‘อนุทิน’ ลุย ชายแดนไทย-กัมพูชา 8ธ.ค. กองทัพตรึงกำลัง ความไม่แน่นอนสูง

‘อนุทิน’ ลุย ชายแดนไทย-กัมพูชา 8ธ.ค. กองทัพตรึงกำลัง ความไม่แน่นอนสูง

“ไตรศุลี” เผย "อนุทิน" ลุย ชายแดนไทย-กัมพูชา 8ธ.ค.นี้ หลังเกิดเหตุปะทะ ตรวจความพร้อมจัดการพิทักษ์ส่วนหลังเพื่อความปลอดภัย ปชช. สนับสนุน ทหารส่วนหน้าปฏิบัติภารกิจเต็มกำลัง

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (8 ธ.ค. 68) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะ มีกำหนดนำคณะลงพื้นที่ 4 จังหวัด ชายแดน ไทย–กัมพูชา ได้แก่ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี สุรินทร์ และบุรีรัมย์ เพื่อติดตามสถานการณ์ด้านความมั่นคง รวมถึงการจัดการพิทักษ์ส่วนหลัง รวมถึงมาตรการรองรับประชาชนในพื้นที่เสี่ยง หลังจากที่วันนี้ (7ธ.ค.68) เกิดเหตุปะทะระหว่างกำลังฝ่ายไทยและกัมพูชาบริเวณ ภูผาเหล็กพลาญหินแปดก้อน ทำให้ต้องยกระดับการเตรียมพร้อมในพื้นที่อย่างเข้มงวด และกองทัพภาคที่2 ได้แจ้งเตือนประชาชนใน 4 จังหวัดชายแดนให้ดำเนินการอพยพ

ทั้งนี้ นายอนุทิน ได้รับรายงานและติดตามสถานการณ์ชายแดนในพื้นที่อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง โดยได้แสดงความห่วงใยต่อกำลังพล รวมถึงประชาชนในจังหวัดชายแดน จึงสั่งการให้ทุกหน่วยงานบูรณาการด้านความปลอดภัย พร้อมตัดสินใจลงพื้นที่โดยเร็ว เพื่อรับฟังข้อมูลจากกองทัพและฝ่ายปกครองในพื้นที่จริงเพื่อกำหนดมาตรการสนับสนุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต่อไป 

“นายกรัฐมนตรี กำชับให้กองทัพดูแลกำลังพลส่วนหน้าอย่างเต็มที่ และให้จังหวัดต่างๆ เตรียมระบบรองรับประชาชนในพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะศูนย์พักพิงตามแผนอพยพ การลงพื้นที่ครั้งนี้ก็เพื่อประเมินสถานการณ์และเตรียมมาตรการรองรับหากมีความตึงเครียดเพิ่มขึ้น” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

ทั้งนี้ ข้อมูลจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า เหตุปะทะเกิดขึ้น

เวลา 14.15 น. ของวันที่ 7 ธ.ค. หลังฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อนบริเวณภูผาเหล็ก–พลาญหินแปดก้อน ทำให้ฝ่ายไทยตอบโต้

ก่อนสถานการณ์ยุติลงในเวลา 14.50 น. แต่ยังคงประเมินว่ามีความไม่แน่นอนสูง หน่วยในพื้นที่ต้องตรึงกำลังและเฝ้าระวังตลอดเวลา โดยมีรายงานกำลังพลไทยบาดเจ็บ 2 นาย

นอกจากนี้ ศูนย์ปฏิบัติการ ทภ.2 ได้แจ้งเตือนประชาชนใน 4 จังหวัดชายแดนให้ดำเนินการอพยพตามแผน เพื่อความปลอดภัยสูงสุด  โดยการที่นายกรัฐมนตรีเตรียมลงพื้นที่ในวันที่ 8 ธ.ค.นี้ จะมีการหารือถึงมาตรการรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นเพิ่มเติมต่อไปด้วย