ปม‘สแกม’รุมสกรัมรัฐบาล ‘ส้ม-ฟ้า-แดง’ งัดเกม‘สู้ทุนเทา’ เขย่าภท.

ปม‘สแกม’รุมสกรัมรัฐบาล ‘ส้ม-ฟ้า-แดง’ งัดเกม‘สู้ทุนเทา’ เขย่าภท.

สแกมเมอร์และทุนเทาจากทั้ง 3 พรรค ถูกมองว่าเป็นเกมการเมืองเพื่อชิงคะแนนนิยมและสั่นคลอนรัฐบาลที่มีพรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำ

KEY

POINTS

  • ภาพถ่ายของนายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล (หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย) กับบุคคลที่เชื่อมโยงกับขบวนการสแกมเมอร์ ถูกนำมาใช้เป็นประเด็นโจมตีรัฐบาล
  • พรรคประชาชน (ส้ม) และพรรคประชาธิปัตย์ (ฟ้า) ใช้ประเด็น "ทุนเทา" และภาพดังกล่าวตั้งคำถามถึงความสัมพันธ์ของบุคคลในรัฐบาลกับเครือข่ายสแกมเมอร์ เพื่อเขย่าเสถียรภาพของพรรคภูมิใจไทย (ภท.)
  • นายกฯ อนุทิน ชี้ว่าเป็น "เกมการเมือง" และพาดพิงถึงความขัดแย้งในอดีตกับพรรคเพื่อไทย (แดง) ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้พรรคแดงใช้ประเด็นนี้โจมตีกลับพรรคภูมิใจไทยเช่นกัน
  • การโจมตีเรื่องสแกมเมอร์และทุนเทาจากทั้ง 3 พรรค (ส้ม-ฟ้า-แดง) ถูกมองว่าเป็นเกมการเมืองเพื่อชิงคะแนนนิยมและสั่นคลอนรัฐบาลที่มีพรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำ

 

ภาพถ่ายที่ถูกแชร์ว่อนโซเชียล  โดยภายในภาพมี “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย “เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ” รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง  “บิ๊กแดง”  พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)

รวมถึงบิ๊กเนมจากหลากหลายแวดวง ร่วมเฟรมกับ “เบน สมิธ” บุคคลที่ถูกตั้งข้อสงสัยจากสังคมและฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคประชาชนที่เคยอภิปรายในสภาฯถึงความเชื่อมโยงขบวนการ “สแกมเมอร์ข้ามชาติ” 

ปม‘สแกม’รุมสกรัมรัฐบาล ‘ส้ม-ฟ้า-แดง’ งัดเกม‘สู้ทุนเทา’ เขย่าภท.

ล่าสุดแม้จะมีคำยืนยันจาก “3บุคคล” ที่ปรากฏในภาพทั้ง “นายกฯอนุทิน” ที่ยืนยันว่า เป็นภาพเก่าเมื่อปี 2557 ระหว่างเดินทางไปสิงคโปร์ และยืนยันว่าไม่ได้คบหากับ “เบน สมิธ”

ไม่ต่างจาก “เอกนิติ”  ชี้แจงว่า เป็นงานเลี้ยงหลักสูตรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)ซึ่งไปในฐานะที่ปรึกษา และอาจารย์ของหลักสูตรไม่รู้จักทุกคน

เช่นเดียวกับ “บิ๊กแดง” ที่ชี้แจงว่า ภาพดังกล่าวเป็นภาพปี 2557 ขณะเรียนหลักสูตรวปอ. เดินทางไปดูงานที่สิงคโปร์ไม่ได้สนิทคบหา เป็นการรู้จักผิวเผิน “เบน สมิธ”

ทว่าความน่าสนใจคือ ภาพถ่ายที่ถูกปล่อยออกมาในช่วงค่ำวันที่3ธ.ค.ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ “อนุทิน” นำทีมแถลงผลปฏิบัติการถอนราก“สแกมเมอร์ข้ามชาติ” หลังสำนักงานปปง.ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขยายผลปราบปรามดำเนินคดี4ผู้ร่วมขบวนการ พร้อมยึดของกลางกว่า 10,000 ล้านบาท

ฉะนั้นนอกเหนือจะนำมาซึ่งเสียงทวงถามถึง “ความจริงใจ” ของรัฐบาลในการแก้ปัญหาระดับชาติที่ยังคาราคาซังอยู่ในเวลานี้แล้ว ยังสะท้อนชัดถึงจังหวะทางการเมืองในการหยิบประเด็น “สู้ทุนเทา” เพื่อช่วงชิง “คะแนนนิยม” 

ปม‘สแกม’รุมสกรัมรัฐบาล ‘ส้ม-ฟ้า-แดง’ งัดเกม‘สู้ทุนเทา’ เขย่าภท.

