‘4ภัย’ไฟต์บังคับขยับยุบสภาม.ค. เกม‘อนุทิน-ภท.’ เปลี่ยนแผน?

‘4ภัย’ไฟต์บังคับขยับยุบสภาม.ค. เกม‘อนุทิน-ภท.’ เปลี่ยนแผน?

สถานการณ์มหาอุทกภัยที่ซัดคะแนนนิยมรัฐบาล รวมถึงตัว “นายกฯอนุทิน” อาจกลายเป็นไฟต์บังคับให้แผนยุบสภาต้องถูกขยับออกไปโดยปริยาย! 

KEY

POINTS

  • “4ภัย” ที่กำลังฉุดเรตติ้งรัฐบาลและพรรคภูมิใจไทยเวลานี้ส่งผลให้สถานการณ์จากเดิมที่ดูเหมือนพรรคแกนนำจะถือ “แต้มต่อ” ในสนามเลือกตั้ง ถึงขั้น “นายกฯอนุทิน” กล้าท้าทาย“พร้อมยุบสภาทุกเมื่อ” ถึงเวลานี้อาจไม่เป็นเช่นนั้น
  • สัญญาณที่บ่งชี้ว่า ไทม์ไลน์ยุบสภาจากเดิมถูกคาดหมายว่าจะเป็นวันที่12ธ.ค. อาจขยับออกไปในช่วงเดือนม.ค.ตามMOA “พรรคภูมิใจไทย” และ “พรรคประชาชน” คือ สัญญาณการอัดประชานิยมเพื่อกู้เรตติ้งรัฐบาล  
  • เวลานี้ซุ้มการเมืองบางซุ้มที่อยู่ในลิสต์ย้ายพรรคทั้งในส่วนของพรรคน้ำเงิน และพรรคร่วมรัฐบาล กำลังอยู่ในช่วง “ยื้อดีล” หยั่งเสียง-เช็คกระแสในพื้นที่ เพื่อประเมินความคุ้มได้คุ้มเสีย บางซุ้มถึงขั้นที่ว่า พ่อปล่อยข่าวไปอยู่พรรคหนึ่ง ขณะที่ลูกปล่อยข่าวไปอยู่อีกพรรคก็ยังมี
  • ท่ามกลางการเมืองที่อลเวง จาก“แผนยุบสภา” จากเดิมถูกจับตาว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเปิดสภาในวันที่12ธ.ค.2568นี้ ทว่าจากสถานการณ์มหาอุทกภัยที่ซัดคะแนนนิยมรัฐบาล รวมถึงตัว “นายกฯอนุทิน” อาจกลายเป็นไฟต์บังคับให้แผนยุบสภาต้องถูกขยับออกไป

ปฏิเสธไม่ได้ว่า สถานการณ์ “มหาอุทกภัย” 9จังหวัดภาคใต้ โดยเฉพาะอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งหนักในที่สุดในรอบหลายยปี นอกเหนือจากจะพัดพาทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนหายวับไปกับตา

โดยตัวเลขที่ “ทรงพล จังศิริวัฒนธำรง” ประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา ประเมินวิกฤตน้ำท่วมใต้เศรษฐกิจหาดใหญ่เสียหายกว่า 20,000 ล้าน โดยคาดว่าจะใช้เวลา 3 เดือนฟื้นฟูและกลับมาเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวได้

เหนือไปกว่านั้นกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากยังซัด “คะแนนนิยม” รัฐบาล โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย รวมถึงตัว “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกฯและรมว.มหาดไทย ในฐานะประมุขฝ่ายบริหาร  ที่เกาะกระแสชาตินิยมและประชาชานิยมในช่วง2 เดือนเศษเป็นอันต้องมลายหายไปกับสายน้ำอีกด้วย 

ในวันมอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2570 โดยมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ปลัดกระทรวง และหัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วม เมื่อวันที่1ธ.ค.ที่ผ่านมา 

“นายกฯอนุทิน” ออกอาการตัดพ้อถึง “4ภัย” ที่รัฐบาลกำลังเผชิญ  “นโยบายที่ได้แถลงมานี้ ปีนี้อาจจะต้องมีการมุ่งเน้นในเรื่องของการแก้ปัญหา 4 ภัย ที่ตนได้กล่าวเมื่อสักครู่ ผมอยากจะนามสกุลหลีกภัย แต่กลายเป็นนามสกุลเจอภัย เจอเข้าไป 4 ภัย คือภัยเศรษฐกิจ ความมั่นคง ภัยสังคม และภัยธรรมชาติ”

เป็นการสะท้อนว่า “4ภัย” ที่กำลังฉุดเรตติ้งรัฐบาลและพรรคภูมิใจไทยเวลานี้ส่งผลให้สถานการณ์จากเดิมที่ดูเหมือนพรรคแกนนำจะถือ “แต้มต่อ” ในสนามเลือกตั้ง ถึงขั้น “นายกฯอนุทิน” กล้าท้าทาย“พร้อมยุบสภาทุกเมื่อ” ถึงเวลานี้อาจไม่เป็นเช่นนั้น

 “นายกฯหนู” ไฟต์บังคับขยับยุบสภา? 

