‘กกต.’ส่งรหัส ‘เลือกตั้ง’ เทียบปี66สัญญาณ‘17วัน’ ยุบสภา

‘กกต.’ส่งรหัส ‘เลือกตั้ง’ เทียบปี66สัญญาณ‘17วัน’ ยุบสภา

ประกาศจำนวน สส.และเขตเลือกตั้ง "จะพึงมี" ในแต่ละจังหวัดถูกถอดรหัสถึง จังหวะ"ยุบสภา" ที่เร็วกว่าคาด และเมื่อปี2566 ประกาศเรื่องเดียวกันของ กกต. เกิดก่อนยุบสภา 17 วัน

KEY

POINTS

  • กกต. ประกาศจำนวน สส. แบบแบ่งเขตของแต่ละจังหวัด "จะพึงมี" ถูกมองว่าเป็นสัญญาณบ่งชี้ "ยุบสภา" ในเร็วๆ นี้ และ อาจเร็วกว่าคาด
  • การประกาศดังกล่าวถูกนำไปเปรียบเทียบกับการเลือกตั้งปี 2566 ที่ กกต. ได้ประกาศในลักษณะเดียวกันล่วงหน้าเพียง 17 วันก่อนมีการยุบสภาจริง
  • นักวิชาการมองว่าการที่ กกต. รีบใช้ข้อมูลประชากรสิ้นปี 2567 เป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่าการยุบสภาอาจเกิดขึ้นภายในปี 2568
  • ขณะเดียวกัน จังหวะของ "ภูมิใจไทย" อยู่ในระดับที่พร้อมอย่างมาก ต่อการเลือกตั้ง หากยื้อจังหวะไปมากกว่านี้ อาจเผชิญเรื่องที่บั่นทอนกระแสนิยมได้
  • สิ่งที่ต้องจับตาต่อไป คือ การขีดเส้นแบ่งเขตเลือกตั้งในแต่ละจังหวัด ที่อาจมีประเด็น "เอื้อ"  ให้บางพรรค-สนองความต้องการของฝ่ายการเมือง เพื่อได้กลับมาชิงการนำอีกหลังเลือกตั้ง

คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศจำนวน สส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และเขตเลือกตั้งของแต่ละจังหวัด “จะพึงมี”  เมื่อ 2 ธ.ค. 68 ถือเป็นความน่าสนใจต่อการส่งสัญญาณ “เลือกตั้ง” ตามที่ “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรี บอกกล่าวต่อสาธารณะไว้หลายต่อหลายครั้งว่า ไม่เกิน 31 ม.ค.69 การยุบสภาจะเกิดขึ้น

ทว่าความน่าสนใจของเรื่องนี้ คือ ห้วงระยะเวลาที่ประกาศของกกต. ฉบับนี้มาเร็วกว่าคาด ทั้งที่ การยุบสภา ตามคำ “นายกฯ-หนู” อาจจะเกิดขึ้นในปี2569 นับจากวันนี้ ไปจนถึงวันนั้น มีระยะเวลาเหลืออีก 59 วัน

กรณีที่ “กกต.” อ้างอิงถึง จำนวนราษฎรสัญชาติไทยทั่วราชอาณาจักร ที่หยิบข้อมูลการสำรวจจากสำนักทะเบียนกลาง กระทรวงมหาดไทย เมื่อ 31 ธ.ค.2567 มาเป็นฐาน

‘กกต.’ส่งรหัส ‘เลือกตั้ง’ เทียบปี66สัญญาณ‘17วัน’ ยุบสภา

เท่ากับยิ่งตอกย้ำคำว่า “ยุบสภามาเร็ว” ให้เป็นจริง เพราะหากไม่มาเร็วๆ นี้ กกต. ควรรอสิ้นปฏิทิน เพื่อให้จำนวนประชากร มีความชัดเจนที่สุด