คล้อยหลังไม่กี่ชั่วโมงสัญญาณจากพรรคส้ม อาทิ  “รังสิมันต์ โรม”สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.)ที่เคยอภิปรายเรื่องนี้ในสภาฯ ออกมาตั้ง4ข้องสังเกต เหตุใด “เบน สมิธ” จึงไม่มีใครกล้าแตะต้อง การยึดอายัดทรัพย์เป็นแค่เพียงการลดกระแสสังคมใช่หรือไม่ เหตุใดยังมีรัฐมนตรีซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตุว่ามีความเชื่อมโยงอยู่ในรัฐบาล

ไม่ต่างจาก “พรรคฟ้า” ประชาธิปัตย์ ซึ่งช่วงที่ผ่านมาโหมโรงแคมเปญ “เปิดฟ้าใหม่ไล่เมฆเทา” แถมก่อนหน้านี้ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรค ยังโชว์แอ็กชั่นนำทีมยื่นหลักฐานต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ป.ป.ง.)เพื่อดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้องด้วยตนเอง

เหนือไปกว่านั้นหลังปรากฏภาพยังชิงเกมเร็วออกแถลงการณ์ช่วงค่ำวันเดียวกัน ขยี้ไปที่ “อนุทิน”และ “เอกนิติ” ออกมาชี้แจงความสัมพันธ์ รวมถึงกรณีบุคคลที่เคยมีความเกี่ยวข้องกับ “เบน สมิธ” ในฐานะ “อดีตที่ปรึกษากฎหมาย” และปัจจุบันดำรงตำแหน่งในรัฐบาล

ปม‘สแกม’รุมสกรัมรัฐบาล ‘ส้ม-ฟ้า-แดง’ งัดเกม‘สู้ทุนเทา’ เขย่าภท.

ขณะที่ท่าทีของ “นายกฯหนู” ฟันธงถึงต้นตอภาพถ่ายที่ถูกปล่อยออกมาเป็น“เกมการเมือง” เพราะปกติแล้วตนไม่ได้ติดต่อและไม่ได้มีธุรกิจร่วมกับน “เบน สมิธ” พร้อมตั้งคำถามไปถึงกรณีการไม่ได้สัญชาติไทย

จับเวิร์ดดิ้งที่นายกฯ พูดถึงชนวนที่ทำให้ถูกปลดจากรัฐมนตรีมหาดไทย โดยระบุว่า “เป็นหนึ่งในข้อหาที่ผมโดนขอให้ออกจากรัฐมนตรีมหาดไทย แต่ยืนยันไม่ใช่เป็นการปลดจากรัฐบาล ตอนนั้นเป็นการให้ผมไปเป็นรัฐมนตรีสาธารณสุข แต่ผมไม่เอาเขาไม่ได้ปลดผมออกจากรัฐบาล ผมถอนตัวเอง”

แน่นอนว่าพุ่งตรงไปที่ “พรรคเพื่อไทย” ซึ่งเคยกุมอำนาจบริหาร ก่อนนำมาสู่การยึดคืนกระทรวงมหาดไทยจาก “พรรคภูมิใจไทย” ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลจนเกิดฉากแตกหักระหว่าง2พรรคในท้ายที่สุด 

อย่างที่รู้กันในช่วงที่การเมืองกำลังส่งสัญญาณเลือกตั้ง ทั้งกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ประกาศแบ่งเขตเลือกตั้ง77จังหวัด รวมถึงการจับตาไปที่การประกาศยุบสภาของ “นายกฯอนุทิน” เร็วสุดคือเดือนธ.ค.2568หรือช้าสุดไม่เกินเดือนม.ค.2569

ยิ่งในสภาวะที่ “รัฐบาลอนุทิน” กำลังเผชิญ “4ภัย” คือ ภัยเศรษฐกิจ ความมั่นคง ภัยสังคม และภัยธรรมชาติ ที่กำลังเซาะกร่อนคะแนนนิยมรัฐบาลให้เป็นอันต้องเสียจังหวะไม่ได้ถือแต้มต่อเหมือนก่อนหน้านี้ด้วยแล้ว

ย่อมกลายเป็นโอกาสของ “พรรคส้ม” ที่พยายามขายภาพความเป็น “พรรคกระแส” เพื่อไต่บันไดไปสู่เป้าหมาย“ตั๋วผู้แทน” 200อัพ ลบฝันร้ายจัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จในเกมการเมืองรอบที่ผ่านมา 

ไม่ต่างจาก “พรรคฟ้า” ที่เคยรุ่งโรจน์ในฐานะ “หัวขบวนอนุรักษนิยม” ในยุคที่มี “อภิสิทธิ์” เป็นหัวหน้าพรรค มารอบนี้ไม่เพียงแต่ต้อง “กอบกู้เรตติ้ง” ที่เสียไปในรอบหลายปีให้กลับคืนมาแต่เพียงเท่านั้น แต่ยังมีเดิมพันสูงไปถึงการดึงแต้มฝ่ายอนุรักษนิยม โดยเฉพาะในส่วนของภูมิใจไทยซึ่งเป็นฐานเสียงเดียวกันกลับคืนมา 

ขณะที่ “พรรคแดง” อย่างที่รู้กันหลัง “แพทองธาร ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี สิ้นอำนาจจากคดีคลิปเสียง ไม่ต่างจากชะตากรรมของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯผู้เป็นบิดา ที่กำลังเผชิญชะตากรรมถูกเกมนิติสงครามรุกไล่ 

ในขณะที่สถานการณ์เพื่อไทยกำลังเผชิญสภาวะสส.ไหลออก ปลายทางคือ“พรรคสีน้ำเงิน” รวมถึงพรรคการเมืองในซีกรัฐบาล จุดนี้จึงกลายเป็น “โอกาส” พรรคแดงในการเปิดเกมแค้นเอาคืน“พรรคน้ำเงิน” ในจังหวะที่กำลังเพลี่ยงพล้ำ

เหล่านี้สะท้อน“สัญญาณการเมือง” ที่ยิ่งใกล้เข้าสู่วันหย่อนบัตรเลือกตั้งมากเท่าไหร่ ความร้อนแรงก็จะยิ่งทวีความเข้มข้นมากขึ้นเท่านั้น!