรอาวุธต่อกัมพูชา โดยอ้างมีความกังวลในเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน ทุจริตคอร์รัปชัน และการเข้ามามีอิทธิพลของจีนในกัมพูชา

ฉะนั้น สม รังสี จึงกล้าประกาศว่า จะกลับพนมเปญ เพื่อฟื้นฟูพรรคการเมืองใหม่ เพียงแต่รอหลักประกันจากรัฐบาลสหรัฐ โดยจะต้องให้การคุ้มครองบรรดานักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยในการเดินทางคืนสู่มาตุภูมิ

ปัญหาสแกมเมอร์ในกัมพูชา ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ดึงสหรัฐ เข้ามามีบทบาทเป็นคนกลางจับไทย-กัมพูชา มาลงนามในดีลสันติภาพหนนั้น

สมเด็จฮุน เซน ผู้ช่ำชองเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ เสี่ยงเล่นไพ่สหรัฐ-จีน จึงตกที่นั่งลำบาก เมื่อเห็นความคึกคักของฝ่ายต่อต้านในต่างประเทศ

จริงอยู่ “ทรัมป์” มองปัจจัยเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ที่ต้องการถ่วงดุลอำนาจ “ปักกิ่ง” ในกัมพูชา จึงหนุนตระกูล “ฮุน” ทำดีลสันติภาพ แต่ประเด็นอาชญากรรมออนไลน์ก็เป็นเรื่องร้ายแรงที่สหรัฐ ต้องหยุดยั้งให้ได้เช่นกัน

มังกรคิดเปลี่ยนเกม

เมื่อเร็วๆ นี้ ทรงฤทธิ์ โพนเงิน นักวิชาการลุ่มน้ำโขง ได้วิเคราะห์กรณีกัมพูชา และบทบาทของประเทศจีนในปัจจุบัน โดยจีนเริ่มแสดงความไม่พอใจต่อสมเด็จฮุน เซน ที่อายุมากขึ้น สุขภาพไม่แข็งแรง และทายาท ฮุน มาเนต นายกฯ ที่ความนิยมถดถอย จึงมีแนวคิดจะเปลี่ยนผู้นำ และมองหาคนใหม่ที่จะก้าวขึ้นสู่อำนาจ

จีนต้องการให้ฮุน เซน ยุติปัญหาความขัดแย้งกับไทย โดยเฉพาะเรื่องชายแดน เพราะส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และการลงทุนของจีนในภูมิภาคนี้

เมื่อต้นเดือนต.ค.2568 เจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้เดินทางไปเยี่ยม เจ้านโรดม จักราวุธ หัวหน้าพรรคฟุนซินเปก

การที่ตัวแทนมหาอำนาจจีน จัดฉากไปเยี่ยมเจ้านโรดม จักราวุธ เป็นการส่งสัญญาณให้ฮุน เซน รู้ว่า อำนาจปกครองกัมพูชา ไม่ได้อยู่ที่ตระกูลฮุนเพียงกลุ่มเดียว

 

เหนืออื่นใด “จักราวุธ” เป็นหลานปู่ของสมเด็จพระนโรดม สีหนุ ซึ่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน เคยให้การสนับสนุนในยุคสงครามเย็น จึงมีความไว้วางใจได้มากกว่าการจะไปหนุน “สม รังสี” ที่โปรสหรัฐ 

“จักราวุธ” เป็นพระราชโอรสองค์โตของสมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์ อดีตประธานพรรคฟุนซินเปก และอดีตนายกฯ กัมพูชา ผู้ล่วงลับ

ก่อนหน้านี้ นโรดม รัตนาเทวี น้องสาวเขาเป็นผู้ที่สนใจการเมือง และเป็นผู้แบกพรรคฟุนซินเปก หลังจากพระบิดาละทิ้งพรรคนี้ไปตั้งพรรครณฤทธิ์

ภายหลัง นโรดม รัตนาเทวี พยายามประนีประนอมกับสมเด็จฮุน เซน และส่งไม้ต่อให้น้องชาย-จักราวุธ นั่งผู้นำพรรคคนใหม่

ด้วยท่าทีที่อ่อนน้อมถ่อมตนของจักราวุธ ในการเลือกตั้งปี 2566 ฮุน เซนจึงโอบอุ้มพรรคฟุนซินเปก สั่ง กกต.กัมพูชา ไฟเขียวให้พรรคฝ่ายเจ้ามี สส. 5 ที่นั่ง

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ จักราวุธ ประธานพรรคฟุนซินเปก ได้ทำกิจกรรมลงพบปะชาวบ้านในเขตชนบท เพื่อปูทางสู่การจัดตั้งขยายฐานเสียงในเขตชนบท

หวนคืนจูบปากมังกรแดง

ขณะที่ไฟสงครามชายแดนปะทุอีกรอบ เช้าวันที่ 8 ธ.ค.2568 ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และฝั่ม มิญ จิ๊ญ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ได้ร่วมกันเปิดด่านชายแดนระหว่างประเทศ Tan Nam จังหวัดเต็ยนิญ- Meun Chey จังหวัดเปรยแวง

“ฮุน มาเนต” กล่าวว่า การเปิดด่านชายแดนครั้งนี้ เป็นการยืนยันความร่วมมือระหว่างกัมพูชา-เวียดนาม ในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสามัคคี มิตรภาพแบบดั้งเดิม

เมื่อวันที่ 13 พ.ย.2568 พล.อ.เตีย เซ็ยฮา รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมกัมพูชา ก็ได้นำคณะเข้าร่วมประชุมระดับรัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชา-เวียดนาม โดย พล.อ.ฟาน วันยาง รมว.กลาโหมเวียดนาม ได้ให้การต้อนรับที่ด่านชายแดนหมายเลข 171 จ.เต็ยนิญ เวียดนาม

การพบกับ “ฟาน วันยาง” รมว.กลาโหมเวียดนามในครั้งนั้น “เตีย เซ็ยฮา” พูดเหมือน “ฮุน มาเนต” คือย้ำคำว่า “มิตรภาพแบบดั้งเดิม”

สงครามไทย-กัมพูชารอบใหม่ คงวัดใจสมเด็จฮุน เซน ว่าจะเลือกเล่นเกมแบบไหน เมื่อรัฐบาลอนุทิน ส่งสัญญาณจะไม่ยอมขึ้นโต๊ะเจรจาสันติภาพแบบเดิม

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์