ดังนั้นการเลือกหยิบฐานข้อมูลปี 2567 เพื่ออ้างอิงการแบ่งจำนวน สส.แต่ละเขตของจังหวัดที่พึงมี ปี 2568 แม้ว่าจะเพื่อเตรียมการในขั้นตอนธุรการ เพราะกว่าที่ “มหาดไทย” จะแจ้งถึงจำนวนราษฎรในปีใหม่ ต้องกินเวลาถึง 3 เดือน

ทว่าสิ่งที่ถูกจับจ้อง คือ “กกต.” ได้รับสัญญาณมาแล้วใช่หรือไม่

สิ่งที่ชี้เป็นข้อสังเกตอย่างหนึ่ง คือ สถิติการทำงานของกกต. ในลักษณะนี้ กับการเลือกตั้งปี 2566 ที่จัดเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค. 2566 ก่อนหน้านั้น “กกต.” ออกประกาศ เพื่อแจ้งถึงจำนวนสส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งและเขตเลือกตั้งของแต่ละจังหวัด “จะพึงมี” ลงวันที่ 3 มี.ค.2566 ซึ่งเป็นเวลาล่วงหน้า ก่อนยุบสภา 20 มี.ค. 2566 เพียง 17 วัน

ต่อประเด็นนี้ “อ.สุวิชา เป้าอารีย์” นักวิชาการนิด้า ฐานะผู้อำนวยการนิด้าโพล มองว่า สิ่งที่กกต. ออกประกาศถึงจำนวน สส.เขตที่แต่ละจังหวัดจะพึงมีนั้น คือ การส่งสัญญาณยุบสภาภายในปี 2568 ส่วนการนำฐานประชากรปี 2567 มาใช้นั้นเป็นขั้นตอนที่ต้องนำข้อมูลชุดนี้มาใช้ก่อน เพราะหากรอยุบสภาอาจไม่ทัน

“ผมคาดว่าเขาจะยุบสภา ในเดือนธันวาไม่ลากไปไกลกว่านี้ เพราะหากลากไปถึงปีหน้าไม่รู้จะเชิญหน้ากับอะไรที่มีผลกระทบต่อคะแนนนิยมหรือไม่ ดังนั้นต้องรีบจบและกลับเข้ามาเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก” อ.สุวิชาประเมิน

เมื่อมองต่อสถานการณ์ปัจจุบัน มีความน่าจะเป็นในหลายประเด็น “อ.สุวิชา” ขยายความไว้ว่า เห็นจากมติของคณะรัฐมนตรีที่พยายามทำเรื่องโยกย้าย อนุมัติเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย และอนุมัติโครงการต่างๆ ส่วนประเด็นเรื่อง น้ำท่วมภาคใต้ โดยเฉพาะ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นั้น แม้เป็นวิกฤตคะแนนนิยม แต่ยังมีจังหวะกู้คืน ผ่านการเยียวยาช่วยเหลือได้ทันใจ

“มองว่าพรรคภูมิใจไทยพยายามเอาคะแนนคืน เพราะเหตุน้ำท่วมหาดใหญ่ทำให้คนผิดหวังในการบริหารจัดการ กับเหตุน้ำท่วมนั้นผมมองว่าไม่ใช่ปัญหาที่จะทำให้ พรรคภูมิใจไทยกลัวการเลือกตั้ง เพราะเขาเป็นพรรคที่มีความพร้อมที่สุดในบรรดาพรรคการเมืองอื่นๆ มีทั้งอำนาจรัฐ มีกระแส มีบ้านใหญ่ มีสส.ชื่อดังเต็มพรรค ดังนั้นเขาพร้อมเดินหน้า"

‘กกต.’ส่งรหัส ‘เลือกตั้ง’ เทียบปี66สัญญาณ‘17วัน’ ยุบสภา

"และในจังวะที่เงินเยียวยาถึงมือคนเดือดร้อนอาจทำให้เขาเรียกคะแนนนิยมคืนมาได้ เพราะเป็นช่วงหาเสียง เดือนมกรา ถึง กุมภา สส.ของพรรคสามารถนำไปเป็นจุดขาย หาเสียงให้ตัวเองได้กลับมา” นักวิชาการนิด้า ประเมิน

