ร้อง ป.ป.ช.สอบนักการเมือง ร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' ผิดจริยธรรมหรือไม่

ร้อง ป.ป.ช.สอบนักการเมือง ร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' ผิดจริยธรรมหรือไม่

ถึงคิว 'ศรีสุวรรณ' ลุยร้อง ป.ป.ช.สอบ 'นักการเมือง-นักธุรกิจ' ถ่ายภาพร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' ส่อเข้าข่ายผิดจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่

KEY

POINTS

  • นายศรีสุวรรณ จรรยา ยื่นร้อง ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบนายกฯ อนุทิน, รองนายกฯ เอกนิติ และบุคคลอื่นๆ กรณีปรากฏภาพถ่ายร่วมกับ 'เบน สมิธ'
  • 'เบน สมิธ' เป็นบุคคลที่ถูก ปปง. และหน่วยงานรัฐตรวจสอบว่าอาจเกี่ยวข้องกับเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติ
  • ผู้ร้องเรียนชี้ว่าการคบหาสมาคมกับบุคคลต้องสงสัยอาจเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
  • ฝ่ายผู้ถูกร้องชี้แจงว่าเป็นภาพเก่าที่พบกันโดยบังเอิญ แต่ผู้ร้องเห็นว่าเป็นข้อพิรุธที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์และต้องการให้มีการไต่สวน

เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2568 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ยื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ไต่สวนและมีความเห็นว่า กรณีที่โซเชียลมีเดียเผยแพร่ภาพบุคคลต่างๆโดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯ และ รมว.คลัง และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หลายคน รวมทั้งนักธุรกิจพลังงานชื่อดังถ่ายภาพมากมายหลายกิจกรรมร่วมกับนาย เบน สมิธ ซึ่งเป็นบุคคลที่ถูกหน่วยงานรัฐหลายหน่วยงาน รวมทั้ง ปปง.ตรวจสอบธุรกรรมว่าเกี่ยวข้องกับเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติหรือไม่ จะเป็นการคบหาสมาคมกับบุคคลต้องสงสัยของ ปปง. และหน่วยงานรัฐในกระบวนการยุติธรรมอันถือได้ว่าขัดต่อมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่

ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากการที่โลกออนไลน์เผยแพร่ภาพของ นายอนุทิน ปรากฏภาพร่วมเฟรมกับ นายเบน สมิธ ขณะรับประทานอาหาร พูดคุย ดื่มไวน์ บนโต๊ะเดียวกัน ทั้งนี้ ยังมีภาพของ นายเอกนิติ ที่ร่วมเฟรมพูดคุยกับนายเบน สมิธ ด้วย และยังมีอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ระดับสูงหลายคน บางคนเป็นนายทุนพรรคการเมืองใหม่ อดีตปลัดกระทรวง นักธุรกิจพลังงานระดับต้นๆของเมืองไทยอยู่ในภาพต่างๆหลายภาพ หลายอริยาบทด้วยนั้น

แม้นายอนุทิน และนายเอกนิติ จะออกมาปฏิเสธว่าเป็นภาพเก่าที่อาจถ่ายเมื่อหลังรัฐประหาร เมื่อปี 2557 ขณะที่มีการเดินทางไปสิงคโปร์ แล้วไปเจอกับคณะของข้าราชการระดับสูงหลายคน โดยมีการเจอกับนายเบน สมิธ ด้วย แต่ยืนยันว่าไม่ได้คบหาแต่อย่างใดนั้น

กรณีดังกล่าว จะเป็นเรื่องบังเอิญไปพบกันได้อย่างไร หากแต่เป็นข้อพิรุธ ที่ถูกสังคมไทยวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในโซเขียลต่อการปรากฎของภาพดังกล่าว ภายหลังจากที่นายกรัฐมนตรี บช.ก. และ ปปง.ได้ออกแถลงยึดทรัพย์บุคคลต่างๆ ที่เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมอำพรางของเครือข่ายสแกมเมอร์ไว้ตรวจสอบเพียงข้ามคืน แม้ภาพต่างๆดังกล่าวจะถูกผู้หวังดีแต่อาจประสงค์ร้ายปล่อยออกมาสู่โซเชียลฯอย่างมีพิรุธก็ตาม

แต่อย่างไรเสีย คำปฎิเสธของนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ประชาชนคงไม่อาจไว้วางใจได้ว่า จะเป็นจริงตามคำปฏิเสธดังกล่าวหรือไม่ เพราะภาษิตโบราณกล่าวไว้ว่า เมื่อมีไฟย่อมมีควันฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น เพราะพฤติการณ์ตามภาพดังกล่าวอาจเข้าข่ายการคบหาสมาคมกับคู่กรณีที่มีชื่อเสียงในทางลบ อันอาจจะเข้าข่ายการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระร่วมกันกำหนดไว้ในข้อ 7 ข้อ 8 ข้อ 11 ข้อ 17 และข้อ 19 ประกอบข้อ 27 ได้ อันทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อการดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้

ด้วยเหตุดังกล่าว องค์การรักชาติ รักแผ่นดิน จึงจำต้องนำความไปร้องเรียนและชี้เบาะแสให้ ป.ป.ช.ใช้อำนาจตาม พ.ร.ป.ป.ป.ช. 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติมในการไต่สวนในเชิงลึกเพื่อพิสูจน์ทราบให้จงได้ว่า ภาพที่ปรากฎนั้นนายกรัฐมนตรี รมว.คลัง อดีตข้าราชการระดับสูงหลายคน นายทุนพรรคการเมือง และนักธุรกิจพลังงานชื่อดังดังกล่าว มีพฤติการหรือการกระทำที่ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันอันขัดต่อมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ และหรือเป็นไปตามคำปฏิเสธของนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลังหรือไม่ และหลังจากนี้อาจจะต้องไปร้อง กกต.ให้ตรวจสอบพรรคการเมืองหลายพรรคที่อาจจะเกี่ยวข้องด้วย