'กมธ.สวล.' ชี้น้ำท่วมหาดใหญ่ เหตุ ทถ.ล้มเหลว-วางผังเมืองผิด

"กมธ.สิ่งแวดล้อม" สว. สอบปมน้ำท่วมหาดใหญ่ ชี้เป็นเพราะวางผังเมืองผิด -ท้องถิ่นล้มเหลว ขาดงานวิชาการรองรับ ด้าน "นักวิชาการ" แนะเร่งทำมาตรฐานข้อมูลภัยพิบัติ
กมธ.สิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ชำแหละ หาดใหญ่ จมน้ำ ชี้ "ผังเมืองวิบัติ" ถนนขวางทางน้ำ ผู้บริหารขาดหลักวิชาการ - เสนอดึง "กลาโหม" คุมวิกฤต
ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ที่มีนายชีวะภาพ ชีวะธรรม สว. เป็นประธานกมธ. ได้พิจารณาติดตาม สถานการณ์น้ำท่วม ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ โดยเชิญนายวสิศ ลิ้มประเสริฐ อาจารย์ประจำหลักสูตรวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมข้อมูล วิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เข้าชี้แจงถึงระบบการจัดการภัยพิบัติและแนวทางแก้ปัญหา
ทั้งนี้นายชีวะภาพ กล่าวว่าสาเหตุของ น้ำท่วมหาดใหญ่ ส่วนหนึ่งเกิดจากปริมาณน้ำป่าที่ไหลลงสู่พื้นที่หาดใหญ่ซึ่งเป็นแอ่งกระทะจำนวนมาก ประกอบกับฝนตกหนักเกินคาดการณ์จนเกินขีดความสามารถของคลองอู่ตะเภาและคลอง ร.1 แต่ปัจจัยร้ายแรงที่สุดคือการสร้างสิ่งกีดขวางทางน้ำ ขณะที่ประตูระบายน้ำในคลองทั้ง 2 แห่ง อาจถูกบีบในลักษณะการสร้างที่ขวางทางน้ำ จึงต้องใช้หลักวิทยาศาสตร์เพื่อออกแบบสร้างฝายหรือสปิลเวย์ขนาดใหญ่มาแก้ปัญหา
"อย่าไปโทษน้องน้ำ เขาแค่พยายามหาทางระบายของเขาไปสู่ทะเลสาบสงขลา แต่มีคนมาสร้างสิ่งกีดขวาง เห็นได้ชัดว่า ถนนลพบุรีราเมศวร์ ซึ่งเป็นถนนรุ่นใหม่ บดอัดอย่างดี กลับไม่ถูกตัดขาด แต่น้ำต้องไปพังทางรถไฟแทน นั่นหมายความว่า การพัฒนาผังเมืองที่ผิดเพี้ยนไปได้เปลี่ยนถนนให้กลายเป็นเหมือนเขื่อนกั้นน้ำ"นายชีวะภาพกล่าว
ประธาน กมธ.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวต่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มาจากระบบของหน่วยงานในท้องถิ่น ต่อการบริหารจัดการในพื้นที่ โดยเฉพาะระบบการเตือนภัยที่ล้มเหลว และการสื่อสารของผู้นำท้องถิ่นที่ใช้การเมืองนำหน้าหลักวิชาการ ซึ่งการบริหารจัดการ ที่ต้องใช้หลักวิชาการและวิทยาศาสตร์นำ แต่ประชาชนกลับเชื่อการสื่อสารของนายกเทศบาลนครหาดใหญ่ที่ฟันธงว่าเอาอยู่ทั้งที่หน่วยงานเหล่านี้ไม่มีนักวิชาการสนับสนุน
"ผมขอเตือนว่า อย่าไปโทษรัฐบาล เพราะรัฐบาลไหนมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็พังหมด และถ้ายิ่งเอาเรื่องการเมือง หาเสียง และข้อมูลที่ไม่ชัดเจนมานำเสนอ ยิ่งทำให้เกิดความปั่นป่วนโกลาหล"นายชีวะภาพ กล่าว
ด้าน นายวสิศ ให้ข้อมูลต่อกมธ.ตอนหนึ่งว่า ปัญหาภัยพิบัติ ได้กลายเป็นเรื่องปกติของประเทศไทยไปแล้ว แต่การเตรียมความพร้อมของ องค์กรปกครองส่วนท้องงถิ่น (อปท.) และกระทรวงมหาดไทยยังทำได้ไม่ดีในภาวะที่ไม่พร้อมปฏิบัติการ
นายวสิศ กล่าวด้วยว่าในการจัดการภัยพิบัติ อยากให้กมธ.เร่งผลักดันให้เกิดมาตรฐานข้อมูลภัยพิบัติแห่งชาติ และมองข้อมูลภัยพิบัติเป็นสาธารณูปโภคดิจิทัลเพื่อปฏิรูปโครงสร้างข้อมูลในระยะยาว
ด้านน.ส.รัชนีกร ทองทิพย์ สว. ฐานะรองประธาน กมธ. กล่าวว่ามหาอุทกภัยหาดใหญ่เป็นบทเรียนสำคัญที่ต้องเรียนรู้และปรับตัว เพราะหาดใหญ่เจอน้ำท่วมเกือบทุกปี ขณะที่การเยียวยาเป็นแค่ปลายทางและไม่คุ้มค่ากับความสูญเสีย ทั้งนี้ตนมองว่าเรื่องผังเมืองและการก่อสร้างเมืองหาดใหญ่ไม่พร้อมรับมือภัยพิบัติ ขณะเดียวกันกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแต่ละจังหวัด มีแผนแต่ขาด การซ้อมและทบทวนแผนเผชิญเหตุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในตอนท้ายของการประชุม กมธ.มีมติตั้ง น.ส.รัชนีกร เป็นประธานคณะทำงานเพื่อศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหาในภาพรวม กรณีมหาอุทกภัย จ.สงขลา โดยเน้นการศึกษาในเชิงวิชาการอย่างรอบด้าน ซึ่งมีทั้งนักวิชาการด้านภัยพิบัติ สิ่งแวดล้อม ภูมิศาสตร์ และระบบข้อมูล มาร่วมเป็นคณะทำงานเพื่อวางแนวทางป้องกันและจัดทำแผนอพยพและซ้อมรับมือภัยพิบัติที่สามารถปรับใช้ในทุกพื้นที่ของประเทศไทยได้.