จับอาการ “นายกฯหนู”  ที่บอกว่า “ถ้ายุบสภาถ้าช่วงมีภัยพิบัติเรื่องฉุกเฉินต่างๆ รัฐบาลจะทำงานช่วยเหลือประชาชนลำบาก แต่ถ้าเกิดมีความจำเป็น หากไม่มีทางเลือก มันก็ไม่มีทางเลือก เราก็ต้องมีความพร้อม”

ถึงเวลาจริงอาจต้องพิจารณาภายใต้หลากหลายปัจจัยการเมืองเวลานี้ จริงอยู่แม้จะมีกระแสเรียกร้องให้ “อนุทิน” แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก มุมหนึ่งอ่านเกมว่า“อนุทิน” อาจชิงยุบสภา เพื่อรีเซ็ตเกมใหม่ 

ทว่าอีกกระแสยังมองต่างว่า อาจเป็นการทิ้งปัญหาที่ยังไม่คลี่คลาย เป็นเช่นนี้อาจส่งผลให้คะแนนรัฐบาลที่กำลังร่วงอยู่ในเวลานี้ ยิ่งติดลบมากขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ 

ที่ต้องจับตาต่อคือ เกมสภาฯหลังเปิดสมัยประชุมในวันที่ 12ธ.ค.2568นี้ ซึ่งมีวาระร้อนทั้งการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งคาดว่า จะมีการโหวตวาระ3ในช่วงเดือนธ.ค. เหนือไปกว่านั้นคือการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา151

เกมสภาฯส้ม-แดง“ซักฟอก-แก้รธน.”

เช็คสัญญาณพรรคฝ่ายค้านเวลานี้ ทั้ง “พรรคประชาชน” ในฐานะพรรคแกนนำ ส่งสัญญาณชัดว่า การยื่นซักฟอกจะเกิดขึ้นหลังผ่านรัฐธรรมนูญวาระ3 ในช่วงปลายเดือนธ.ค. 

ขณะที่พรรคเพื่อไทยล่าสุดมีสัญญาณมาจาก “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์”  หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ปฏิเสธกระแสข่าวที่ว่า พรรคเพื่อไทยจะมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจหลังวันที่ 11 ธ.ค.นี้ ว่า ไม่มีข่าวในเรื่องนี้ เป็นข่าวที่ไม่มีกระบวนการออกจากพรรคเพื่อไทย 

หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ย้ำชัดว่า การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ “ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะมาคุยในนาทีนี้”

ท่าทีของหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ต้นเรื่องมาจากกระแสข่าวที่ว่า พรรคภูมิใจไทยเปิดดีลพรรคเพื่อไทยยื่นซักฟอกหลังเปิดสภาฯวันที่12ธ.ค.เพื่อเป็นเกมเร่งให้"อนุทิน"ชิงประกาศยุบสภา

 ขณะที่ความเคลื่อนไหวสมาชิกพรรคเพื่อไทยส่วนหนึ่งต้องการชิงจังวะในห้วงที่รัฐบาล รวมถึง “อนุทิน” กำลังเสียคะแนนนิยมด้วยการยื่นซักฟอกเพื่อ “ขยี้แผลซ้ำ”  เนื่องจากมองว่าโอกาสที่ร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านด่านสว.ที่กุมอำนาจโดยสีน้ำเงินมีน้อย เมื่อเป็นเช่นนี้จึงควรชิงจังหวะที่ภูมิใจไทยเสียเปรียบเพื่อปิดเกมการเมือง 

ทว่าอีกส่วนมองว่า หากปล่อยให้บันไดแก้รัฐธรรมนูญพังทลาย ตั้งแต่ยังไม่เริ่มโหวต แทนที่จะปิดเกมการเมืองในช่วงที่ภูมิใจไทยเสียเปรียบ ทำไปทำมากระแสจะตีกลับมายังพรรคเพื่อไทย ที่จะถูกตั้งคำถามถึงความจริงใจต่อกระบวนการแก้รัฐธรรมนูญ 

