ไทยสร้างไทย ซัดคำสั่ง มท. ย้าย 196 นายอำเภอ ทำระบบคุณธรรมพัง

ไทยสร้างไทย ซัดคำสั่ง มท. ย้าย 196 นายอำเภอ ทำระบบคุณธรรมพัง

"ไทยสร้างไทย" ซัดคำสั่งมหาดไทย ย้าย 196 นายอำเภอ ทำระบบคุณธรรมพัง  ย้าย ‘ชินวัต’ เหมือนลงโทษเพราะไม่ก้มหัวให้การเมือง 

6 ธ.ค.นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ออกมาแสดงความเห็นต่อคำสั่ง แต่งตั้งโยกย้ายนายอำเภอ 196 คนของปลัดกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยชี้ว่าเป็นคำสั่งที่ทำให้วงราชการตื่นตระหนกและตั้งคำถามอย่างหนักถึงความยุติธรรมและความโปร่งใส โดยเฉพาะกรณีของ นายชินวัต ทองปรีชา นายอำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม ซึ่งถูกย้ายไปเป็นนายอำเภอนาทม อำเภอที่เล็กที่สุดและไกลที่สุดของจังหวัด จนถูกมองว่าเป็น “การลงโทษทางอ้อม” ทั้งที่ไม่มีเหตุผลด้านผลงานหรือวินัยมารองรับแม้แต่น้อย

คำสั่งดังกล่าวสร้างความตกใจไปทั่วจังหวัดนครพนม เพราะนายชินวัตเป็นนายอำเภออาวุโสลำดับ 2 ของจังหวัด เพิ่งเข้ารับตำแหน่งนายอำเภอท่าอุเทนได้เพียง 9 เดือนเศษ กำลังลงพื้นที่ขับเคลื่อนงานพัฒนาต่าง ๆ จนประชาชนในพื้นที่ชื่นชมในความตั้งใจและความทุ่มเท อีกทั้งไม่เคยมีประวัติถูกสอบสวนหรือถูกกล่าวหาว่าละเว้นหน้าที่ แต่กลับถูกย้ายอย่างกะทันหันราวกับมีความผิดร้ายแรง ทั้งที่ตามหลักการแล้วผู้บังคับบัญชามักหลีกเลี่ยงการโยกย้ายในระยะเวลาอันสั้นเช่นนี้ เพื่อให้เกียรติและเปิดโอกาสให้ข้าราชการได้แสดงผลงานในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้หลายฝ่ายมองว่า

การย้ายครั้งนี้ “ผิดธรรมเนียม ผิดหลักคุณธรรม และผิดตรรกะราชการ” ทุกประการ

นายชวลิต ย้ำว่านายชินวัตร มีผลงานโดดเด่นต่อเนื่องมานับสิบปี เป็นนายอำเภอนักพัฒนาที่ได้รับรางวัลสำคัญมากมาย ทั้งรางวัลข้าราชการพลเรือนดีเด่น (ครุฑทองคำ) ประจำปี 2554, รางวัลอาสาสมัครดีเด่นแห่งชาติ ปีเดียวกัน, รวมถึงรางวัลหมู่บ้านเข้มแข็ง “แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง” ปี 2566 และล่าสุดยังคว้ารางวัลชนะเลิศการประกวดเรือไฟ งานไหลเรือไฟปี 2568 เป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นและผลงานเชิงประจักษ์ จึงยากจะหาเหตุผลใดมารองรับคำสั่งย้ายครั้งนี้ นอกจากคำถามเรื่อง “แรงกดดันทางการเมือง”

นายชวลิตเปิดเผยว่า ในฐานะที่ตนเคยดำรงตำแหน่งนายอำเภอท่าอุเทนเมื่อปี 2537 และรู้บริบทพื้นที่เป็นอย่างดี ได้รับข้อมูลเชิงลึกชัดเจนว่า การย้ายครั้งนี้เกี่ยวข้องกับการแทรกแซงของนักการเมืองโดยตรง เพราะนายอำเภอชินวัต “ไม่ยอมอยู่ใต้ปีก” หรือไม่ทำตามความต้องการของผู้มีอำนาจทางการเมืองบางกลุ่ม จึงถูกจัดการด้วยวิธีโยกย้ายแบบลดชั้น ทั้งที่อำเภอนาทมแม้อยู่ในจังหวัดเดียวกัน แต่ถือว่าเป็นตำแหน่งที่ถูกมองว่ามีบทบาทและทรัพยากรน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด จนเทียบได้กับการลงโทษ

รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ย้ำว่า หากผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยยังใช้อำนาจแบบ “ตามอำเภอใจ” โดยไม่ยึดถือหลักคุณธรรม ไม่เคารพกลไกและธรรมเนียมการแต่งตั้งข้าราชการที่มีมาอย่างยาวนาน ย่อมจะทำลายความเชื่อมั่นของข้าราชการทั่วประเทศ ในวันนี้ไม่ใช่เพียงนายอำเภอชินวัต เพียงคนเดียวที่ได้รับผลกระทบ แต่เป็นข้าราชการมหาดไทยทั่วประเทศ ที่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวว่า “ทำดีไม่ได้ดี” จนเริ่มเกิดภาวะประท้วงเงียบ ซึ่งอันตรายต่อการบริหารราชการอย่างยิ่ง เพราะนายอำเภอเปรียบเสมือนนักรบแนวหน้า หากแนวหน้าขาดขวัญกำลังใจ ประชาชนจะเป็นผู้เดือดร้อนโดยตรง และรัฐบาลเองจะได้รับความเสียหายในที่สุด

นายชวลิตฝากถึงปลัดกระทรวงมหาดไทยว่า ตำแหน่งปลัด เป็นที่พึ่งสุดท้ายของระบบราชการมหาดไทย หากไม่ยืนหยัดบนหลักการ ไม่กล้าแก้ไขสิ่งที่ผิด ก็เท่ากับทำลายระบบของตนเอง พร้อมย้ำว่า “การเมืองมาแล้วก็ไป แต่มหาดไทยยังอยู่” ผู้บริหารควรธำรงหลักการให้มั่น เพื่อให้ข้าราชการมีแรงใจทำงานเพื่อประชาชนอย่างเต็มที่

พร้อมส่งสัญญาณเตือนไปยังนักการเมืองที่ใช้อำนาจแทรกแซงจนเกินงามว่า ประชาชนรู้ดีว่ามีอะไรเกิดขึ้น และจะตอบสนองในวันเลือกตั้งอย่างแน่นอน พร้อมเรียกร้องให้มีการทบทวนคำสั่งโยกย้ายอันไม่เป็นธรรมครั้งนี้โดยเร่งด่วน เพื่อรักษากำลังใจของนายอำเภอและข้าราชการทั่วประเทศที่กำลังสั่นคลอนอย่างหนัก