กับประเด็นที่ “กกต.” ต้องเตรียมพร้อมในกระบวนการจัดการเลือกตั้ง ต่อหารจัดสรร สส.แต่ละจังหวัดจะพึงมี ล่าสุด พบว่า สส. 400 คนจาก 400 เขต มี 2 จังหวัดที่ มี สส. ลดลง คือ จ.นครศรีธรรมราช จาก 10 คน เหลือ 9 คน และ จ.ลพบุรี จาก 5 คนเหลือ 4 คน

หากเจาะพื้นที่เทียบกับผลเลือกตั้งปี 2566 พบว่า ใน จ.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ครอง สส. มากสุด 6 คน (ในปัจจุบันพบว่ามี 3 สส. ที่เตรียมย้ายไปสังกัด ภูมิใจไทย 2 คน และ พรรคกล้าธรรม 1 คน จะเหลือที่สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ 3 คน) พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคกล้าธรรม พรรคพลังประชารัฐ และ พรรคภูมิใจไทย พรรคละ 1 คน

‘กกต.’ส่งรหัส ‘เลือกตั้ง’ เทียบปี66สัญญาณ‘17วัน’ ยุบสภา

และ จ.ลพบุรี จากมีสส. 5 คน เหลือ 4 คน ซึ่งการเลือกตั้งรอบที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทย และ พรรคภูมิใจไทย แบ่งสส. ไปพรรคละ 2 คน อีก1 ที่เหลือเป็นของพรรคส้ม ขณะที่กระแสนิยม “พรรคส้ม” มาเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาคือ “เพื่อไทย” ขณะที่ “ภูมิใจไทย” มาเป็นอันดับสี่

ดังนั้นต้องจับตาการตีเส้น-แบ่งเขตเลือกตั้งให้ดีๆ ว่า จะทำให้ “ฝ่ายใด” ได้เปรียบกว่ากัน เพื่อให้ได้สส.ในนามสังกัดเข้าสภาฯ

ขณะที่ จังหวัดที่พึงมี “สส.” เพิ่มขึ้น คือ จ.ปทุมธานี จาก 7 คน เป็น 8 คน และ จ.สมุทรสาคร จาก 3 คน เป็น 4 คน ต้องจับตาการขยายฐานของ “พรรคประชาชน” เพราะทั้ง 2 จังหวัดนั้นถูกขนานนามเป็นเมืองสีส้ม 

แม้ “ปทุมธานี” จะมี สส.เพื่อไทย “มนัสนันท์ หลีนวรัตน์” เป็นไข่แดง แต่ปัจจุบันตระกูล “หลีนวรัตน์” เผชิญกระแสลบจากคำพูด “คนปทุมกินหญ้าหวาน” จากปากของ “นายกฯเบี้ยว-กฤษฎา หลีนวรัตน์” ทำให้ต้องจับตาการเลือกตั้งที่จะมาถึง ว่าคู่แข่งอาจหยิบมา ดีสเครดิตและบั่นคะแนนได้

ทว่าไม่เพียงแค่ 4 จังหวัด นี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงเขตเลือกตั้ง ยังต้องจับตาการขีดเส้น แบ่งเขตเลือกตั้ง ที่อาจเอื้อให้ “บางพรรค” ชนะเพราะแทกติก 

เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ที่ใช้วิธีแบ่งเขตแบบเจอร์รีแมนเดอร์ ที่เลือกพื้นที่ในจังหวัดมา “ตัด-แปะ” สนองความต้องการของนักการเมือง จน “ฝ่ายผู้มีอำนาจ” ในขณะนั้นได้เปรียบ และกลับมาครองอำนาจอีกครั้ง