มิหนิซ้ำจะกลายเป็นเกมเข้าทาง “พรรคส้ม” ที่ชูธงในเรื่องนี้อย่างชัดเจนในการชิงจังหวะดึงแต้มแดงเพื่อเติมแต้มส้ม 

เห็นชัดจากท่าทีของ “จาตุรนต์ ฉายแสง” ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ล่าสุดออกมากระทุ้งไปยังรัฐบาล เร่งกดปุ่มเดินหน้าทำประชามติคำถามแรก

“ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นได้จริงก็ต่อเมื่อการยุบสภาเป็นไปตามกำหนดเดิมคือในวันที่ 31 มกราคม 2569 ไม่ถูกเร่งให้สั้นลงจนทำให้กระบวนการประชามติทั้งสองคำถามไม่เกิดขึ้นในวันเลือกตั้ง” ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยระบุ

"ประชานิยม" พลิกเกมภท.? 

อีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งชี้ว่า ไทม์ไลน์ยุบสภาจากเดิมถูกคาดหมายว่าจะเป็นวันที่12ธ.ค. อาจขยับออกไปในช่วงเดือนม.ค.ตามMOA “พรรคภูมิใจไทย” และ “พรรคประชาชน” คือ สัญญาณการอัดประชานิยมเพื่อกู้เรตติ้งรัฐบาล  

เห็นชัดจากท่าทีของ “ภราดร ปริศนานันทกุล” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดทำโครงการคนละครึ่งเฟส 2ของรัฐบาล โดยระบุว่า “เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ได้รายงานให้รัฐบาลทราบว่า โครงการจะเริ่มต้นได้ในเดือนม.ค.2569

ไหนจะบรรดาประชานิยมที่จะถูกปล่อยออกมาเพื่อกอบกู้เรตติ้งรัฐบาล เหล่านี้อาจพออนุมานได้ว่า แผนยุบสภาจากเดิมถูกเซ็ตไว้ในวันที่12ธ.ค.2568นี้อาจขยับออกไปเป็นเดือนม.ค.2569 

จริงอยู่หากนายกฯประกาศยุบสภารัฐบาลจะยังคงมีสถานะเป็น "รัฐบาลรักษาการ"  ไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้ง แต่อย่าลืมในเรื่องของการอนุมัติงบประมาณโดยปกติแล้วควรเป็นอำนาจของรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มหรือไม่? 

ล่าสุดยังมีกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)วันที่2ธ.ค.มีมติอนุมัติโผโยกย้ายข้าราชการกระทรวงมหาดไทย “บิ๊กล็อต” เช็คหลายจังหวัดล้วนเป็นฐานเสียง “พรรคสีน้ำเงิน” ตอกย้ำสัญญาณการจัดวางองคาพยพเพื่อแก้เกมเตรียมพร้อมการเเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง 

ขณะที่ “เกมการเมือง” ช่วงที่ผ่านมา “พรรคสีน้ำเงิน” ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็น “พรรคกระสุน” พยายามโชว์ความพร้อมด้วยการเปิดตัวสารพัดซุ้ม “บ้านใหญ่-บ้านใหม่”  

แต่ว่ากันว่า เวลานี้ซุ้มการเมืองบางซุ้มที่อยู่ในลิสต์ย้ายพรรคทั้งในส่วนของพรรคน้ำเงิน และพรรคร่วมรัฐบาล กำลังอยู่ในช่วง “ยื้อดีล” หยั่งเสียง-เช็คกระแสในพื้นที่ เพื่อประเมินความคุ้มได้คุ้มเสีย บางซุ้มถึงขั้นที่ว่า พ่อปล่อยข่าวไปอยู่พรรคหนึ่ง ขณะที่ลูกปล่อยข่าวไปอยู่อีกพรรคก็ยังมี

เหล่านนี้สะท้อนว่า ท่ามกลางการเมืองที่อลเวง จาก“แผนยุบสภา” จากเดิมถูกจับตาว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเปิดสภาในวันที่12ธ.ค.2568นี้ ทว่าจากสถานการณ์มหาอุทกภัยที่ซัดคะแนนนิยมรัฐบาล รวมถึงตัว “นายกฯอนุทิน” จะกลายเป็นไฟต์บังคับให้แผนยุบสภาต้องถูกขยับออกไปหรือไม่ต้องจับตา!